เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 223

ใช่ ชินแล้ว ใช้ไปก็รู้สึกสบายดี ผู่เหลียนเหยาผายมือไปทางโซฟา: "เชิญนั่ง"

ไป๋มู่ชิงไม่ได้พูดอะไร เดินไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจ้องมองไปที่เธอ: "นัดฉันมาทำอะไรที่นี่? ไม่กลัวว่าฉันจะพาหนานกงเฉินมาด้วยเหรอ?"

"ฉันรู้ว่าเดี๋ยวนี้เธอกับหนานกงเฉินเข้ากันได้ดี แต่ที่ฉันเชิญเธอมาไม่ได้จะต่อกรกับเขา แต่จะช่วยเขาต่างหาก ถึงเธอจะพาเขามาด้วยก็เห็นไม่เป็นไร" ผู่เหลียนเหยานำชาผลไม้มาให้เธอแก้วหนึ่ง พร้อมยิ้มเล็กน้อย: "นี่เป็นชาส้มโอที่เธอชอบ"

ไป๋มู่ชิงไม่ได้มองชาผลไม้ในมือเธอ แต่กลับถามว่า: "ช่วยหนานกงเฉิน? หมายความว่ายังไง?"

"ในฐานะคู่แท้ตามชะตาลิขิต เธอได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างอิสระ แต่คุณหนูจูที่น่าสงสารกลับต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในบ้านตระกูลหนานกง เสียแรงที่พี่เฉินรักและไว้ใจเธอมาก ที่แท้เธอก็เป็นพวกกลัวตายถึงขนาดไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของพี่เฉิน"

"ฉันไม่ได้กลัวตาย ฉันแค่ไม่เชื่อเรื่องคู่แท้ชะตาลิขิตอะไรนั้น"

"แม้แต่ฉันที่จบหมอมาก็ยังเชื่อ แต่เธอกลับไม่เชื่อ?"

ไป๋มู่ชิงมองเธออย่างแปลกใจ แม้แต่เธอก็เชื่อเหรอ?

"อาการป่วยของหนานกงเฉินมีอยู่จริง คุณผู้หญิงจิ้งก็มีอยู่จริง บ้านตระกูลหนานกงเชื่อกันมากว่าสามสิบปีเธอมีสิทธิ์อะไรไม่เชื่อ?"

"คุณหนูผู่ที่นัดฉันมาวันนี้ก็เพื่อจะโน้มน้าวให้ฉันกลับบ้านตระกูลหนานกงเหรอ?" ไป๋มู่ชิงถามอย่างสับสนรำคานใจ

สำหรับเรื่องนี้แล้วเธอก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พอได้ฟังผู่เหลียนเหยาพูดแบบนี้เข้าก็มีผลต่อใจเธอไม่น้อย เพื่อยืนหยัดในความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ของตนเอง เธอจึงขัดขึ้นไม่ให้ผู่เหลียนเหยาได้พูดต่อ

"ไม่ ฉันไม่ได้จะมาพูดให้เธอกลับไป แต่ฉันมีเรื่องอยากบอกให้เธอรู้ไว้" ผู่เหลียนเหยาจ้องมองเธอด้วยสีหน้าจริงจัง: "คุณหนูจูตกใจจนกลายเป็นบ้าไปแล้ว เธอวางแผนที่จะฆ่าหนานกงเฉินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะแค่หนานกงเฉินตายเธอก็จะได้รับอิสระและมีชีวิตอยู่ต่อไป เธอเข้าใจมั้ย?"

คำพูดของเธอทำให้หัวใจของไป๋มู่ชิงบีบรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ

ถึงแม้ว่าผู่เหลียนเหยาจะตั้งใจข่มขู่เธอก็ตาม แต่สิ่งที่เธอพูดก็มีเหตุผล จูจูไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว เธอไม่มีทางที่จะยอมตายเพื่อหนานกงเฉินแน่นอน ที่ผ่านมาหนานกงเฉินเองก็ทำร้ายจิตใจเธอไม่น้อย ถ้าเธอคิดจะฆ่าเขาก็ย่อมเป็นไปได้

"เธอบอกเรื่องพวกนี้กับฉันจะมีประโยชน์อะไร?"

"ฉันก็ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์อะไร" ผู่เหลียนเหยายิ้มขื่น: "ถึงฉันจะหวังในสมบัติของพี่เฉินก็จริง แต่ฉันก็ไม่อยากให้พี่เฉินต้องตายเพราะจูจู ยังไงแล้วพี่เฉินก็ดูน่าสงสารไม่น้อย"

ไป๋มู่ชิงนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อ: "ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเธอมาบอกเรื่องพวกนี้กับฉันเพื่ออะไร ต้องการให้ฉันกลับไปตายแทนจูจูที่บ้านตระกูลหนานกง? หรือว่าต้องการให้ฉันไปฆ่าจูจู?"

"คุณหนูผู่ ฉันไม่เข้าใจว่าถ้าเธออยากให้หนานกงเฉินมีชีวิตอยู่ต่อจริง ทำไมตอนนั้นเธอต้องช่วยให้จูจูได้แต่งงานกับเขา? เธอบอกว่าเธอเชื่อเรื่องที่เล่าลือ แต่ทำไมถึงยังวางแผนให้ฉันเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์? เธอรู้ทั้งรู้ว่าฉันเป็นคู่แท้ตามชะตาลิขิตของเขา ถ้าฉันตายหนานกงเฉินก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้" ไป๋มูชิงไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าผู่เหลียนเหยาต้องการอะไรกันแน่

ผู่เหลียนเหยาถูกเธอถามจนนิ่งไป ก่อนจ้องมองมาชั่วครู่แล้วพูด: "ฉันจะบอกอีกครั้งว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่เกี่ยวข้องกับฉัน"

" ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ?" ไป๋มู่ชิงส่ายหน้าและยิ้มเย็น: "เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?"

" เชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เธอ" ผู่เหลียนเหยายกแก้วกาแฟขึ้นดื่น ก่อนจะพูด: "วันนี้ฉันเชิญเธอมาก็เพื่อจะบอกให้เธอรู้ว่าตอนนี้หนานกงเฉินอยู่ในอันตราย ส่วนเธอจะเชื่อหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเธอ ไม่ส่งนะ"

"สบายใจได้ ฉันคอยระวังอยู่แล้ว"

ไป๋มู่ชิงไม่ได้พูดอะไรอีก เธอหันหลังแล้วเดินออกไปทันที

--

เซิ่งเคอกลับถึงบ้านเห็นทุกคนอยู่ในห้องอาหาร แต่ไม่เห็นผู่เหลียนเหยาจึงรีบถามขึ้น: "เหลียนเหยาล่ะ?"

พี่เหอรีบตอบ: "คุณหนูผู่บอกว่าไม่ค่อยสบาย ยังไม่อยากทานข้าวค่ะ"

คุณผู้หญิงพูดเหยียดขึ้น : " เหลียนเหยานี่ช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย เรื่องนิดเดียวทำเป็นไม่กินไม่ดื่ม"

"เกิดอะไรขึ้นกันแน่?" ถึงแม้เซิ่งเคอจะถาม แต่ก็ไม่รอฟังคำตอบจากพวกเธอ เขาถามเสร็จก็เดินขึ้นชั้นบนไปทันที

เขาขึ้นไปในห้องนอน เห็นผู่เหลียนเหยานั่งเหม่ออยู่ตรงระเบียง เลยรีบเดินเข้าไปถามอย่างห่วงใย: "เหลียนเหยา คุณย่าพูดอะไรกับเธอหรือเปล่า?"

เขาสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เห็นได้ชัดว่าผู่เหลียนเหยาที่นั่งตาบวมช้ำต้องผ่านการร้องไห้มาอย่างยาวนานเป็นแน่

ผู่เหลียนเหยาค่อยๆช้อนตาขึ้นจ้องมองเขา: "ไม่ใช่ความผิดของคุณย่า มันเป็นความต้องการของคุณลุงคุณป้า ก่อนหน้านั้นพวกท่านก็เคยประชดประชันลับหลังว่าฉันไม่เหมาะสมกับคุณ แต่ตอนนี้พวกท่านถึงขนาดเตือนฉันต่อหน้าว่าให้ฉันไปให้ไกลจากคุณ"

เซิ่งเคอ ทำยังไงดี? ฉันไม่อยากไปจากคุณจริงๆ แต่คุณป้าท่านบอกแล้วว่าถ้าฉันไม่ยอมไปจากคุณท่านก็จะตายให้ฉันดู ท่านบอกว่าต่อให้ท่านต้องตายก็จะไม่ให้ฉันแต่งเข้าบ้านตระกูลเซิ้ง" ผู่เหลียนเหยาพูดไปก็เริ่มร้องไห้อีกครั้ง

เซิ่งเคอดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด พูดด้วยนำ้เสียงอ่อนโยน: "เราตกลงกันแล้วนี่ ไม่ว่าท่านทั้งสองจะพูดอะไรเธอก็ห้ามไปจากฉัน"

"แต่ถ้าคุณป้าท่านใช้ความตายมาบีบบังคับล่ะ ฉันจะไม่ไปก็คงไม่ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาชีวิตนี้ฉันจะไม่มีวันสงบสุขได้เลย" ผู่เหลียนเหยาเอามือเช็คน้ำตาขณะที่ยังอยู่ในอ้อมกอดของเขา

"เธอสบายใจได้ ฉันจะคุยกับคุณย่าเอง" เซิ่งเคอตบไหล่เธอเบาๆเพื่อปลอบใจเธอ แต่สีหน้าเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ เขาคบกรามไว้แน่น ไม่คิดว่าพ่อจะใช้ผู่เหลียนเหยามาข่มขู่และบังคับเขา และเริ่มได้ไวมาก

ผู่เหลียนเหยาสูดน้ำมูกก่อนจะดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขามาจ้องมองหน้าเขาแทน: "คุณป้าปกติกแล้วเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น คุณอย่าเพิ่งไปต่อกรกับท่านเลย ไม่งั้นเราทั้งสองก็คงได้จบกันไปแน่ๆ"

"วางใจเถอะ ผมจะพูดกับท่านดีๆ" เซิ่งเคอยกมือขึ้นช่วยเธอเช็คน้ำตาบนหน้า: "ไปเถอะ ลงไปกินข้าวกัน"

"ฉันไม่อยากกินค่ะ"

เซิ่งเคอพยักหน้า: "เดี๋ยวฉันยกขึ้นมาให้ เธอนอนพักก่อนนะ"

พูดจบ เขาค่อยๆลูบหัวเธอเบาๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป

ขณะที่กำลังเดินออกจากห้องนอน เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาโทรฯไปที่บ้านตระกูลเซิ่ง คุณผู้หญิงเซิ่งเป็นคนรับสายยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรท่านก็พูดขึ้นก่อน: "เซิ่งเคอ ถ้าจะมาพูดเรื่องผู่เหลียนเหยาก็ไม่จำเป็นแล้ว ฉันกับพ่อเธอตัดสินใจแล้ว นอกซะจากว่าขาของผู่เหลียนเหยาหายดี ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะได้แต่งเข้าบ้านตระกูลเซิ่ง"

"แม่........"

คุณผู้หญิงเซิ่งไม่ให้โอกาสเขาได้พูด: "ฉันกับพ่อเธอแค่อยากให้เธอได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ปกติ เพราะเราทั้งสองคนแก่มากแล้วต่อไปยังต้องหวังเพิ่งให้ลูกสะใภ้ดูแล แค่นี้ไม่มากไปใช่มั้ย? ยังไงซะก็เชื่อฟังพ่อแม่ช่วยไปจัดการทุกอย่างให้มันเหมาะสมด้วยเถอะ"

เซิ่งเคอกัดฟันพูดด้วยความโกรธ: "พวกท่านทำไมถึงได้ไม่มีความละอายแบบนี้!"

"ผู่เหลียนเหยาไม่น่าละอายกว่าหรือไง? พิการแล้วยังอยากแต่งเข้าบ้านคนรวย ผู้หญิงแบบนี้ต่อให้ไม่พิการฉันก็ไม่อยากได้!" คุณผู้หญิงเซิ่งพูดทิ้งท้ายอีกประโยค: "เรื่องนี้ตกลงตามนี้นะ เธอเองก็ไปก็คิดให้ดีๆแล้วกัน"

"แม่........" เซิ่งเคอร้องเรียกไปตามสาย แต่ปลายสายได้วางไปแล้ว เขาทำได้แค่ถอนหายใจก่อนจะเก็บมือถือ

เขากลับมาถึงโต๊ะอาหาร คุณผู้หญิงเงยหน้าจ้องมองไปที่เขา: "ทำไม? เหลียนเหยาไม่ลงมากินเหรอ?"

คุณผู้หญิงอดไม่ได้ที่จะพูดต่อ: "เซิ่งเคอ อย่าไปตามใจเหลียนเหยาให้มากนะเลย ตามใจมากจนกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอรู้จักเหลียนเหยามั้ย? รู้ว่าในใจเธอคิดยังไงมั้ย? ด้วยนิสัยเธอแล้วแค่คนอื่นพูดอะไรไม่กี่คำจะทำให้ถึงกับกินอะไรไม่ลงเลยเหรอ?"

"คุณย่าเลิกบ่นเถอะ รีบทานข้าวเถอะ" หนานกงเฉินที่ปกติไม่ค่อยชอบพูดบนโต๊ะอาหารได้พูดขึ้น

เขากลัวว่าคุณผู้หญิงจะหลุดปากอะไรออกไป จึงต้องรีบพูดขัดขึ้น

คุณผู้หญิงเข้าใจความหมายของเขา จึงรีบเปลี่ยนเป็นพูด: "เซิ่งเคอ ไม่ต้องกังวลมากหรอก ไปจัดการสื่อสารกับทางพ่อแม่ให้ดีก็พอ ไม่นานพวกท่านก็คงจะยอมเข้าใจ"

"ผมรู้แล้วครับ" เซิ่งเคอมองไปที่คุณผู้หญิงและหนานกงเฉิน ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ถ้าพวกเขารู้ว่าพ่อและแม่เขากำลังคิดอะไรอยู่ คาดว่าคงต้องโกรธจนเป็นบ้าแน่

--

วันนั้นหลังจากที่แยกกับหนานกงเฉิน เขาก็โทรฯมาหาเธอทุกวัน แต่ไป๋มู่ชิงกลับไม่รับแม้แต่สายเดียว

หนานกงเฉินไม่อยากทำให้เธอรำคาญ จึงโทรฯหาเธอแค่วันละครั้ง

เขายังคิดว่าวันนี้ไป๋มู่ชิงก็คงไม่รับสายเหมือนเดิม แต่ไม่คิดว่าเธอจะรับสายทันทีจนเขาไม่รู้จะทำหรือพูดอะไรดี

"มู่ชิง......เธอ......เธอไม่เป็นอะไรใช่มั้ย? " เขาถามอย่างแปลกใจ

"ทำไม่ถามแบบนั้น" ไป๋มู่ชิงไม่เข้าใจ

หนานกงเฉินยิ้มนิดหนึ่ง: "ก็ก่อนหน้านั้นเธอไม่สนใจฉันเลย"

"ก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันไม่สนใจ แล้วจะโทรฯมาอีกทำไม?"

"ชินแล้ว"

ชินเหรอ.....ไป๋มู่ชิงรู้สึกหวั่นไหวในใจ เธอสูดลมหายใจเข้าเบาๆและถาม: "คุณหาฉันมีอะไร?"

"ไม่มีอะไร แค่อยากได้ยินเสียง อยากรู้ว่าเธอสบายดีมั้ย"

"ฉันสบายดี คุณล่ะ?" ไป๋มู่ชิงนึกถึงสิ่งที่ผู่เหลียนเหยาพูด อันที่จริงเธอกะจะโทรฯหาเขาอยู่เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าเขาจะโทรฯมาหาซะก่อน

ถ้าไม่ใช่เพราะผู่เหลียนเหยามาหาเธอ เธอเองก็คงจะไม่มีวันรับสายของหนานกงเฉิน เพราะเธอรับปากเฉียวเฟิงแล้วว่าจะพยายามไม่เจอหนานกงเฉินอีก

"สบายดี" หนานกงเฉินหัวเราะหยัน: "มู่ชิง เธอรู้สึกมั้ยว่าเราสองคนเหมือนเพื่อนที่ไม่สนิทคุ้นเคยไปแล้ว นอกจากถามสารทุกข์สุขดิบของกันและกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะคุยอีก

"ไม่" ไป๋มู่ชิงส่ายหัว: "ฉันมีเรื่องอยากบอกคุณ"

" เรื่องอะไร? คิดได้แล้วเหรอ?" หนานกงเฉินรู้สึกดีใจขึ้นมา

"คิดได้อะไร?" ไป๋มู่ชิงงงกับสิ่งที่เขาถาม

ไป๋มู่ชิงไม่รู้จะตอบยังไง: "คุณชายเฉิน........."

"เอาเถอะ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้" น้ำเสียงดีใจของหนานกงเฉินจางลง: "เรื่องอะไร?"

"เราเจอกันหน่อยดีกว่า" ไป๋มู่ชิงพูดเสร็จ ก็รีบพูดต่อ: "แต่ฉันขอร้องคุณชายเฉินเรื่องหนึ่งได้มั้ยคะ เราแค่ออกมาเจอกันแปบเดียว คุณชายเฉินอย่าคิดเป็นอย่างอื่นได้มั้ย"

"กลัวแต่เธอจะทนไม่ไหวจนยอมฉันอีกมากกว่ามั้ย?" หนานกงเฉินยิ้มเจ้าเล่ห์

"หนานกงเฉิน ฉันกำลังซีเรียสนะ" ไป๋มู่ชิงหน้าร้อนผ่าว

"เอาเถอะ เดี๋ยวฉันรีบไปหาที่ร้านกาแฟแถ้วบ้านเธอ"

"ได้ เดี๋ยวเจอกัน" ไป๋มู่ชิงพูดเสร็จก็วางสาย

หลังยี่สิบนาที ทั้งสองก็มาเจอกันที่ร้านกาแฟ หนานกงเฉินมองหน้าไป๋มู่ชิง นึกในใจไม่เจอแค่ไม่กี่วัน ทำไมเขารู้สึกอยากกอดเธอขึ้นมาอีกแล้ว

พอนึกถึงสัญญาที่เขาเพิ่งให้เธอไป ก็ต้องอดใจไม่เข้าไปกอดเธอ เขาชี้ไปที่โซฟา: "เชิญนั่ง"

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า ก่อนนั่งลงบนโซฟา

เธอเองก็จ้องมองไปที่เขา ด้วยความละเอียดพี่ถ้วนทำให้เธอสังเกตเห็นว่าวันนี้หนวดเคราเขาดูยาวขึ้นอีกแล้ว นึกสงสัยในใจช่วงนี้เขายุ่งมากเลยเหรอ? ถึงขนาดไม่มีแม้แต่เวลาจะโกนหนวดเครา

"ช่วงนี้ยุ่งมากเหรอ?" เธอถามขึ้นอย่างเป็นห่วงในที่สุด

"ฉันก็ยุ่งแบบนี้ตลอดไม่ใช่เหรอ? " หนานกงเฉินยิ้มอย่างฝืนใจ: "ช่วยนี้ที่บริษัทฯมีเรื่องมาก เลยยุ่งกว่าปกตินึดหนึ่ง"

"อย่าลืมพักผ่อนด้วยล่ะ"

"เป็นห่วงฉัน แต่ยังทำเป็นเย็นชาได้ขนาดนี้ แบบนี้ไม่ดีมั้ง?"

"เราพูดเรื่องสำคัญกันเถอะ" ไป๋มู่ชิงรีบเปลี่ยนเรื่อง

หนานกงเฉินพยักหน้า: "ก็ได้ หาฉันมีเรื่องอะไร?"

ไป๋มู่ชิงมองเขาก่อนจะพูดขึ้นอย่างลังเล: "ผู่เหลียนเหยามาหาฉันแล้ว"

"แล้วยังไงต่อ?"

"เธอมาบอกฉันว่าตอนนี้คุณกำลังอยู่ในอันตราย จูจูรู้ความจริงเรื่องคู่แท้ตามชะตาลิขิตแล้ว เพื่อความอยู่รอดเธออาจกำลังหาทางลงมือกับคุณ : "ไป๋มู่ชิงลังเลชั่วครู่ก่อนถาม: "ผู่เหลียนเหยาได้บอกเรื่องพวกนี้กับคุณมั้ย?"

"เปล่า"

"เปล่า? ฉันไม่เข้าใจ เขาบอกว่าเขาแค่ต้องการสมบัติของหนานกงเฉิน แต่ไม่ต้องการให้คุณเป็นอะไร แต่ถ้าเขาคิดแบบนั้นจริงๆทำไมไม่บอกคุณโดยตรง แต่เลือกที่จะมาบอกฉัน"

"เขาจะคิดดีกับฉันแบบนั้นได้ยังไง?" หนานกงเฉินยิ้มเย็น

ทั้งสองเงียบไปครู่ใหญ่ ต่างกำลังคิดหาสาเหตุที่ผู่เหลียนเหยาทำแบบนั้น จนที่สุดหนานกงเฉินก็พูดขึ้น: "มู่ชิง ฉันเดาว่าเขาทำแบบนี้เพื่อจะกระตุ้นให้เธอลงมือกับจูจูก่อน ซึ่งมันจะทำให้เธอกลายเป็นคนผิด ดังนั้นเธอห้ามไปฟังเขาเด็ดขาด"

ไป๋มู่ชิงแปลกใจ: "คุณคิดแบบนั้นเหรอ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด