เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 227

จูจูดิ้นรนด้วยความตื่นตระหนก แกะมือของสองคน

“เฉิน หลานยังอยากฟังคำพูดไร้สาระของเธอเหรอ? คำพูดเธอมันไม่น่าเชื่อถือ”

หนานกงเฉินมองคุณผู้หญิง จากนั้นสายตาก็มองไปที่จูจู ก้มมองเธอแล้วพูดขึ้น “ฉันให้เวลาเธอห้านาที เล่าเรื่องให้ฉันฟังทีละเรื่องอย่างชัดเจน แน่นอนว่า……ทางที่ดีก็ระบุข้อเท็จจริงเพื่อโน้มน้าวใจฉัน ไม่งั้น……”

เขาไม่ได้พูดต่อ ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรเขาไม่ต้องพูดจูจูก็รู้

แม้ว่าจะตาย แต่จูจูก็อยากหนีออกไปจากภัยพิบัตินี้ อย่างไรแล้วเมื่อถูกตัดนิ้วมันก็ไม่มีแล้ว ไม่เหมือนกับที่ถูกตีด้วยแส้ซึ่งไม่กี่วันมันก็หายดี

เธอใช้มือเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าอีกครั้ง ให้ตัวเองสงบสติอารมณ์แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “จริงๆ แล้วคุณยายจูไม่ใช่คุณยายของฉัน แต่เป็นคุณย่าแท้ๆ ของฉัน จูจูตัวจริงเป็นลูกสาวป้าฉัน ชื่อจริงของเธอคือจูเสว คนที่ช่วยชีวิตคุณในตอนแรกคือเธอ พ่อแม่ฉันส่งฉันไปเรียนที่บ้านยายตั้งแต่เล็กๆ น้อยครั้งที่จะกลับไปอยู่ที่บ้านสวนจู ฉันเลยไม่ค่อยได้เจอจูจู ยากที่จะเจอในหนึ่งปี เราไม่รู้จักกันและกันเลย เรื่องที่เธอช่วยชีวิตคุณนอกจากคุณย่าแล้วก็ไม่มีใครรู้อีก และไม่เคยมีใครพูดเรื่องนี้กับคนอื่น ต่อมาเมื่อเธออายุประมาณสิบขวบเธอออกจากบ้านสวยจูไป และต่อมาคุณก็มาหาจูจูที่บ้านสวนจู พ่อแม่ฉัน……เข้าใจผิดคิดว่าคุณตามหาฉัน ก็เลย……”

“จูเสว……”

“ถูกต้อง……เธอชื่อจูเสว” จูจูไม่กล้าพูดมากเกินไป เพราะกลัวว่าจะทำให้หนานกงเฉินโกรธอีก

“แล้วต่อมาเธอไปไหน? ”

“ฉัน……ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ” จูจูผลุบตาลง พยายามซ่อนความรู้สึกผิดในดวงตา

หนานกงเฉินจ้องมองเธออย่างโหดเหี้ยม เงียบอยู่นานมาก

คุณผู้หญิงก็ประหลาดใจเช่นกัน เธอมองหนานกงเฉิน รู้สึกถึงความช็อกในใจเขา นานสักพักก่อนจะถามออกมา “เธอพูดเรื่องจริงเหรอ? ”

จูจูพยักหน้า

หลังจากเงียบไปห้านาที เงียบจนคิดว่าเขาพูดไม่ได้ จากนั้นหนานกงเฉินก็เอ่ยออกมาในที่สุด “ถ้าเธอไม่ได้โกหก ฉันก็คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นควรเป็นแบบนี้”

เขาหยุดไป จากนั้นก็พูดต่อ “ตอนแรกที่ฉันกลับไปหาจูจู พ่อแม่เธอรู้ว่าฉันคือทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหนานกง จึงปิดบังความจริงที่ว่าจูจูออกจากบ้านสวนจูไปแล้ว และผลักเธอมาให้ฉันแทน ตอนนั้นที่ฉันไปตามหาก็ไม่เจอคุณยายจู จึงถูกครอบครัวสามคนของเธอหลอกพาเธอกลับมาที่เมืองซี ต่อมาผู้ช่วยของฉันไปซื้อบ้านจากตระกูลจู คุณยายจูยอมตายดีกว่าขายมัน และพ่อแม่เธออยากคฤหาสน์ในเมืองของผู้ช่วยฉันก็เลยบังคับคุณยายจูกระโดดตึก ตอนนั้นคุณยายจูแค่ขาหัก ไม่กี่วันต่อมาก็เสียชีวิตในโรงพยาบาลอย่างลึกลับ เพราะเธอเป็นคนเดียวที่รู้ว่าฉันกับจูจูรู้จักกัน พ่อแม่เธอเพื่อได้บ้านสวยจูมา เพื่อให้เธอได้แต่งงานเข้าตระกูลหนานกง ก็เลยฆ่าเธออย่างโหดเหี้ยมที่โรงพยาบาล ใช่ไหม? ”

จูจูมองเขาอย่างประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าหนานกงเฉินจะรู้มากขนาดนี้!

“ไม่ใช่……ไม่ใช่แบบนี้……” เธอส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งๆ ที่รู้ว่าหนานกงเฉินไม่เชื่อเธอ แต่เธอก็ยังปฏิเสธเป็นนิสัย

“ไม่ใช่เหรอ? แล้วมันเป็นยังไง? ”

“ฉัน……” จูจูพูดไม่ออก

“ช่างเถอะ เรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่ต้องรับผิดชอบในตอนนี้” หนานกงเฉินถามอย่างเร่งด่วน “เธอบอกฉันสิ จูจูตัวจริงอยู่ที่ไหน? ”

จูจูส่ายหน้า ถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ “ตอนนี้คุณถามเรื่องนี้มันจะไปมีความหมายอะไร? คุณรักไป๋มู่ชิงจะตาย ยังสนใจความเป็นความตายของเธออีกเหรอ? งั้นฉันจะบอกคุณให้ ตอนนี้เธอแต่งงานมีลูกไปแล้ว……”

หนานกงเฉินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้า “ก็ไม่รู้จะพูดทำไมจริงๆ ”

ได้ยินว่าจูจูแต่งงานมีลูกไปแล้ว ความรู้สึกแปลกๆ ในใจเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่อยากไปหาเหตุผล เพราะจูจูพูดถูก ตอนนี้คนที่เขารักคือไป๋มู่ชิง ไม่ใช่คนที่เคยช่วยชีวิตในอดีต

“คุณ……ฉันพูดความจริงออกมาหมดแล้ว คุณปล่อยฉันไปได้ไหม? ” จูจูเริ่มประหม่าขึ้นมาอีกครั้ง

“ฉันสัญญาเหรอว่าจะปล่อยเธอไป? ” หนานกงเฉินไม่ได้โกรธเธอน้อยลงจากคำสารภาพของเธอ แต่โกรธที่เธอทำเรื่องไร้ยางอายเพื่อแต่งงานเข้าตระกูลหนานกง เขาจำได้ว่าจูจูตอนเด็กๆ เคยพูดว่า คุณยายจูคือคนที่ใกล้ชิดและรักเธอมากที่สุด ในวันนี้เพราะเขา เธอเลยสูญเสียคุณยายที่รักของตัวเองไป

อยากให้เธอมีชีวิตที่ดี แต่ด้วยความหงุดหงิด ทำร้ายให้เธอสูญเสียคนที่สำคัญที่สุดไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ช่วยชีวิตคนนั้นกำลังเกลียดชังเขาจนถึงตอนนี้หรือเปล่า ต้องโทษเขา!

คิดถึงตรงนี้แล้ว ความหงุดหงิดในใจเขาก็เพิ่มขึ้น

เขาก้าวไปข้างหน้า โน้มตัวบีบคอเธอบังคับให้เธอเงยใบหน้าเล็กขึ้นมา จ้องมองเธอแล้วพูดอย่างเย็นชา “ไม่เคยมีใครบอกเธอเหรอว่าสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือการหลอกลวง? หรือเธอไม่เห็นจุดจบตระกูลไป๋เหรอ? ฟังฉันนะ หลอกลวงฉันต้องจ่ายราคาอย่างงาม! จู่ๆ ตอนนี้ฉันก็รู้สึกว่าสับมือเธอกับขุดหัวใจเธอมันยังไม่พอ……”

“คุณจะทำอะไร? ” จูจูถามด้วยความหวาดกลัว

“ฉันจะทำอะไรเหรอ? เธอดูตระกูลไป๋ก็รู้แล้ว” หนานกงเฉินสะบัดร่างเธอออก ถอยหลังไปหนึ่งก้าว หันตัวเดินเข้าบ้านไป

คุณผู้หญิงก็ได้สติกลับมาจากการตกตะลึง เห็นหนานกงเฉินหันตัวออกไปแล้ว เธอก็หันตัวกลับมาทำท่าให้กับคนรับใช้สองคน

เมื่อจูจูเห็นคนรับใช้สองคนจะโจมตีเธออีกครั้ง ก็รีบลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งไป จับข้อมือหนานกงเฉินแล้วพูดอย่างกังวล “อย่า……คุณชายใหญ่……ขอร้องคุณปล่อยพ่อแม่ฉันไป……ตราบใดที่คุณปล่อยพวกเราสามคนไป ฉัน……ฉันจะบอกคุณว่าจูจูตัวจริงอยู่ที่ไหน”

หนานกงเฉินหันหน้าไป สายตาเย็นชาจ้องมองเธอ “เมื่อกี้เธอพูดว่าเธอไม่รู้ว่าหล่อนอยู่ที่ไหน หลอกฉันอีกแล้วใช่ไหม? ”

“ฉัน……”

“เธอพูดมีเหตุผล ฉันรักไป๋มู่ชิงมากจนตายได้ และไม่จำเป็นต้องพบเธออีกต่อไป”

“ไม่……” จูจูส่ายหน้า “คุณต้องอยากตามหาเธอมากแน่ๆ และคุณต้องรักเธอ……”

“งั้นเหรอ? เธอแน่ใจ? ”

จูจูพยักหน้าอย่างรีบร้อน “และเพราะคุณ……เธอกำลังเผชิญกับอันตรายมากมาย ถ้าคุณไม่ช่วยเธอ……เธอต้องตายแน่”

“เธอว่าไงนะ? พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย!” หนานกงเฉินจับแขนเธอไว้ แล้วถามอย่างกังวล “เธออยู่ที่ไหนกันแน่? ทำไมถึงมีอันตราย? พูดให้มันรู้เรื่อง--!”

ถึงจูจูจะตกใจที่เขาโกรธจนกัดฟัน แต่เพื่อต่อสู้กับโอกาสในการมีชีวิตรอดต่อไป เธอยังคงพูดอย่างกล้าหาญ “คุณอยากให้ฉันบอกคุณก็ได้ แต่คุณต้องสัญญาหนึ่งเรื่องกับฉัน……ปล่อย……ปล่อยให้ฉันออกไปจากตระกูลหนานกง และปล่อยพ่อแม่ฉันด้วย”

“เธอ--!” หนานกงเฉินโกรธจนอยากซัดเธอ กำหมัดแน่น กว่าจะกลั้นไว้ได้

“ถ้าคุณไม่สัญญากับฉัน ฉันก็จะไม่บอกคุณเด็ดขาด ยืดเยื้อต่อไปคุณก็รอเก็บศพให้เธอแล้วกัน!” จูจูพูดอีกครั้งด้วยความกล้าหาญ

เมื่อครู่นี้เธอไม่บอกหนานกงเฉินตรงๆ ว่าไป๋มู่ชิงก็คือคู่ครองของเขา เพื่อเวลานี้ตอนนี้ เพื่อได้ต่อรองกับหนานกงเฉินเป็นครั้งสุดท้าย ถึงจะรู้สึกว่ามันเหมือนกับการถอนขนที่ปากเสือ แต่เพื่อความอยู่รอด เธอทำได้แค่สู้

คุณผู้หญิงกังวลอยากรู้คู่ครองที่แท้จริงของหนานกงเฉิน จึงเอ่ยปากพูด “เฉิน หลานตอบตกลงเธอเถอะ”

อย่างไรก็ตามรอเธอพูดออกมา ควรสับมือเธอยังไงก็สับได้ ควรจัดการพ่อแม่เธอก็ยังจัดการได้เช่นกัน

หนานกงเฉินหายใจเข้าลึกๆ นานสักพักก่อนพ่นออกมาหนึ่งประโยค “ได้ เธอพูดมา”

“ฉันรู้ว่าคุณไม่เคยโกหก แต่เพื่อให้คุณไม่กลับคำพูด ฉันอยากให้คุณสาบาน” จูจูพูดอีกครั้ง

“เธออยากให้ฉันสาบานเหรอ? ”

“ถูกต้อง ถ้าคุณโกหกฉัน ไป๋มู่ชิงเธอต้องไม่ตายดี ออกจากบ้านไปแล้วจะถูกรถชนตาย……!”

“เธอกล้าสาปแช่งหล่อนเหรอ? !” หนานกงเฉินเหวี่ยงมือตบหน้าเธอ

จูจูถูกเขาตบจนร่างกายเซเกือบล้มลงไป เธอประคองร่างตัวเองแล้วเบนสายตาจ้องมองเขาแล้วยิ้มเยาะ “คุณไม่กล้าใช่ไหมล่ะ? งั้นก็อย่าคิดจะรู้ว่าเธอคือใครไปตลอดกาล…..”

หนานกงเฉินโดนเธอบังคับให้กัดฟันกรอด รับคำสาบานนี้อย่างโหดร้าย จากนั้นก็อดกลั้นความอยากที่จะบีบคอเธอแล้วพ่นออกมาหนึ่งประโยค “ตอนนี้พูดได้หรือยัง? ”

จู่ๆ จูจูก็ยิ้ม พูดขึ้น “โอเค ฉันจะบอกคุณให้ ตอนนี้คนคนนี้เธอชื่อว่าไป๋มู่ชิง ไป๋มู่ชิงคนนั้นที่คุณรักสุดหัวใจ!”

หนานกงเฉินเหมือนหัวสมองโดนอะไรบางอย่างระเบิด จ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ

“พวกคุณฟังไม่ผิดหรอก ก็คือไป๋มู่ชิงนั่นแหละ ตอนเด็กๆ เธอนามสกุลจูตามแม่ของเธอ อาศัยที่บ้านสวนจู จริงๆ เธอไม่ได้ใสซื่อน่ารักอย่างที่คุณคิด เพื่อเป็นลูกสาวตระกูลไป๋ ตอนสิบขวบเธอก็เปลี่ยนชื่อและนามสกุล ปรับเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นไป๋ยิ่งอันเพื่อให้ตระกูลไป๋รับรู้ว่าเป็นญาติ สุดท้ายโดนตระกูลไป๋ไล่ออกมา จากนั้นก็เข้าหาหลินอันหนาน จากนั้นก็แต่งงานเข้าตระกูลหนานกงแทนไป๋ยิ่งอันอีกครั้ง สรุปคือตั้งแต่เล็กจนโตเธอเสแสร้งและพยายามอย่างหนักที่จะได้อยู่ในตระกูลร่ำรวย แต่กลับล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า”

จูจูเห็นหนานกงเฉินยังไม่ได้สติจากอาการช็อกอยู่นานมาก จึงหันไปยิ้มเล็กน้อยให้กับคุณผู้หญิงแล้วพูดขึ้น “คุณผู้หญิง คุณไม่ได้ฟังผิดหรอกค่ะ ไป๋มู่ชิงคือคู่ครองที่คุณตามหามาตลอด คุณควรขุดหัวใจเธอแทนฉัน”

“เธอพูดเรื่องจริงหรือโกหกกันแน่? ” คุณผู้หญิงถามด้วยความตกใจ

“เรื่องจริงแน่นอนค่ะ” จูจูแค่นหัวเราะอีกครั้ง “จริงๆ ไป๋มู่ชิงเธอรู้ความจริงนี้ตั้งนานแล้ว แต่เธอกลัวตาย ดังนั้นจึงไม่กล้ายอมรับตัวเองว่าเป็นคนที่ตระกูลหนานกงต้องการตามหา หนานกงเฉินคุณฟังรู้เรื่องหรือยัง? ไป๋มู่ชิงไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่คุณคิดจริงๆ ทั้งๆ ที่เธอรู้ว่าคุณต้องการเธอ แต่ปิดบังคุณตลอดเวลา ถึงขนาดแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น!”

หนานกงเฉินยังไม่ได้สติจากอาการช็อก เหมือนยังติดอยู่ด้านใน

สุดท้ายคุณผู้หญิงก็พ่นออกมาใส่เธอด้วยความโกรธ “เธอหุบปากซะ!”

จูจูหุบปากจริงๆ แต่ในใจแอบเปลี่ยนเป็นโล่งใจอย่างลับๆ

ตั้งแต่ที่จูจูพูดชื่อไป๋มู่ชิงออกมา หนานกงเฉินก็ตกใจมากจนไม่ได้สติกลับมา เขาไม่ได้พูดอะไรอีกแม้แต่ประโยคเดียว และไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม แต่เหมือนหุ่นเชิดที่สูญเสียวิญญาณ หันตัวเดินเข้าบ้านไปทีละก้าว

คุณผู้หญิงมองตามแผ่นหลังหนานกงเฉินที่เดินจากไปอย่างเป็นห่วง หันตัวไปพูดกับพี่เหอว่า “ขังยัยผู้หญิงบ้านคนนี้ให้ฉัน!”

จูจูถูกคนพาลงไป ก่อนจะไปเธอก็ไม่ลืมที่จะตะโกนเรียกเสียงดัง “หนานกงเฉิน! คุณห้ามลืมสัญญาของตัวเองจะดีที่สุด ไม่งั้นไป๋มู่ชิงไม่ตายดีแน่ ออกไปแล้วจะโดนรถชน……!”

เสียงตะโกนของเธอดังไปทั่วบ้าน แม้แต่ผู่เหลียนเหยาที่อยู่ชั้นสามยังได้ยินชัดเจน

เมื่อครู่นี้ทุกอย่างที่อยู่ชั้นล่างอยู่ในสายตาผู่เหลียนเหยา และได้ยินเข้าหู ไม่อาจบอกได้ว่าไม่กังวล

เธอไม่คิดว่าหนานกงเฉินจะทำให้จูจูสารภาพว่าวางเพลิงเร็วขนาดนี้ โชคดีที่ไม่โยงมาถึงเธอ!

แต่ถ้าหนานกงเฉินปล่อยจูจูไปจริงๆ ถ้าอย่างนั้นมันก็เป็นระเบิดเวลาสำหรับเธอหรือเปล่า? เธอจะสบายใจได้อย่างไร?

และไป๋มู่ชิง……

ถึงแม้เธอจะควบคุมอาการป่วยของหนานกงเฉินได้ แต่สำหรับข่าวลือเหล่านี้ก็เชื่ออยู่บ้าง ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเธอคงไม่ขัดขวางที่ไป๋มู่ชิงจะแต่งงานกับหนานกงเฉินหรอก ถ้าไป๋มู่ชิงกลับมาหาหนานกงเฉินในตอนนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีอย่างแน่นอน

--

ด้านล่าง คุณผู้หญิงเดินรอบๆ ในห้องนั่งเล่นพร้อมพึมพำเสียงทุ้ม “เรื่องนี้มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง? ไม่คิดเลยจริงๆ !”

เธอเดินวนหนึ่งรอบแล้วเดินมาตรงหน้าพี่เหอ มองเธอแล้วถามขึ้น “เธอคิดว่าคำพูดจูจูเชื่อได้ไหม? เธออาจจะจงใจโกหกเพื่อหลบหนีไหม? ”

“ฉันก็คิดแบบนี้เหมือนกันค่ะ” พี่เหอพยักหน้า จากนั้นก็พูดอีก “แต่ฉันเห็นคุณชายใหญ่เหมือนเชื่อมากเลยค่ะ และถูกโจมตีอย่างมาก”

“อืม ฉันก็มองออกเหมือนกัน” คุณผู้หญิงถอนหายใจ

“คุณผู้หญิง คุณอยากขึ้นไปดูคุณชายใหญ่หน่อยไหมคะ บอกเขาว่าอย่าไปเชื่อคำพูดจูจูมากเกินไป”

“ช่างเถอะ อย่าไปรบกวนเขา ให้เขาสงบสติอารมณ์ตัวเองก่อน”

“อืม โอเคค่ะ” พี่เหอพยักหน้า

ผู่เหลียนเหยาลงไปชั้นหนึ่ง ปรับสีหน้าบนใบหน้าแล้วเดินมาข้างๆ คุณผู้หญิง พูดด้วยใบหน้าเป็นห่วง “คุณย่า จัดการเรื่องเป็นยังไงบ้างแล้วคะ? พี่สะใภ้เธอรับสารภาพหรือยัง? ”

คุณผู้หญิงผลุบตามองเธอแล้วพูดขึ้น “รับสารภาพแล้ว”

“พี่สะใภ้ก็กล้าเกินไปแล้ว ไม่คิดว่าจะเผาแม้แต่ห้องโถงบรรพบุรุษของหนานกงเฉิน แต่คุณย่าไม่โกรธจนทำลายสุขภาพก็ดีแล้วค่ะ” ผู่เหลียนเหยาลงมาในตอนนี้เพื่อให้คุณผู้หญิงเห็นชัดๆ ว่า เหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อคืนไม่เกี่ยวอะไรกับเธอเลยสักนิด!

คุณผู้หญิงก็ไม่ได้อดทนกับความเสแสร้งของเธอมากนัก ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น “เอาล่ะ ไม่ได้นอนทั้งคืน ฉันกลับไปนอนในห้องนอนก่อน” เธอพูดจบก็ฝากฝังเสี่ยวลวี่ข้างๆ “คอยดูคุณชายใหญ่ด้วย ถ้าเขาลงมาก็รีบไปเตือนฉัน”

“ได้ค่ะ คุณผู้หญิง” เสี่ยวลวี่ตอบรับ

--

คุณผู้หญิงกลับมาในห้องก็หลับหนึ่งตื่นแล้วออกมา ได้ยินเสี่ยวลวี่บอกว่าหนานกงเฉินยังไม่ออกมาจากห้องนอนเลย ในใจก็เริ่มกังวลขึ้นมากบ้าง

เธอลังเลสักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจขึ้นชั้นสองไปดูเขา

ตอนที่เธอเคาะประตูเข้าไป หนานกงเฉินกำลังนั่งโซฟาข้างหน้าต่างบานใหญ่ มือถือบุหรี่ครึ่งมวน ไม่ขยับไปไหน

คุณผู้หญิงเหลือบมองที่เขี่ยบุหรี่เต็มไปด้วยก้นบุหรี่ ก็เดินไปนั่งตรงหน้าเขาอย่างปวดใจแล้วพูดขึ้น “เฉิน เมื่อคืนหลานไม่ได้หลับทั้งคืน ทำไมไม่ไปนอนบนเตียงสักหน่อยล่ะ? ”

สุดท้ายหนานกงเฉินก็ขยับ ยกสายตาขึ้นมองคุณผู้หญิงแล้วพูดขึ้น “คุณย่าครับ ผมไม่ง่วง”

“จะไม่ง่วงได้ยังไง ตาแดงก่ำหมดแล้ว” คุณผู้หญิงถอนหายใจ พูดอย่างหมดหนทาง “หลานน่ะ แค่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไป๋มู่ชิงก็มักจะไม่มั่นคงตลอด หลานรู้ใช่ไหมว่าจูจูเป็นผู้หญิงที่ชอบโกหก คำพูดเธอหลานเชื่อจริงๆ เหรอ? ”

หนานกงเฉินเงียบไปสักครู่แล้วพูดขึ้น “ครั้งนี้ผมเชื่อ”

“หลานเชื่อจริงๆ เหรอว่าไป๋มู่ชิงคือคนที่ช่วยชีวิตหลาน? ”

“ผมเชื่อ” หนานกงเฉินพูด

ผ่านการจัดระเบียบและกระบวนความคิดในช่วงเช้า ถึงแม้ยังมีคำถามมากมาย แต่โดยทั่วไปเขาแยกแยะมันได้อย่างชัดเจน และเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

แต่……

“คุณย่า ทำไมคนที่รู้ความจริงคนสุดท้ายในทุกๆ เรื่องคือผม? ” จู่ๆ เขาก็ถามอย่างขมขื่น

ตอนที่ไป๋มู่ชิงท้องเขาก็รู้เป็นคนสุดท้าย ไป๋มู่ชิงประสบอุบัติเหตุรถยนต์ไม่ตายเขาก็เกือบเป็นคนสุดท้ายที่รู้ และยังมีอีกหลายๆ เรื่อง……

“เพราะหลานเชื่อใจจูจูของหลานมากเกินไปไง!” คุณผู้หญิงถอนหายใจ

“ก็เหมือนจะใช่ ผมเชื่อใจเธอมากเกินไป” หนานกงเฉินยิ้มเยาะตัวเอง “เพราะความทรงจำตอนเด็กมันฝังลึกมากเกินไป ผมถึงขนาดไม่เคยสงสัยเลยว่าจูจูอาจจะเป็นตัวปลอม มักมีความคิดที่ว่าเธอเป็นคนใจดีจึงปล่อยเธอไปครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายผลที่ตามมา……”

เขาส่ายหน้า มันวนไปวนมาจริงๆ ที่แท้คนที่ตัวเองตามหาอยู่ในร่างกายตัวเองก็ไม่รู้

“เอาล่ะ อย่าคิดเรื่องนี้เลย” คุณผู้หญิงพูด “ไม่ว่าจะเป็นไป๋มู่ชิงก็ดี จูจูก็ดี ยังไงพวกเธอก็ล้วนเป็นผู้หญิงที่ไม่มีจิตสำนึก อย่าไปเสียใจเพื่อพวกเธอ”

หนานกงเฉินไม่ได้พูดอะไร สูบบุหรี่ในมืออย่างหนัก

“จริงสิ หลานคิดจะจัดการคุณหนูจูที่น่ารังเกียจคนนี้ยังไง? คงไม่ปล่อยเธอไปจริงๆ หรอกนะ? ” คุณผู้หญิงถาม

หนานกงเฉินคิดแล้วพยักหน้า “ปล่อยเธอไปเถอะครับ”

“ได้ยังไง? เธอก่ออาชญากรรมครั้งใหญ่แบบนั้น! ปล่อยเธอไปแบบนั้นเป็นการดูถูกเกินไปแล้ว!” นึกถึงพฤติกรรมของจูจูเมื่อคืน คุณผู้หญิงก็เกลียดจนกัดฟันกรอด

หนานกงเฉินยิ้มขมขื่น “แต่ผมจะให้ไป๋มู่ชิงตายไม่ดีไม่ได้”

“ไป๋มู่ชิงเธอตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ” คุณผู้หญิงดูเหมือนตระหนักเกี่ยวกับปัญหานี้ เธอนิ่งไป แล้วถามอย่างประหลาดใจ “จริงสิ วันนี้ที่จูจูพูดถึงหมายความว่าไป๋มู่ชิงยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม? เธอยังไม่ตายเหรอ? ”

หนานกงเฉินไม่ตอบ คุณผู้หญิงก็พูดเสียงต่ำอีกครั้ง “พระเจ้า! เป็นแบบนี้ได้ยังไง? น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”

หนานกงเฉินยิ้มขมขื่น เขาเองก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อ ราวกับกำลังฝัน

“ดังนั้น กว่าเธอจะรอดพ้นจากหายนะครั้งนี้ ผมจะให้เธอตายไม่ดี ออกไปก็โดนรถชนตายอีกไม่ได้……” กล่าวคำแช่งที่จูจูพูดต่อหน้าตนเมื่อครู่นี้อีกครั้ง หนานกงเฉินก็รู้สึกเสียใจ ไม่คิดว่าเขาจะสาบานจริงๆ !

“เธอไม่ตายจริงๆ เหรอ? งั้นสองปีที่ผ่านมาเธออยู่ไหน? ทำอะไร? ” คุณผู้หญิงเหมือนไม่ได้สนใจกับเรื่องพวกนี้เป็นพิเศษ ก่อนหนานกงเฉินจะตอบก็ถามอีก “แล้วหลานเชื่อจริงๆ เหรอว่าเธอคือคู่ครอง? ”

หนานกงเฉินพยักหน้า คุณผู้หญิงถามขึ้นอีก “หลานหมายความว่า สิ่งที่จูจูพูดทั้งหมดเป็นเรื่องจริง? ”

“เรื่องจริงครับ” หนานกงเฉินพูด “แต่มีหนึ่งอย่างที่โกหก ไป๋มู่ชิงไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอพูด เรื่องนี้ผมมั่นใจมาก”

“เฮ้อ นี่มันเรื่องอะไรกัน เหมือนละครในทีวีเลย” หลังจากคุณผู้หญิงตกใจจบก็ส่ายหน้า จากนั้นก็เหลือบมองเขาอีกครั้งแล้วพูดขึ้น “หลานไม่เชื่อเรื่องชะตาชีวิตมาตลอดไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงกังวลกับคำสาบานร้ายแรงของตัวเองเมื่อกี้ล่ะ?”

หนานกงเฉินปฏิบัติตามสัญญาปล่อยจูจูไปจริงๆ ผู้หญิงน่ารังเกียจคนนี้ เขาไม่เต็มใจอยากปล่อยเธอไปแบบนี้หรอก!

หนานกงเฉินก็ไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองถึงใส่ใจแบบนี้ ก่อนหน้านี้เขาไม่เชื่อเรื่องพวกนี้จริงๆ อาจจะเพราะมันเกี่ยวกับไป๋มู่ชิงล่ะมั้ง

จูจูเข้าใจวิธีการจับความคิดเขาจริงๆ รู้จักใช้ไป๋มู่ชิงมาบังคับเขาให้สาบาน

“คุณย่าไม่ต้องเป็นห่วง ถึงผมจะปล่อยเธอไป เธอก็อาจจะไม่มีชีวิตรอด” หนานกงเฉินพูด

คุณผู้หญิงพยักหน้า เรื่องนี้ จูจูกับผู่เหลียนเหยาร่วมมือกันอย่างลับๆ มานานมาก ผู่เหลียนเหยาจะปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้อย่างไร?

--

พอเช้าตรู่ไป๋มู่ชิงก็ได้ยินข่าวที่ห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลหนานกงโดนไฟไหม้ ก็รู้สึกประหลาดใจ สิ่งแรกที่เธอนึกถึงแน่นอนว่าก็คือท่านผู้หญิงจิ้งที่อยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษ

ห้องโถงบรรพบุรุษโดนไฟไหม้แล้ว แล้วท่านผู้หญิงจิ้งล่ะ? ตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? ถ้าท่านผู้หญิงจิ้งเป็นอะไร คุณผู้หญิงต้องร้อนใจจนเป็นบ้าแน่ๆ เลยใช่ไหม? หนานกงเฉินก็ต้อง……

ตลอดทั้งวัน เธอไม่สบายใจเพราะเรื่องในตระกูลหนานกง แม้กระทั่งตอนนี้ที่กำลังชิมอาหารร้านใหม่ด้วยกันกับเฉียวเฟิงก็ไม่สามารถสงบใจลงได้

“รสชาติร้านใหม่เป็นยังไงบ้าง? ยังโอเคไหม? ” เฉียวเฟิงมองเธอแล้วถามขึ้น

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า หายใจเข้าแล้วยิ้มบางๆ “ก็ไม่เลว”

“จริงเหรอ งั้นกินเยอะๆ นะ” เฉียวเฟิงหั่นสเต๊กพริกไทยดำหนึ่งชิ้นให้เธอ

“ไม่ต้อง ฉันกินอิ่มมากแล้ว”

“กินเยอะๆ จะได้อ้วนหน่อย” เฉียวเฟิงรินชานมให้เธอหนึ่งแก้ว “ลองชานมซิกเนเจอร์ในร้านอีกครั้ง เธอน่าจะชอบ”

ไป๋มู่ชิงยกแก้วขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก พยักหน้า “ไม่ค่อยต่างจากร้านเก่าเลย รสชาติที่ฉันชอบ” ไป๋มู่ชิงพูดจบ จากนั้นก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ร้านใหม่กิจการต้องรุ่งเรืองแน่ๆ”

“อืม หวังว่าจะเป็นแบบนี้นะ”

ทั้งคู่ลองทานสาขาที่เพิ่งเปิดใหม่จนถึงเก้าโมงครึ่งกว่าจะเสร็จสิ้น และกลับบ้าน

ไป๋มู่ชิงขับรถช้าๆ บนถนน เมื่อใกล้หน้าประตูบ้านก็พ่นออกมาโดยไม่รู้ตัว “เอ๋ นั่นรถหนานกงเฉินไม่ใช่เหรอ? ทำไมเขามาอยู่ที่นี่? ”

เมื่อเฉียวเฟิงได้ยินคำพูดของลุงหลิว ก็เบนสายตาขึ้นมองไปข้างหน้าทันที เห็นรถหนานกงเฉินจอดอยู่ทางด้านขวาของประตูทางเข้าลานบ้านจริงๆ

ทำไมหนานกงเฉินมาอยู่ที่นี่? ตอนนี้เขาควรยุ่งกับการจัดการเหตุการณ์ไฟไหม้ห้องโถงบรรพบุรุษไม่ใช่เหรอ? ขณะที่สงสัย ไป๋มู่ชิงก็จอดรถอีกด้านของประตูทางเข้าลานบ้าน

ไป๋มู่ชิงมองด้านข้างเฉียวเฟิง พูดขึ้น “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขามาอยู่ที่นี่……”

“ลงรถค่อยว่ากัน” เฉียวเฟิงเปิดประตูรถก่อน

“รอฉัน” ไป๋มู่ชิงเปิดประตูรถตาม ลงจากรถก็อ้อมท้ายรถมาด้านข้างเฉียวเฟิง กำลังจะพยุงเฉียวเฟิงลงจากรถ หนานกงเฉินก็ลงจากรถแล้วรีบเดินมาหาเธอ

ฝีเท้าหนานกงเฉินเร็วมาก ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทั้งร่างกายแผ่ออร่าหงุดหงิดไปทั่ว ไป๋มู่ชิงมองเขา ไม่รอให้เธอตอบสนองหนานกงเฉินก็จับข้อมือเธอไว้ “มากับฉัน”

เสียงไม่ดัง แต่เต็มไปด้วยคำสั่ง

“หนานกงเฉินคุณจะทำอะไร? ” มืออีกข้างของไป๋มู่ชิงพยุงแขนเฉียวเฟิงอยู่ ถูกเขาดึงไปแบบนี้ก็ปล่อยไปด้วยแรงเฉื่อย แต่เฉียวเฟิงกลับยกมือขึ้นจับมือเล็กเธอไว้แน่น

ในชั่วขณะหนึ่ง ไป๋มู่ชิงกลายเป็นเหยื่อให้ทั้งคู่ฉกชิง เธอมองเฉียวเฟิง แล้วก็มองหนานกงเฉิน ไม่รู้ในชั่วขณะหนึ่งว่าควรทำอย่างไรดี ด้วยความร้อนใจก็บิดข้อมือลองดิ้นหลุดออกจากฝ่ามือหนานกงเฉิน

แต่การดิ้นของเธอไปกระตุ้นความโกรธในร่างกายหนานกงเฉินมากขึ้น และทำให้เขากระชับฝ่ามือจับเธอแน่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด