เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 178

สรุปบท บทที่178 ท่านผู้หญิงจิ้ง: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

บทที่178 ท่านผู้หญิงจิ้ง – ตอนที่ต้องอ่านของ เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ตอนนี้ของ เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดย เยว่กวางจู่อวี ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายInternetทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่178 ท่านผู้หญิงจิ้ง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เธอรู้ดีว่าทุกครั้งที่หนานกงเฉินเข้าโรงพยาบาลก็ต้องไปโรงพยาบาลหงเอินเท่านั้น ดังนั้นเธอไม่ได้ถามอะไรเลยก็ขับรถตรงไปยังโรงพยาบาลหงเอิน พอเธอรีบขับรถไปถึงโรงพยาบาล เธอเห็นคุณผู้หญิงและเซิ่งเคอสองน้องนั่่งรออยู่หน้าห้องฉุนเฉินแต่ไกล

คุณผู้หญิงนั้นวิตกกังวลจนร้องไห้ เซิ่นซินกำลังปลอบโยนอยู่ข้างๆ

ไป๋มู่ชิงได้ชะลอตัวลง แล้วมองไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน และมองดูผู้คนในนั้น เธอแทบจะหยุดหายใจแล้วถามขึ้นว่า“คุณชายใหญ่ เป็นอะไรคะ?”

เมื่อได้ยินเสียงของเธอ คุณผู้หญิงค่อยๆเงยหน้าขึ้นความเศร้าเสียใจได้ทำให้เขาโมโหโกธรอย่างกับเปลวไฟ เขาได้ตะโกนใส่เธอ “เธอยังมีหน้ามาที่นี้อีกหรอ?ไปให้พ้น!”

ไป๋มู่ชิงหัวใจสั่นสะท้านเมื่อโดนตะโกนใส่ รีบพูดขึ้นว่า “คุณย่าคะ หนูแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณชายใหญ่คะ ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้กับหนูเลยนะคะ?”

“ถ้าไม่ใช่เพราะเธอกับอันหนานมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนทำให้เฉินคิดมากเสียใจ ?เขาจะออกไปดื่มเหล้าไหม เขาจะดื่มจนป่วยไหม?”คุณผู้หญิงลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างกะทันหัน ใช้มือตบหน้าเธออย่างไม่ทันตัังตัว“ ฉันขอเตือนเธอ ถ้าเฉินเป็นอะไรไปแล้วละก็ ฉันจะให้เธอตายตามเขาไป!”

ถึงแม้ไป๋มู่ชิงถูกตบ  แต่เธอก็ไม่ได้ถอนตัวจากไป แต่พูดด้วยน้ำตา “คุณย่าคะ ถ้าเฉินเป็นอะไรไป หนูจะตายตามเขาไปเองคะ เพราะหนูเป็นภรรยาของเขา และเป็นเพราะหนูเป็นภรรยาของเขา นั่นเป็นเหตุผลที่หนูควรอยู่ตรงนี้มากที่สุดไม่ใช่เหรอคะ!”

เธอลูบหลังคุณผู้หญิงด้วยมือข้างหนึ่งกับแก้มที่เจ็บอยู่ แล้วพูดต่อว่า“ ฉันกับหลินอันหนานไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันค่ะ คุณชายใหญ่เข้าใจผิดฉัน ท่านอย่าเข้าใจผิดฉันตามเขาเลยคะ ”

“เข้าใจผิดหรอ?ก็อันหนานได้ยอมรับแล้วว่าเขากับเธอยังคงติดต่อกันตลอดเวลา”

“หลินอันหนานโกหก!”ไป๋มู่ชิงยิ่งกังวลไปใหญ่ เธอคิดไม่ถึงว่าหลินอันหนานจะพูดโกหกกับ คุณผู้หญิงเรื่องแบบนี้ คุณผู้หญิงก็ต้องเชื่ออยู่แล้ว !

“คุณย่าคะ คุณย่าอย่าโกรธเลยคะ”เซิ่นซินโอบกอดคุณผู้หญิงพร้อมกับปลอบใจ “พี่อันหนานอยู่ต่างประเทศตลอดเขากับพี่สะใภ้จะมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร

“ใช่แล้ว คุณย่าคะ ฉันส่งคุณย่ากลับดีกว่า” เซิ่งเคอเดินเข้ามาพยุงแขนอีกข้างของคุณผู้หญิง “พี่ชายต้องไม่เป็นไรคะ คุณย่ากลับไปพักผ่อนให้สบายใจนะคะ”

คุณผู้หญิง ยังคงจ้องไปที่ไป๋มู่ชิงด้วยความโกรธ แต่ไป่มู่ชิงเได้แต่กุมมือแน่น ไม่กล้าพูดสักคำกลัวจะเป็นการยั่วโมโหท่านอีก

ขณะเดียวกันประตูห้องฉุกเฉินได้เปิดออก มีเจ้าหน้าที่แพทย์กลุ่มหนึ่งได้เข็นหนานกงเฉินที่หมดสติออกจากห้องฉุกเฉินไป๋มู่ชิงผงะไปชั่ววูบ แล้วรีบเข้าไปทักทาย

เมื่อเธอเห็นหน้าซีด ริมฝีปากออกม่วง หน้าที่ยังมีบาดแผลบนหน้าของหนานกงเฉิน เธอรู้สึกเหมือนหัวใจโดนมีดกรีดคุณผู้หญิง ได้เห็นหนานกงเฉินที่อยู่บนเตียงแล้วถึงกับร้องไห้ กุมมือแพทย์ถามว่า“ หน้าของเขาเป็นอะไร ?สรุปมันเกิดอะไรขึ้น?”

คุณหมอจางที่ติดตามอาการของหนานกงเฉินตลอด ได้รูดหลังมือของคุณผู้หญิง *เพื่อปลอบโยน “คุณผู้หญิงอย่ากังวลสบายใจได้ หน้าคุณชายเฉินเป็นแค่บาดแผลเล็กน้อย เดียวก็น่าจะฟืนแล้ว”

“จริงเหรอ ?” คุณผู้หญิง*ถามขึ้นมาอีกครั้ง

หมอพยักหน้า แล้วเหลือบตามองทุกคนแปบหนึ่ง จึงเข็นหนานกงเฉินไปที่ห้องผู้ป่วยหนัก

เมื่อเห็นโรงพยาบาลนำหนานกงเฉินไปอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก ไป๋มู่ชิงรู้สึกใจไม่ดี  รีบวิ่งตามไปดึงชายเสื้อคุณหมอ “ไหนคุณหมอบอกว่าคุณชายเฉินเดียวก็ฟืนแล้วแล้ว?ทำไมต้องเข็นเขาเข้าไปห้องผู้ป่วยหนักด้วย?หรือว่า ...……”

คุณหมอจางเหลือบมองไปที่คุณผู้หญิงพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ “ นายหญิงน้อย พูดอย่างไม่โกธรท่าน คุณชายเฉินจะตื่นเมื่อไรผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ ที่เมื่อกี้ผมพูดไปแบบนั้น เพื่อไม่อยากให้คุณผู้หญิงกังวลใจ”

หัวใจของไป๋มู่ชิงที่ชาอยู่แล้วเย็นเข้าไปอีก ต้องกลั้นหายใจถามว่า“สรุปคุณชายเฉินเป็นอะไรคะ? เป็นเพราะแอลกอฮอล์เป็นพิษกัดกระเพาะอาหารใช่ไหม?”

“กระเพาะอาหารไม่เป็นไร แต่คราวนี้อาการป่วยร้ายแรงกว่าทุกๆครั้ง ดังนั้น ………” คุณหมอจางส่ายหัว“ ผมก็ไม่รู้ว่าเขาจะตื่นเมื่อไหร่”

คำพูดของคุณหมอจาง ทำให้ไป่มู่ชิง หายใจติดขัดชาไปทั้งตัวหยุดอยู่กับที่

จากนั้นไม่นานเธอก็หันกลับไปเดินเข้าไปเข้าหาคุณผู้หญิง ในความเงียบคุณผู้หญิง*จ้องมองเธอและถามอย่างเย็นชาว่า คุณหมอบอกอะไรกับเธอ?”

ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจพยายามควบคุมเสียงพูดของเธอ “ฉันไปถามคุณหมอว่า คุณชายใหญ่*เป็นเพราะแอลกอฮอล์เป็นพิษกัดกระเพาะอาหารหรือเปล่า คุณหมอจางบอกไม่ใช่ คุณชายใหญ่คงอีกเดียวก็ตื่นแล้วคุณย่าสบายใจได้คะ”

“เพื่อเป็นการปลอบโยนคุณผู้หญิง เธอทำได้เพียงโกหกอย่างกับคุณหมอจางเท่านั้น

ไม่รู้ว่าคุณผู้หญิง*จะเชื่อหรือไม่ แต่ในที่สุดเธอก็ถูกเซิ่งเคอพาออกจากโรงพยาบาล

ทันทีที่คุณผู้หญิง*จากไป ไป๋มู่ชิงรีบหันไปหาเซิ่งซินทันทีถามว่า“สรุปเกิดอะไรขึ้น ? ทำไมคุณชายใหญ่*ถึงไปดื่มเหล้ากับหลินอันหนานได้ยังไง?”

เซิ่งซินมองไปที่เธอ มีน้ำเสียงตำหนิเธอที่ไม่สามารถปกปิดได้ “ ฉันได้ยินพี่อันหนานบอกว่าพี่ชายใหญ่เป็นคนไปหาเขาดื่มเหล้าเอง เรื่องไปๆมาๆเป็นยังไงฉันก็ไม่รู้ แต่พี่สะใภ้ ..”เซิ่งซินได้หยุดชั่วคราว แล้วกล่าวว่า“ อย่าโทษฉันที่พูดมากเกินไปนะ แม้ว่าพี่ชายใหญ่นิสัยจะไม่ค่อยดีนัก แต่เขาก็ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของเขามาก แต่ก่อนนั้นเขาโดนคุณหนูจูทำลายหัวใจอย่างหนัก กว่าเขาจะเดินออกมาจากเงามืดนั้นได้ ฉันหวังว่าคุณจะไม่ปล่อยให้เขาเดินซ้ำรอยทางเก่านั้นนะ อย่าปล่อยให้เขาต้องเจ็บปวดเพราะความรักอีกเลย”

ไป๋มู่ชิงมองไปที่เซิ่งซิน พูดอย่างหมดหนทาง เซิ่งซิน แม้แต่เธอก็ไม่เชื่อฉันหรอ ฉันกับหลินอันหนานบริสุทธิ์ใจกันจริงๆ”

“อันนี่ ... ”เซิ่งซินยิ้มอย่างเฉยเมย:“ มันไม่สำคัญที่ว่าฉันจะเชื่อเธอหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือต้องให้พี่ชายใหญ่เชื่อใจเธอ”

ไป่มู่ชิงไม่พูดแล้ว หนานกงเฉินไม่เชื่อเธอ ไม่ผ่านมาเขาไม่เคยเชื่อเธอ!

ในขณะที่รอให้หนานกงเฉินตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล เรื่องนี้ไป่มู่ชิงยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ ยิ่งคิดยิ่งโมโห ในที่สุดก็หยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาโทรหาหลินอันหนาน

ในไม่ช้าเสียงของหลินอันหนานก็ดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ไม่รอให้เขาได้พูดอะไร ไป่มู่ชิงก็ถามทันที “ คุณอยู่ไหน?”

“ฉันอยู่โรงพยาบาล เธอมองกลับมาด้านหลังสิ ” หลินอันหนานกล่าวอย่างไม่ร้อนตัว

ไป๋มู่ชิงหันหน้ากลับไปก็เห็นหลินอันหนานกำลังถือสายโทรศัพท์เธอพร้อมเดินเข้ามาทางทิศเธอ

เธอวางสายโทรศัพท์ ด้วยความโกรธเธอรีบเข้าไปตบเขาอย่างเต็มแรงกล่าวขึ้นว่า“ หลินอันหนาน คุณไม่รู้เหรอว่าคุณชายเฉินดื่มเหล้าไม่ได้? ทำไมคุณต้องให้เขาดื่มมากขนาดนี้ด้วย?”

หลินอันหนานถูกเธอตบ จนหน้าเอียงไปด้านข้าง จากนั้นเขาก็หันหน้ากลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะเดียวกันเขายกมือขึ้นมาลูบแก้มของเธอและพูดด้วยความเป็นห่วง:“ หน้าเธอเป็นอะไร ?ทำไมหน้าแดงจัง ?”

นั่นเป็นเพราะโดนคุณผู้หญิงตบ เป็นใครเห็นก็รู้ว่านั่นคือรอยนิ้วมือ

ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นสะบัดมือเขาออก“ อย่ามาทำเป็นใจดีที่นี่!”

“มู่ชิง คุณอย่าพึ่งโมโหขนาดนี้”

“ตอนนี้คุณเฉินยังไม่ตื่นเลย คุณยังจะไม่ให้ฉันโมโหอีกหรอ ?”ไป่มู่ชิงตบหน้าเขาอีกครั้งด้วยความโมโหโกรธ:“ คุณตั้งใจใช่ไหม? คุณจงใจที่จะฆ่าเฉินใช่ไหม?”

ครั้งนี้เธอตบไม่โดนหน้าหลินอันหนาน แต่กับโดนเขาจับข้อมือของเธอไว้แน่น

ในที่สุดหลินอันหนานก็โมโห “ทำไมคุณไม่ถามว่าบาดแผลบนหน้าฉันมาจากไหน? ทำไมคุณไม่ถามว่าเมื่อคืนฉันดื่มไปมากแค่ไหน ?ในหัวใจคุณมีแต่หนานกงเฉินคนเดียวใช่ไหม?”

“ฉันเคยบอกคุณไปหลายครั้งแล้วว่า ในใจฉันมีเพียงหนานกงเฉินเท่านั้น!”

“ถึงจะอย่างนั้น คุณก็ไม่ควรไม่แยกแยะว่าใครถูกใครผิดใช่ไหม ?” หลินอันหนานกล่าวอย่างโกรธ :“ ฉันขอบอกคุณว่าเมื่อคืนนี้หนานกงเฉินเป็นคนหาฉัน เขาเป็นคนท้าฉันต่อย และเป็นคนท้าฉันดื่มเหล้าเอง ไม่ใช่ฉันท้าเขา!”

“คุณพูดอะไร ?” ไป๋มู่ชิงจ้องเขาอย่างตาโต :“ พวกคุณต่อยกัน?”

“ใช่ เขาเป็นท้าฉันต่อยเอง!”

ถึงว่าหน้าของหนานกงเฉินถึงมีบาดแผล ขณะเดียวกัน ไป่มู่ชิงพึ่งสังเกตเห็นว่ามุมปากของหลินอันหนานบวมช้ำเช่นกัน เมื่อกี้เธอได้แต่โกธรเลยไม่ได้สังเกตใบหน้าของเขา

ว่าแต่... ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้หลินอันหนานยังสามารถยืนอยู่ที่นี่ได้ แต่หนานกงเฉินยังนอนอยู่ในห้องผู้ป่วยหนักและยังไม่ตื่น แค่คิดว่าหนานกงเฉินอาจจะไม่มาสารถตื่นขึ้นมาอีก น้ำตาของเธอก็ไหลไม่หยุด

เธอจ้องมองไปที่หลินอันหนานด้วยน้ำตา “ ทำให้ปัญหาเกิดขึ้นมากขนาดนี้ ตอนนี้คุณพอใจแล้วใช่ไหม?”

“มู่ชิง ... ”

“คุณอย่าเรียกฉัน!”ไป๋มู่ชิงขัดขึ้นมา สายตาที่จ้องมองเหลือแต่ความวิงวอนอยู่บนใบหน้าของเขา “อันหนาน ครั้งนี้ถ้าหากเฉินโชคดีตื่นขึ้นมา ฉันขอร้องได้ไหมปล่อยพวกเราไปเถอะ ?อย่ารบกวนฉันอีก”

หลินอันหนานหัวเราะเฉยชาถามขึ้ยว่า:“ แล้วถ้าเขาโชคไม่ดีตายล่ะ ?คุณก็จะกลับมาหาฉันใช่ไหม?”

“คุณหุบปากนะ!”ไป๋มู่ชิงตะโกนด้วยความโกรธมาก:“เฉินจะไม่ตาย:“ เขาจะต้องตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน!”

“ใครจะไปรู้?” หลินอันหนานยิ้มอย่างไม่สะท้านสะเทือน :“ทั้งๆที่เขาไม่ย่อมปล่อยเราสองคน แต่คุณกลับต้องการให้ฉันปล่อยพวกคุณไป ? คุณไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องตลกหรอ ? ฉันเสียใจจริงๆที่เมื่อคืนนี้ฉันน่าจะให้เขาดื่มเพียวๆอีกสักสองสามแก้ว!”

“คุณ ...…!”ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นตีเขาอย่างโกรธสุดๆ

หลินอันหนานคว้าข้อมือของเธอเหมือนเมื่อกี้ ดึงร่างของเธอเข้าใกล้หน้าด้วยความโกรธ พูดอย่างโมโหร้ายว่า“ไป๋มู่ชิง  วันนี้คุณทุบตีฉันเพราะเขาเป็นครั้งที่สามแล้วนะ! ฉันขอเตือนคุณ ความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด !”

“ในเมื่อคุณรู้ว่าความอดทนของมนุษย์มีขีดจำกัด ทำไมคุณถึงค่อยแตะต้องขีดจำกัดของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า?” ไป๋มู่ชิงดึงข้อมือของตัวเองกลับจากมือของเขาด้วยกำลังทั้งหมด ก้าวถอยหลังและจ้องไปที่เขา:“ ฉันพบว่าคุณเป็นโรคประสาทไปแล้ว ไร้ยาเยี่ยวยา!”

พูดจบ เธอก็หันไปและจากไป

หลินอันหนานยิ้มอย่างเฉยชาพร้อมกับจ้องมองการเดินจากไปอย่างรวดเร็วของเธอ:“ กระซิบว่าต่อให้ฉันจะประสาทเสียจนกลายเป็นบ้า ฉันก็จะไม่ยอมปล่อยคุณ……”

รอมาทั้งวันแล้ว หนานกงเฉิน ก็ยังไม่ตื่น

ไป่มู่ชิงตั้งแต่ช่วงเช้าก็กังวลเรื่องหนานกงเฉินจนตอนนี้ใจกระสับกระส่าย ตั้งแต่เธอแต่งเข้าบ้านของตระกูลหนานกง หนานกงเฉินโรคกำเริบอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่เคยเหมือนครั้งนี้ที่เขาจะหมดสตินานขนาดนี้แล้วไม่ตื้น

เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาหนานกงเฉินดื่มเหล้ามากแค่ไหน แต่เขาดื่มเหล้าเมาติดต่อกันสองวันแล้ว จากปกติที่เขาไม่สามารถดื่มได้เลย ร่างกายจะรับไหวได้อย่างไร

หลังจากที่เฝ้านอกห้องผู้ป่วยหนักมาหนึ่งวันเต็ม ไป๋มู่ชิงไม่ได้ดื่มน้ำเลยแม้แต่หยดเดียว อาศัยที่เซิ่งซินหลังเลิกเรียนจึงเอาของกินมาให้เธอ

เมื่อมองไปที่ขนมในมือของเซิ่งซิน เธอไม่ได้รู้สึกอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย

“พี่สะใภ้ คุณต้องกินอะไรหน่อยนะค่ะเพื่อที่จะได้มีแรงดูแลพี่ชายใหญ่ ถึงเวลานั้นพี่ชายใหญ่ตื่น คุณก็ล้มลง”เซิ่งซินยื่นขวดน้ำแร่ที่เปิดเกลียวแล้วให้เธอ “ ดื่มน้ำก่อนนะ ”

“ขอบคุณ” ไป๋มู่ชิงรับน้ำจากมือเธอดื่มคำนึ่ง พึมพำถามขึ้นว่า “เธอว่าทำไมคุณชายใหญ่ถึงไม่ตื่นสักที?”

“ไม่รู้เหมือนกันคะ” เซิ่งซินดูกังวลใจเหมือนกัน

ทำไมเขาถึงวิ่งไปท้าต่อยกับหลินอันหนาน ทำไมถึงวิ่งไปท้าหลินอันหนานดื่มเหล้า? เพื่อระบายความโกรธในใจ ?ดูเหมือนว่าความโกรธในใจของเขาจะยิ่งใหญ่จริงๆ!

เพิ่งจะกินอาหารที่ไร้รสชาติไปหน่่อยนึ่ง คุณผู้หญิงก็มานี่ล่ะ ทั้งสองคนก็รีบลุกขึ้นจะเก้าอี้เพื่อพบเธอ

“คุณย่าคะ ทำไมคุณย่ามานี่ล่ะคะ?” เซิ่งซิน ถามพร้อมกับกอดแขนของเธอ

คุณผู้หญิงเหลือบมองห้องผู้ป่วยที่หนานกงเฉินอยู่ กล่าวอย่างปวดใจว่า :“เฉินอยู่ที่นี้ไม่รู้ตายร้ายดียังไง ฉันอยู่บ้านก็ใจไม่ดี ”

“แต่ว่าคุณย่าคะ ที่นี้เป็นโรงพยาบาลมีเชื้อโรคมากมาย ไม่ดีต่อสุขภาพของคุณย่า” เซิ่งซินพูดกับเซิ่งเคอที่มาด้วย:“ พี่ชาย พี่พาคุณย่ากลับเถอะ”

เซิ่งเคอยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ :“คุณย่ายืนยันที่จะมาเอง”

“ฉันดูแลตัวเองได้ พวกเธอไม่ต้องกังวลเรื่องฉัน” คุณผู้หญิงพูดจบ ก็พูดกับเซิ่งเคอ :“ไปเรียกคุณหมอจางมา”

“คุณย่าคะ คุณหมอจางเพิ่งออกมาจากห้องผู้ป่วย เขาก็ไม่รู้ว่าเฉินจะตื่นเมื่อไหร่”ไป๋มู่ชิงกล่าว

คุณผู้หญิงชำเลืองมองเธอ เธอก้มหน้าลงทันทีด้วยความรู้สึกผิด

เธอคิดว่าคุณผู้หญิงจะดุเธออย่างรุนแรงอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเป็นเพราะเธอหนานกงเฉินถึงเป็นเช่นนี้ แต่คุณผู้หญิงไม่ได้ทำเช่นนั้น แต่กับพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ทำอะไรไม่ถูกและเศร้า“เธอกลับบ้านพร้อมกับฉัน”

ไป๋มู่ชิงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเรียกตัวเธอกลับไป แต่เธอไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!

“คุณย่าคะ ฉันอยากอยู่ที่นี่จนกว่าคุณชายใหญ่จะตื่น ” เธอพูด

คุณผู้หญิงโกรธมาก :“ เฉินเป็นแบบนี้เพราะเธอ จะตื่นขึ้นมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอจะรอยังไง ?เธอมีสิทธิ์อะไรรอ?”

“คุณชายใหญ่*ต้องตื่นอย่างแน่นอนคะ คุณย่าคะ โปรดให้ฉันอยู่ในโรงพยาบาลรอเขาด้วย ได้โปรด ... ” ไป๋มู่ชิงได้แต่ดึงมุมเสื้อของเซิ่งซินด้วยความรีบร้อนหวังให้เธอจะช่วยพูดให้กับตัวเอง

แต่กลับกันเซิ่งซินได้แค่ส่ายหน้า เพื่อส่งสัญญาณให้เธออย่าทำให้คุณผู้หญิงโกรธ

“เขาเป็นคนรักเก่าของเฉินในอดีตชาติ หญิงที่เฉินเป็นหนี้ ”คุณผู้หญิง*พูดด้วยเสียง ช้าๆ ทุกถอยคำ ที่พูดดูแปลก ๆ

ไป๋มู่ชิงตกใจเล็กน้อย มือที่ปิดหน้าของเธอก่อนหน้านั้นได้ลดลงทีละนิด จ้องมองไปที่คุณผู้หญิงพูดว่า:“ ท่านพูดอะไร?”

คนรักอดีตชาติของหนานกงเฉิน? บุคคลที่เป็นข่าวลือในตำนานนี้มีอยู่จริง? และเป็นหญิงงามที่กำลังหลับใหลอยู่ตรงหน้านี้ ?ไป๋มู่ชิงยังคงไม่กล้าไปดูหญิงในโลง ได้แต่จ้องไปทางคุณผู้หญิงด้วยความประหลาดใจ

“เธอได้ยินไม่ผิดหรอ” คุณผู้หญิง*จ้องมองเธอ:“ ฉันไม่รู้ว่าข้างนอกข่าวลือที่เธอได้ยินมาเป็นอย่างไร แต่ข่าวลือนั้นมันก็ไม่ได้เกิดขึ้นแบบโคมลอย ในชาติก่อนเฉินได้เป็นหนี้ผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ และต้องการให้เขาชดใช้ในชาตินี้ พระเจ้าได้ลิขิตไว้แล้ว และไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ”

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินข่าวลือนี้มาก่อน แต่เธอไม่เคยเชื่อ ในความคิดของเธอ ตอนนี้มันยุคใหม่แล้ว พวกข่าวลือและความเชื่อโบราณ มันเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อถือแล้ว

แต่เธอไม่คาดคิดว่า ผู้หญิงคนนี้จะซ่อนตัวอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษของตระกูลหนานกง

คนรักอดีตชาติ มันต้องนานแค่ไหน? หนึ่งร้อยปี ?หรือว่าหนึ่งพันปี?

“ชดใช้ยังไง?”เธอถามพลางมองไปที่คุณผู้หญิง

“ตามหาคู่ครองของเฉินที่ถูกฟ้าลิขิตไว้แล้ว”คุณผู้หญิงลังเลครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดประโยคดังกล่าวออกมา

“นี่คือเหตุผลที่ท่านพยายามหาคู่ครองฟ้าลิขิตตลอดมา?”

“ใช่ ต้องตามหาเธอให้เจอ เฉินถึงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้”

ในใจของไป๋มู่ชิงวุ่นวายไปหมด ความรู้สึกกลัวก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่นิด ในสมองของเธอยังมีคำถามอีกมากมายที่อยากถาม แต่เธอไม่รู้จะเริ่มถามจากที่ไหนดี สักพักนึ่งเธอถามทั้งที่ตัวยังสั่นว่า :“จำเป็นต้องเก็บเธอไว้ที่นี่หรอ?”

เธอรู้สึกว่าการเก็บศพคนตายไว้ในบ้านเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และมันก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทำไมไม่ฝังศพเธอเพื่อให้เธอไปอย่างสงบล่ะ ? เธอไม่เข้าใจ

“เรื่องนี้ภายหลังเธอจะรู้เอง” คุณผู้หญิง*พูดอย่างแผ่วเบา กับรอยยิ้มที่เย็นชา :“ เธอจะไม่ดูเธอหน่อยหรอ ?เธอเป็นอดีตคู่ครองที่ฟ้าลิขิตของเฉินนะ เป็นคนที่ทำให้เฉินป่วยเป็นโรคแปลกประหลาด บางทีชาตินี้ เฉินอาจจะไม่ตื่นขึ้นอีกเลยเพราะเธอ จำหน้าเธอไว้ ถ้าคราวนี้เฉินไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย อย่างน้อยเธอก็จะได้รู้ว่าคนที่ต้องเกลียดจนเข้ากระดูกเป็นใคร”

คำพูดของคุณผู้หญิง ทำให้ศีรษะของไป๋มู่ชิงชาไปหมด ในที่สุดเธอก็ต้องค่อยๆจ้องมองไปที่โลงคริสตัลอีกครั้ง ร่างที่มีกระจกใสบังอยู่ เธอเห็นผู้หญิงที่อยู่ข้างในนั้นยังคงเหมือนครั้งที่แล้วหน้าเล็กๆของเธอหันหน้าเข้าด้านในเล็กน้อย ผมที่ดกดำ ท้านอนที่สง่า หากไม่ใช่เพราะผิวหน้าซีดของเธอ ดูไม่ออกจริงๆว่าหญิงผู้นี้ไม่มีชีวิตแล้ว

เมื่อมองไปที่เธอ  ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าตัวเองหายใจลำบาก แขนขาไม่มีแรง จากนั้นขาของเธอก็แทบจะล้มลงกับพื้นทันทีที่เธออ่อนตัวลง

ไป๋มู่ชิงรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว และไม่รู้ว่าเธอเดินออกจากห้องโถงบรรพบุรุษนั้นยังไง กลับห้องนอนของเธอได้อย่างไร จนกระทั่งคุณผู้หญิงได้เดินมาหาเธออีกครั้ง เธอจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนจากโซฟาจ้องมองไปที่คุณผู้หญิงพูดว่า :“คุณย่าคะ……ฉันคิดเสมอว่าคู่ครองที่ถูกฟ้าลิขิต ข่าวลือในตำนานทั้งหมดเป็นเรื่องปลอม .……..พวกเราฝังศพของผู้หญิงคนนั้นเถอะอย่ามาหลอกหลอนกันเองอีกเลย……”

พี่เหอได้ยื่นแก้วน้ำในมือของเธอไปให้ไป๋มู่ชิงในมือ :“ นายหญิงน้อยดื่มน้ำก่อน จะได้หายตกใจ”

ไป๋มู่ชิงได้รับน้ำในแก้วมาดื่ม กึบ กึบ สองสามกึบก็หมด หลังจากดื่มน้ำ  รู้สึกว่าใจของเธอสงบลงเยอะ

เธอได้มองดูคุณผู้หญิง เดินไปที่โซฟาตรงข้ามเธอแล้วนั่งลง ได้ฟังเสียงท่านพูดอย่างสงบ:“ ที่ฉันให้เธอไปดูภาพวาดของ‘ ท่านผู้หญิงจิ้ง’ไม่ใช่ที่จะเปิดเผยให้เธอมารับรู้ความลับของตระกูลหนานกง’ แต่เพื่อให้คุณตระหนักถึงความสำคัญของเรื่องนี้’ ดูเหมือนว่าคุณจะยังคงไม่รู้ถึงความสำคัญของมัน ซึ่งทำให้ฉันผิดหวังอย่างมาก ”

ไป๋มู่ชิงมองไปที่คุณย่า ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงพูดแบบนี้

พี่เหอที่อยู่ด้านข้างกล่าวว่า:“นายหญิงน้อย คุณผู้หญิง*หมายความว่า ตอนนี้ชีวิตของคุณชายใหญ่กำลังตกอยู่ในอันตราย ถ้าคุณยังครองตำแหน่งของนายหญิงน้อยอยู่ไม่ยอมให้คุณชายใหญ่*แต่งงานกับคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ อย่างนั้นชีวิตของคุณชายใหญ่ เต็มไปด้วยความโชคร้ายและอันตราย”

ไม่ใช่ว่าไป๋มู่ชิงเดาความคิดของคุณผู้หญิงไม่ออกแต่ว่าความคิดนี่ คือ ..….

เธอมองทั้งสองคนด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ:“ ตอนนี้สิ่งที่คุณชายใหญ่*ต้องการคือโรงพยาบาลที่ดี แต่ไม่ใช่คู่ครองที่ฟ้าลิขิตตามข่าวลือ”

“เรื่องนี้เธอไม่จำเป็นต้องเชื่อ ถ้าเธอยังอยากให้ เฉินมีชีวิตอยู่ ก็ออกจากชีวิตของเขาด้วยตัวเอง ครั้งนี้เฉินสลบไปนานขนาดนี้ ต่อให้เขาจะตื่นขึ้นมาร่างกายของเขาก็จะแย่ลงกว่าเดิม ต่อให้ครั้งนี้เขาสามารถรอดมาได้ ครั้งต่อไปเขาจะสามารถรอดมาได้หรือเปล่าก็ไม่อาจรู้ได้”

คุณผู้หญิงพูดจบ ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา น้ำเสียงของเธอดูเป็นการอ้อนวอน แล้วจ้องมาที่เธอ:“ คุณหนูไป๋ ถือว่าฉันขอร้องล่ะได้ไหม? ออกจากชีวิตเฉินให้เขาได้แต่งงานกับคนที่เขาควรจะแต่ง ให้โอกาสเขามีชีวิตอยู่ต่อ”

คุณผู้หญิง*ถึงกับพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนี้ใจของไป๋มู่ชิงทำอะไรไม่ถูก รีบพูดว่า:“คุณย่าอย่าพูดแบบนี้ แน่นอนฉันก็หวังให้คุณชายใหญ่มีชีวิตที่ยืนยาวฉัน ..” .

“งั้นก็ออกจากชีวิตเขาไป”

“ฉัน ...” ไป๋มู่ชิงพูดอย่างตกกังวล:“คุณย่าคะ ท่านเคยคิดแทนคุณชายใหญ่*ไหมว่า?เขาไม่เคยที่อยากหย่ากับฉัน และไม่อยากแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รักเลย ถ้าฉันจากไป จะกระทบกระเทือนใจเขาอีกครั้ง จากนั้นก็อาจทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งนี้”

“เธอสบายใจได้ เขาไม่ทำหรอ ”คุณผู้หญิงกล่าวอย่างมั่นใจ

ไป่มู่ชิงไม่เข้าใจ :“ท่านรู้ได้อย่างไร?”

“เพราะผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาไม่รัก ”คุณผู้หญิง*กล่าว:“กับตรงกันข้าม เขารักผู้หญิงคนนี้มากกว่าเธอ ถ้าเขาทั้งสองคนแต่งงานกัน เฉินจะมีชีวิตที่ดีและมีความสุขอย่างแน่นอน ”

“หมายความว่ายังไง?”ก่อนหน้านั้นไป๋มู่ชิงก็ตกใจจนเซลล์สมองไม่ทำงานไปครึ่งหนึ่งแล้ว ในขณะนี้ทำให้เธอตามไม่ทันความคิดของคุณผู้หญิงจริงๆ

ผู้หญิงที่หนานกงเฉินรักมาก? นอกจากจูจูแล้วหนานกงเฉินยังเคยรักใครอีก?

เมื่อนึกถึงจูจู เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี นึกถึงคำพูดที่จูจูพูดขึ้นในอพาร์ตเมนต์เมื่อคืนก่อน

จูจูเคยโต้แย้งกับเธอว่า ถ้าหากเธอต้องการคืนดีกับหนานกงเฉินแล้วล่ะก็ เธอแค่หาคุณผู้หญิงช่วยออกหน้าก็เพียงพอ

ในตอนนั้นที่เธอได้ยินแบบนั้น เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว ที่แท้มันเป็นอย่างงี้นี้เอง

“ฉันคิดว่าเธอน่าจะรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเฉินกับคุณหนูจูในตอนนั้นดี?พูดตามตรงนะฉันไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นตั้งแต่แรกที่เห็น แต่ไม่มีทางเลือก ใครให้เธอเป็นคู่ครองที่ถูกฟ้าลิขิตของเฉิน?ฉันก็เลยต้องให้เธอแต่งงานกับเฉินแทนเธอ”

จูจู! ก็คือจูจูจริงๆ!

ไป๋มู่ชิงตัวชาไปครึ่งวันจนพูดไม่ออก เธอไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจูจูจะกลายเป็นคู่ครองที่ถูกฟ้าลิขิตของหนานกงเฉิน บุญวาสนาเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อจริงๆ!

ถ้าหากเป็นจูจูจริงๆแล้วล่ะก็ หนานกงเฉินแต่งงานกับเธอต้องมีความสุขอย่างมาก สิ่งนี้เธอเชื่อ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด