"นี่เธอกล้าแกล้งผมหรอ?" หนานกงเฉินใช้มือข้างหนึ่งจับหน้าเธอมาแล้วใช้อีกข้างปาดวิปครีมไปตรงหน้าเธอ
ไป๋มู่ชิงพยายามดิ้นหลุดจากเขา หนานกงเฉินก็เอนตัวลงมาใช้ริมฝีปากตัวเองปิดริมฝีปากของเธอไว้ ให้เธอเบาเสียงแล้วใช้มือชี้ไปทางประตูด้วย
ไป๋มู่ชิงปรับน้ำเสียงให้เบาที่สุดแล้วดิ้นให้หลุด "ปล่อยฉันนะ! หนานกงเฉินนายได้ยินหรือเปล่า……อื้อ……"
"หวานมาก ไม่อยากปล่อย" เขาดูดวิปครีมบนริมฝีปากเธอไปแล้วใช้ลิ้นทำให้เธออ้าปาก จากนั้นก็ป้อนเข้าไปในปากเธอให้เธอลิ้มลองด้วยกัน
"อี๋……หนานกงเฉินนายน่าเกลียดมาก……" ไป๋มู่ชิงพูดเสียงเบาแล้วใช้มือกวาดไปทั่ว พยายามจะหาอะไรบางอย่างมาทุบหัวเขาให้สลบ เมื่อมือแตะไปโดนเค้กบนโต๊ะ ก็มีความคิดไม่ดี จากนั้นก็จับวิปครีมแล้วปาดหน้าเขา "ยังไม่ออกไปอีก……!"
หนานกงเฉินโดนเค้กปาดหน้าจนหายใจไม่ออก เลยรีบใช้มืออีกข้างมาปาดเค้กบนหน้าตัวเอง แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ปล่อยเธอ แต่กลับกอดเธอให้แน่นขึ้นแล้วจูบอย่างดูดดื่ม เดิมทีที่จูบอย่างดูดดื่มแล้วบวกกับวิปครีมนี้อีกก็ทำให้มีความหวานจนทั้งสองหลงไหล
เดิมทีที่ไป๋มู่ชิงเอาแต่ดิ้นหนีก็หมดสติไปทันทีแล้วเอนซบไปในอ้อมกอดเขา
พอไป๋มู่ชิงได้สติมาอีกครั้งก็เป็นตอนที่น้ำไหลลงมาจากหัว เธอลืมตาขึ้นแล้วรีบปาดน้ำบนใบหน้า ค่อยรู้ว่าตัวเองอยู่ใต้ฝักบัวของห้องอาบน้ำ
นี่มันอะไรกันน่ะ? ทำไมอยู่เธอถึงมาอยู่ในห้องน้ำได้?
"หนานกงเฉิน! ไอ้บ้า……!" เธอยันตัวลุกขึ้นอย่างหงุดหงิด ใครจะอาบน้ำกับเขา เธอจะอาบน้ำกับเขาได้ยังไง? เวลานี้แล้วเขายังมีอารมณ์มาทำแบบนี้อีก? เป็นไปไม่ได้!
"ชู่ว……เงียบหน่อย……" หนานกงเฉินก็ใช้วิธีเดิมมาขู่เธอ
ไป๋มู่ชิงก็พูดเสียงเบาลง แต่ความหงุดหงิดไม่ลดลงเลย "นายจะทำอะไร นายทำเสื้อผ้าฉันเปียกหมดแล้วฉันจะใส่อะไรกลับ?"
หนานกงเฉินมองสำรวจไปที่เสื้อผ้าบนตัวเธอ "ไม่เห็นหรอ? มีวิปครีมเต็มตัว เธอจะออกไปแบบนี้หรอ?"
"ฉัน……" ไป๋มู่ชิงก้มมองก้มโปรงตัวเอง มีวิปครีมจริงด้วย แต่ก็ยังดีกว่าตอนนี้
"เธอเป็นคนทำเค้กจนเละเอง อย่ามาโทษผม" หนานกงเฉินใช้มือทั้งสองข้างปาดใบหน้าตัวเองแล้วล้างวิปครีมบนใบหน้า
ไป๋มู่ชิงมองไปที่ตัวเองในกระจก ก็เห็นว่าทั้งใบหน้าทั้งผมของเธอก็มีแต่วิปครีม โทษที่เธอทำไมต้องใช้เค้กปาดเขาด้วย จนตอนนี้บนตัวทั้งสองก็มีแต่วิปครีม
หนานกงเฉินปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเองไปด้วยแล้วลากเธอกลับมาใต้ฝักบัวด้วย "รีบถอดเสื้อเถอะแล้วปล่อยผมด้วย"
"นายคิดจะทำอะไร?" ไป๋มู่ชิงใช้มือทั้งสองข้างกอดตัวเองไว้แล้วจ้องเขาที่ถอดเสื้อเชิ้ตไปแล้ว เมื่อรู้ว่าเขาจะทำอะไร เธอก็หันหลังเดินหนีออกจากห้องอาบน้ำ แต่เป็นเพราะเมื่อกี้ดื่มไวน์ไป เธอแค่ก้าวไปก้าวเดียว ร่างกายก็เซไปเซมาจนเกือบจะล้มลงพื้น
หนานกงเฉินมีไหวพริบดีก็รีบดึงตัวเธอกลับมา "เธอดื่มจนเมาแล้ว ผมจะช่วยอาบน้ำให้"
"ฉันไม่ได้เมา ฉันไม่ต้องการให้นายมาช่วยฉันอาบน้ำ" ไป๋มู่ชิงดิ้นรนไปด้วยแล้วส่ายหน้าไปด้วย "หนานกงเฉิน นายหน้าด้าน นายหลอกให้ฉันดื่มก็เพื่อจะเอาเปรียบฉันใช่ไหม……นาย……"
"ดูตัวเองสิ เมาจนเริ่มพูดอะไรบ้าบอแล้ว" หนานกงเฉินจับแขนเธอแล้วก็ยังเอ่ยเสียดสี "จะอายทำไม เรื่องแบบนี้เราก็เคยทำกันไม่น้อย บนตัวเธอมีขี้แมลงวันที่ไหนผมรู้หมด……"
"เมื่อก่อนก็เป็นเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เราไม่ใช่สามีภรรยากันแล้ว!"
"แต่เราก็รักกันไม่ใช่หรอ?"
"หนานกงเฉิน ถ้านายยังไม่ปล่อยมือฉันจะตะโกนเรียก ฉันจะทำให้นักข่าวทุกคนเห็นว่านายกำลังล่วงละเมิดฉัน" ไป๋มู่ชิงพูดขู่เตือน
"ไป๋มู่ชิง เธอรู้ว่าผมเกลียดอะไรเธอมากที่สุดไหม? ก็เหมือนตอนนี้ไง ทั้งๆที่รักผมมากแต่ก็แกล้งทำตัวรังเกียจผม เธอทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยรู้ไหม?"
ไป๋มู่ชิงโมโหมากแล้วเอ่ยเสียงต่ำ "ก็ฉันไม่ดีน่ารักไง! แน่จริงก็ปล่อยฉันสิ!"
"ผมไม่แน่จริง! ผมไม่แน่จริงอยู่แล้ว! ถ้าผมแน่จริงก็ปล่อยเธอไปตั้งนานแล้ว!" หนานกงเฉินพูดเสียงดังแล้วกระชากกระโปรงเธอออก
"อ๊าย……!" ไป๋มู่ชิงกรีดร้องขึ้น รู้สึกเย็นที่ร่างกายแล้วแผ่นหลังก็เผยออกมา
หนานกงเฉินที่หงุดหงิดโมโหจนสติเกือบจะหลุดไปก็อึ้งไปทันที จากนั้นก็ใช้มือจับกระโปรงเธอไว้แล้วจองไปที่แผ่นหลังที่ว่างเปล่าของเธอ แผ่นหลังที่ใสสะอาดในความทรงจำแต่ตอนนี้กลับรู้สึกตกใจ เป็นร่องรอยที่ถูกไฟไหม้ที่เห็นได้ชัดเจน
หนานกงเฉินไม่เคยรู้เลยว่าร่างกายเธอจะมีรอยแผลเป็นใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่เคยเห็นเลย!
ไป๋มู่ชิงรู้ว่าแผลบนตัวน่าเกลียดมากแค่ไหน เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกใจของหนานกงเฉิน ในใจก็รู้สึกขายหน้าแล้วอายมาก เธอรีบดึงกระโปรงจากมือเขาแล้วห่มไว้บนตัว แต่กระโปรงเปียกสนิท ในขณะที่เธอทำอะไรไม่ถูกก็ไม่สามารถปิดบังรอยแผลเป็นของเธอได้เลย
สีหน้าของหนานกงเฉินนิ่งไปแล้วเอ่ยถาม "ทำไมเธอไม่เคยบอกผมว่าบาดเจ็บขนาดนี้?"
"รู้ตอนนี้ก็ไม่สายมั้ง?" ไป๋มู่ชิงพยายามจะดิ้นรนจากฝ่ามือที่จับแขนตัวเองไว้แล้วพูดอย่างหงุดหงิด "นายดูพอหรือยัง? ถ้าดูพอแล้วก็รีบปล่อยฉัน เดี๋ยวตอนนอนจะฝันร้าย……!"
หนานกงเฉินไม่ได้ปล่อยเธอ แต่กลับดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
ไป๋มู่ชิงซบไปที่อกของเขา ไม่รู้สึกเจ็บ แต่น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแอลกอฮอล์หรือเปล่าก็เลยทำให้อ่อนไหวง่าย หรือว่าเป็นเพราะสีหน้าที่ตกใจของเขา แต่ยังไงน้ำตาก็ไหลออกมาอยู่ดี
เธอรู้ว่าร่างกายตัวเองน่าเกลียดมากแค่ไหน น่าเกลียดจนเธอไม่กล้าใส่เสื้อผ้าเปิดไหล่หรือว่ากระโปรงที่สั้นกว่าเข่า แต่หนานกงเฉินตรงหน้าก็ยังหล่อเหลาน่าหลงไหลเหมือนเคย แต่ก่อนเธอไม่คิดเลยว่าตัวเองเหมาะสมกับเขา ตอนนี้ยิ่งไม่เหมาะสม
เมื่อรู้สึกถึงความว่างเปล่าบนร่างกาย ไป๋มู่ชิงก็ดึงสติกลับมาแล้วเอ่ยขึ้น "นี่! หนานกงเฉินนายจะทำอะไร?"
"ก็จะโยนร่างกายนี้ออกไปไง!"
"นี่……ฉันออกไปเองได้……นายไม่ต้องโยนฉัน……!" ไป๋มู่ชิงใจหายไป เธอเปลือยกายอยู่แต่เขาจะโยนเธอออกไปข้างนอก? แล้วข้างนอกก็ยังมีนักข่าวดักรออยู่เยอะขนาดนั้น……!
'ปึง'สุดท้ายเขาก็โยนเธอออกไปจริงๆ แต่ไม่ใช่โยนออกไปนอกประตู แต่กลับโยนไปบนเตียง
ไป๋มู่ชิงรีบหันตัวมาจะลงเตียง แต่ก็ถูกเขากดลงไปกับเตีย งริมฝีปากก็ถูกเขายึดไปทันที
ไป๋มู่ชิงอึ้งไปแล้วเบิกตากว้างมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลา ไม่เข้าใจเลยว่าเขาจะทำอะไร
หนานกงเฉินไม่ได้จุมพิตที่ริมฝีปากของเธอนานนัก ก็ค่อยๆขยับลงไป สุดท้ายก็ยันตัวขึ้นแล้วมองสำรวจร่างกายเธอ
บนร่างกายเธอก็ยังขาวใสเหมือนตอนนั้น บนร่างกายก็มีหยดน้ำเต็มไปหมด หนานกงเฉินหยุดนิ่งไปพักนึง จากนั้นฝ่ามือก็ลูบตั้งแต่บนลงไปข้างล่าง สุดท้ายก็หยุดลงที่ขาข้างซ้ายของเธอ ที่นั่นมีรอยแผลที่แผลใหญ่มาก แต่เล็กกว่าบนหลังนิดหน่อย แต่ก็ยังทำให้รู้สึกเป็นห่วง
ไป๋มู่ชิงดึงผ้าห่มมาปิดหน้าตัวเองไว้แล้วหดตัวเข้ามาก็เพื่อที่จะหลบสายตาเขาแล้วเอ่ยขอร้อง "อย่ามองอีกเลย ขอร้องนะอย่ามองอีกเลย……"
หนานกงเฉินยกมือขึ้นดึงผ้าห่มไปจากหน้าเธอแล้วเอ่ยข้างหูเธอเสียงเบา "ทำไมอย่ามอง?"
บนร่างกายเขาก็มีหยดน้ำเหมือนกันท่าทางเซ็กซี่มาก
"นายว่าล่ะ……!" เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้แล้วดึงเข้ามากอด
ถึงแม้ในใจจะโมโหแต่พอเห็นใบหน้าที่มีน้ำตาของเธอเขาก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
ร่างกายของไป๋มู่ชิงถูกเขาจับไว้แล้วมองสบตาไปที่เขาผ่านม่านน้ำตาไปสักพักค่อยเอ่ยขึ้น "เพราะว่าฉันไม่อยากให้นายเห็นฉันตอนนี้ ฉันกลัวว่านายจะฝันร้าย……"
"แล้วทำไมเธอไม่กลัวว่าเฉียวเฟิงจะฝันร้ายล่ะ?" หนานกงเฉินพูดอย่างหงุดหงิด
ไป๋มู่ชิงกัดริมฝีปากแน่น ไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเขายังไง
"เธอพูดสิ!" หนานกงเฉินหงุดหงิดมากกว่าเดิม "ผมผ่านความยากลำบากมากับเธอขนาดนั้นแล้ว ความรู้สึกก็ลึกซึ้งมาก แต่เทียบกับคำโกหกของเขาไม่ได้หรอ? เธอนอนกับเขาทุกวันแต่ไม่กล้าให้ผมเห็นรอยแผลเป็นบนร่างกายงั้นหรอ?"
"เปล่า……" ไป๋มู่ชิงขยับร่างกายตัวเองพยายามจะโต้ตอบฝ่ามือที่รุนแรงของเขา
เธอจะบอกเขายังไง เธอไม่กล้าให้เขาดูเพราะกลัวเขาจะตกใจ กลัวว่าเขาจะรู้สึกกลัว
แล้วเธอควรจะพูดยังไงกับเขา ว่าระหว่างเธอกับเฉียวเฟิงแค่ต้องการความอบอุ่นเป็นพึ่งพาซึ่งกันและกันแค่นั้น
ตั้งแต่ที่เธอฟื้นมา เธอก็อยู่ในฐานะภรรยาของเฉียวเฟิงแล้วคุณแม่ของหว่านชิง ตั้งแต่ตอนนั้นเธอก็มีความรู้สึกลึกซึ้งกับเฉียวเฟิง แต่เธอก็ไม่สามารถแบ่งแยกได้เลยว่าความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกใกล้ชิดหรือความรัก จนกระทั่งเธอฟื้นคืนความจำ เธอค่อยรู้ว่านี่ไม่ใช่ความรักแต่ผู้ชายที่เธอรักก็เป็นผู้ชายตรงหน้าคนนี้ต่างหาก
หนานกงเฉินก็ไม่ได้เพอร์เฟคมาก ถ้าโรคกำเริบก็น่ากลัว เขาหงุดหงิดก็น่ากลัว เทียบกับความอ่อนโยนของเฉียวเฟิงไม่ได้เลย แต่ความรู้สึกก็เป็นแบบนี้แหละ ความรู้สึกผูกพันก็คือผูกพัน ความรักก็คือความรัก
สองปีนี้มา เฉียวเฟิงไม่เคยล่วงเกินเธอเลย แม้แต่ร่างกายของเธอก็ไม่เคยดู เธอรู้ว่าไม่ใช่กลัวแต่เฉียวเฟิงแค่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเพราะว่าเขาไม่มีความสามารถเหมือนผู้ชายคนอื่น
แล้วความน้อยเนื้อต่ำใจกับความอ่อนแอของเขาทำให้เธอก็ปล่อยวางเขาไม่ได้ เธอไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าวันหนึ่งเธอกับหว่านชิงไปจากเขา เขาจะเสียใจมากแค่ไหน
หนานกงเฉินบอกว่าเธอแยกไม่ออกระหว่างความรักกับความรู้สึกขอบคุณ ความจริงเธอไม่ใช่แยกไม่ออก แต่เป็นเพราะเป็นห่วงเฉียวเฟิง เพราะว่ามีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าเฉียวเฟิงเสียสละเพื่อเธอมากแค่ไหน ผ่านวันเวลาที่ยากลำบากกับเธอมามากแค่ไหน
เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากของหนานกงเฉินจุมพิตลงรอยแผลบนหลังของเธอ ร่างกายไป๋มู่ชิงก็สะดุ้งไป แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังกลัวรอยแผลนั้น แต่เขาไม่กลัวงั้นหรอ?
เธอใช้มือกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นแล้วพูดอย่างเสียใจ "หนานกงเฉิน นายอย่าทำแบบนี้……"
"ผมอยากทำแบบนี้ ผมชอบทำแบบนี้ ได้ไหม?" หนานกงเฉินย้ายริมฝีปากมาจุมพิตที่หูของเธอแล้วกัดไปที่ติ่งหู "ผมเคยบอกแล้ว ตอนคุณยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องเป็นของผม ถึงจะตายแล้วก็ต้องเป็นของผม ถึงแม้จะถูกไฟไหม้แต่ก็เป็นคนของผม"
"เธอวิ่งหนีไปนานขนาดนั้น วิ่งไปไกลขนาดนั้น กว่าจะกลับมาได้เธอคิดว่าผมจะยอมปล่อยเธอไปเพราะรอยแผลเป็นงั้นหรอ?" เขาลูบใบหน้าเธออย่างเบามือแล้วจับคางเธอขึ้นพร้อมจุมพิตริมฝีปากเธอ "ที่เธอร้องไห้เสียใจขนาดนี้เพราะอะไร? กลัวว่าผมจะรังเกียจหรอ?"
ไป๋มู่ชิงไม่เอ่ยพูดอะไร ที่เงียบก็แสดงว่ายอมรับแล้ว เพราะยังไงตอนนี้หนานกงเฉินก็คิดว่าอย่างนี้
เขารู้ว่าไป๋มู่ชิงยังรักเขาแล้วรู้ว่าที่เธอไปจากเฉียวเฟิงไม่ได้ก็เพราะกลัวว่าจะทำร้ายเขา ตั้งแต่เรื่องของหลินอันหนาน ภรรยาของเขาก็เป็นคนที่ใจอ่อนแบบนี้มาตลอด
"ถ้าผมบอกว่าผมไม่รังเกียจ ผมรักเธอ แล้วอยากจะกอดร่างกายนี้นอนทุกวัน เธอจะรู้สึกตื้นตันใจหรือเปล่า จากนั้นก็กลับมาข้างกายผม?"
ไป๋มู่ชิงมองผ่านม่านน้ำตา คำพูดที่อ่อนโยนของเขา เธอหลับตาลงแล้วในใจก็คิดว่านี่แค่ภาพหลอน เป็นภาพหลอนหลังจากที่เธอดื่มแอลกอฮอล์
เธอคิดว่าถ้าหนานกงเฉินเห็นรอยแผลบนร่างกายของเธอ ก็คงจะวิ่งหนีไป แต่เขาไม่ แถมยัง……จูบเธอด้วย
เขาจูบเธออีกครั้ง พร้อมกับจูบรอยแผลบนหลังเธอด้วย
ไป๋มู่ชิงรู้สึกชาไปทั้งตัว สมองก็เริ่มเบลอไป ทุกอย่างเหมือนอยู่ในความฝัน……
เธอยกมือขึ้นอย่างไม่รู้ตัว นิ้วมือก็สอดแทรกไปที่เส้นผมที่เปียกปอนด์ของเขาแล้วเอ่ยถามขึ้น "ฉันกำลังฝันหรือเปล่า?"
แม้แต่ฝันเธอก็ไม่กล้าคิดเลยว่าตัวเองสามารถปล่อยวางทุกอย่างแล้วกลับไปที่อ้อมกอดของหนานกงเฉินได้ แล้วจูบพัวพันแบบนี้กับเขาเหมือนตอนนั้น
หนานกงเฉินหันตัวมาทับเธอไว้แล้วทอดมองไปที่ตาทั้งสองข้างของเธอ "เธอกำลังฝันอยู่ เป็นฝันหวานที่เราฝันด้วยกัน"
ทำไมเขาจะไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันล่ะ? เขาหวังว่าความฝันนี้จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ไม่ให้เธอได้สติ เพราะว่าเขารู้ดี ถ้ารอเธอได้สติคงจะตอบโต้เขาเหมือนแต่ก่อนแล้วหลบหน้าเขาด้วย
ไป๋มู่ชิงรู้สึกใจอ่อน สุดท้ายก็ยอมเปิดใจให้เขาแล้วจมอยู่กับฝันหวานที่กล้าจินตนาการแค่ในความฝัน
--
ในบ้านที่อบอุ่น เหยียนเยว่ทรงตัวไม่อยู่ก็ล้มลงไปในกองขวดเหล้า
เฉียวเฟิงยกขวดเหล้าขึ้นอีกขวด พอหันไปก็เห็นว่าเธอนอนอยู่บนโต๊ะก็เลยใช้มือสะกิดเธอ "คุณหนูเหยียน ผมช่วยเปิดขวดให้คุณแล้ว เรามาดื่มกันต่อเถอะ"
เหยียนเยว่ขยับร่างกายเงยมองไปที่เขาแล้วส่ายหัว "ไม่ไหวแล้ว……ดึกมากแล้วฉันต้องกลับไป……"
"ยังไง……คืนนี้หนานกงเฉินก็ไม่มีเวลาอยู่กับคุณ……คุณรีบกลับไปมีประโยชน์หรอ……?" แล้วเฉียวเฟิงก็ยัดขวดลงไปในมือของเธอ
เหยียนเยว่รู้สึกลำไส้ปั่นป่วนก็เลยยันตัวขึ้นจากบนโต๊ะแล้วเดินเซไปเซมาไปทางห้องน้ำ เธออ้วกต่อหน้าชักโครก อ้วกน้ำแอลกอฮอล์ทั้งหมดออกมา จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างยันตัวอยู่ที่อ่างล้างมือแล้วมองตัวเองในกระจกอย่างทุลักทุเล
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเหยียนเยว่สภาพนี้ เลอะเทอะมาก เธอเปิดก๊อกน้ำแล้วใช้น้ำเย็นล้างหน้าพร้อมแอบถอนหายใจจากนั้นค่อยเดินออกจากห้องน้ำ
อาจจะเป็นเพราะดื่มเยอะเกินไป แม้แต่เดินก็ยังเซไปเซมา แต่เธอก็เดินไปถึงโซฟาแล้วหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นกำลังจะกลับไป
"คุณหนูเหยียน……คุณไม่รู้สึกเสียใจหรอ?" เฉียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น
เหยียนเยว่นิ่งไปแล้วถาม "ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย?"
"ตอนนี้หนานกงเฉินคงจะกอดมู่ชิงหลับไปแล้ว……พวกเขาสองคน……คงหลับสบายมาก……" เขาหันมามองเธอ "คุณไม่เสียใจ……หรือว่าคุณไม่รักเขากันแน่?"
เดิมที่เหยียนเยว่กำลังจะเดินออกไป ก็นั่งลงที่โซฟาจับขวดขึ้นชนกับเขา จากนั้นก็กระดกดื่ม "ไม่ใช่ว่าฉันไม่รักเขา……แต่ฉันรักเขามากกว่าตัวเองก็เลย……ฉันอยากให้เขามีความสุขมากกว่า……ฉันขอแค่เขามีความสุข……ฉันก็ไม่สนว่าเขาจะนอนกอดใคร จริงๆ……ไม่สนใจเลยสักนิด……"
เธอพูดจบก็ยิ้มแห้งๆ "คุณชายเฉียว……ฉันโง่มากเลยใช่มั้ย?"
"อือ……"
"ฉันก็รู้สึกว่าฉันโง่ ฉันสวยหุ่นก็ดีด้วย……แต่กลับเทียบกับคุณไม่ได้เลย คุณสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อความสุขของตัวเอง……แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่……คอยอยู่ข้างกายเขาดูแลเขาช่วยเขา……แล้วยังช่วยเขาตามหาคุณหนูไป๋กลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...