เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 247

หลังจากไปจากเมืองซี ซูซี่ก็ไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนอีกเลย ถ้าเฉียวซือเหิงใส่ใจมากกว่านี้ก็คงจะดูออก แต่ว่าตอนนี้เขาโมโหจนหน้ามืดตามัวแล้ว ไม่รู้สึกถึงความเขินอายของเธอเลย

กับซูซี่ เขาไม่เคยเชื่อเลย ถึงเธอจะพูดย้ำว่าเธอไม่เกี่ยวข้องกับอะไรหนานกงเฉิน เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองเพราะอะไร!

แต่ซูซี่กลับจับแขนของเขาไว้แล้วเอ่ยเสียดสี "แค่นี้เองหรอ?"

ถึงแม้ลมหายใจของเธอจะไม่มั่งคงมาก ร่างกายก็เหนื่อยจนหมดเรี่ยวแรง เส้นผมที่เปียกก็ติดอยู่ข้างแก้มทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่ความรู้สึกเซ็กซี่ลอยออกมา

เฉียวซือเหิงจับมือของเธอไว้ข้างๆแล้วเลิกคิ้ว "เธอแน่ใจเหรอว่าจะเอาอีก?"

"นายไหวเหรอ?"

"ก็ลองดูสิ?" เฉียวซือเหิงเอนตัวลงไป

"ไว้วันอื่นค่อยหากิ๊กของนายมาลองเองเถอะ" ซูซี่จะลุกขึ้นนั่ง แต่เฉียวซือเหิงก็กดเธอกลับไปแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย "ทำไม? เพิ่งจะทำให้ผมเก็บความโมโหไว้ได้ ตอนนี้ก็จะประกาศสงครามอีกงั้นหรอ?"

"ใช่แล้วจะทำไม? นายกัดฉันสิ?"

"ไม่ ผมไม่แค่จะกัดเธอ ผมจะกินด้วย" เฉียวซือเหิงกัดเธอไว้ไม่ให้โอกาสเธอได้พูดต่อ

ผ่านไปสักครู่ ซูซี่ค่อยเอ่ยขึ้น "ไม่คิดเลยว่าคุณชายเฉียวจะมีเวลาแบบนี้ด้วย"

เฉียวซือเหิวพูดเสียงเบาข้างหูเธอ "หวังว่าเธอจะท้องภายในคืนนี้"

ซูซี่มองไปที่เขา "นายว่าอะไรนะ?"

"ทำไม? เธอไม่อยากหรอ?" เฉียวซือเหิงยักไหล่ "แต่เมื่อกี้ผมตอบตกลงแม่ผมแล้วว่าจะมีหลานให้ท่านภายในหนึ่งปี"

"นาย……ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีทางคลอดลูกให้นาย นายไปหากิ๊กของนายสิ!" ซูซี่เอ่ยด้วยสีหน้าเยือกเย็น

"ถ้าลูกที่กิ๊กคลอดออกมาก็คงจะโดนรังแกเหมือนเฉียวเฟิง ผมไม่อยากให้ลูกผมซ้ำรอยแบบนั้น" เฉียวซือเหิงยิ้มอ่อน "เพราะฉะนั้น……ถ้าจะคลอดก็ต้องให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะฐานะหน้าตาเธอก็เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด"

"ฉันไม่อยาก!"

"ใครให้เธอเป็นคุณหญิงเฉียวของผมล่ะ?"

"นายไปแต่งงานกับฟางมี่ก็ได้ ฉันยอมถอยออกมา" ซูซี่พูด

สีหน้าของเฉียวซือเหิงเปลี่ยนไป ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยขึ้น "ตอนที่พูดคำนี้ออกมา เธอไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยหรอ? คุณหนูซูซี่"

"ถ้าจะให้ฉันมีลูก ฉันยอมหย่าดีกว่า"

"ทำไม?"

ซูซี่พูด "นายพูดถูก ถ้าจะคลอดก็ต้องให้ดีที่สุด อีกสิบปีข้างหน้าฉันไม่อยากเหมือนยายแก่ที่พาลูกแล้วไปไล่ตามนายกับกิ๊ก ฉันยิ่งไม่อยากว่าถ้าวันไหนมีแม่ลูกคู่นึงโผล่มาแล้วมาบีบบังคับให้ฉันออกจากฐานะคุณหญิงเฉียว"

"เธอหมายความว่า รู้สึกว่าผมไม่รักเดียวใจเดียวงั้นหรอ?"

"ฉันไม่สนว่านายจะรักฉันคนเดียวหรือเปล่า แต่ฉันอยากให้นายรักลูกฉันคนเดียว" ซูซี่พูด "เพราะว่าฉันไม่รักนาย"

เฉียวซือเหิงโมโหขึ้นไปอีกแล้วเอ่ยกัดฟันแน่น "เธอไว้ใจเถอะ ผมจะรักแค่ลูกผมคนเดียว คุณไว้ใจได้"

"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่อยากมี"

"คงตามใจเธอไม่ได้" เฉียวซือเหิงลุกขึ้นจากบนตัวเธอยิ้มอยากเยือกเย็นแล้วเดินไปทางห้องน้ำ

ซูซี่ก็ลงจากเตียงด้วยแล้วหายาคุมกำเนิดที่ลิ้นชักของเธอก็หาไม่เจอ เธอเลยปิดลิ้นชักกลับ ไปซื้อพรุ่งนี้ก็ยังทัน

ในห้องอาบน้ำมีเสียงฝักบัวดังขึ้น ซูซี่สวมใส่เสื้อคุมอาบน้ำแล้วเอ่ยถามขึ้นหน้าประตู "ได้ข่าวว่านายใช้อาการป่วยของหนานกงเฉินบังคับให้มู่ชิงกลับไปข้างกายเฉียวเฟิงงั้นหรอ?"

เสียงน้ำในห้องน้ำไม่ได้หยุดลง แต่กลับมีเสียงเปิดประตูดังขึ้น เฉียวซือเหิงก็โผล่มาต่อหน้าเธอ

ตัวเปียกแบบนั้น แล้วไม่ใส่อะไรด้วย

"ไม่ใช่บังคับ แค่แลกเปลี่ยน" เฉียวซือเหิงเอ่ย

"นายบังคับชัดๆ นายรู้ว่ามู่ชิงกับหนานกงเฉินรักกัน ไม่อยากให้เขาตาย" ซูซี่มองไปที่หยดน้ำบนร่างกายเขา ไม่รู้สึกหน้าแดงเลย

"โรคของหนานกงเฉินผมไม่ได้เป็นคนทำให้เป็น ผมมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่ช่วย"

"แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของนาย"

"เพื่อนที่ดีที่สุด……" เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างเสียดสี จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำอาบน้ำต่อ

ซูซี่ก็เดินเข้าไปด้วยแล้วยืนถามต่อหน้าเขา "แล้วนายเคยถามเฉียวเฟิงหรือยัง? เขายอมอยู่กับผู้หญิงที่ไม่รักตัวเองแล้วลูกสาวที่ไม่ใช่สายเลือดเขาไปตลอดชีวิตเหรอ?"

"เฉียวเฟิงต้องยอมสิ เขาแค่ใจดีเกินไป ไม่อยากให้ไป๋มู่ชิงเสียใจก็เลยหลอกตัวเองว่าปล่อยมือได้แล้ว" เฉียวซือเหิงยื่นมือออกมาดึงตัวเธอไปใต้ฝากผัวด้วย จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำเธอออกแล้วเอ่ยข้างหูเธอ "ความรู้สึกแบบนี้ก็เหมือนที่ผมมีต่อเธอ ถึงแม้จะคิดถึงมากแต่ก็ไม่กล้ายอมรับ……"

"อยากจะอ้วก! นายไม่ได้สูงส่งขนาดนั้น!" ซูซี่ใช้มือปาดน้ำบนใบหน้าแล้วหยิบผ้าขนหนูบนราวมาห่อตัวเองไว้ นายโรคจิตนี้อาบน้ำเย็นงั้นหรอ!

ซูซี่สูดจมูกแล้วมองไปที่เขา "คุณชายเฉียว ฉันขอร้องคุณเถอะ อย่าทำอะไรครอบครัวพวกเขาอีกเลยได้ไหม? มู่ชิงลำบากมาทั้งชีวิตน่าสงสารมาก"

"เธอไว้ใจเถอะ เฉียวเฟิงต้องดีกับเธอแน่นอน"

"นายเป็นคนหัวแข็งที่สุดในโลก"

"ถ้าเทียบกับเธอล่ะ?" เฉียวซือเหิงใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมไปด้วยแล้วเดินไปที่เธอ จากนั้นก็ทอดมองไปที่เธอ "คุณหนูซูซี่ วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก คุณอย่ายั่วอารมณ์ผมดีกว่า"

"ได้ ถ้านายตอบตกลงที่จะปล่อยมู่ชิงไป ฉันก็จะไม่ยั่วนายอีก"

"ถ้าเธอยังพูดเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาอีกแม้แต่คำเดียว ผมจะไม่ให้หนานกงเฉินมีวันฟื้นขึ้นมาแน่"

"นาย……แม้แต่ฉันนายก็ขู่หรอ?"

"เธอคิดว่าผมไม่กล้าหรอ? อยากจะลองดูไหม?" เฉียวซือเหิงเอนตัวลงไปเป่าลมไปที่ใบหน้าเธอ จากนั้นก็เดินผ่านตัวเธอไป

--

ซูซี่ที่เอาแต่คิดมากก็นอนไม่หลับทั้งคืน แค่นอนอยู่บนเตียงอยู่อย่างนั้น แต่เฉียวซือเหิงข้างกายกลับหลับได้สบายมากก็กอดเธอจากข้างหลัง เธอที่ไม่ชินกับการโดนคนอื่นกอดก็นำมือเขาออกหลายครั้ง แต่เขาก็กอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง

เป็นแบบนี้เธอก็ยิ่งนอนไม่หลับเข้าไปอีก

จนกระทั่งฟ้าใกล้จะสว่างแล้วเธอค่อยหลับ เลยหลับยาวไปจนถึงตอนเที่ยง

เมื่อเธอตื่นมา เฉียวซือเหิงก็ไม่อยู่บนเตียงตั้งนานแล้ว มองไปที่ข้างเตียงที่ว่างเปล่า เธอก็อดนึกถึงเมื่อคืนไม่ได้ นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เขาทำกับเธอ

เพื่อที่จะป้องกันไว้ เธอก็เลยลุกขึ้นจากเตียง เมื่อแต่งตัวเสร็จหยิบกระเป๋าแล้วก็กุญแจรถกำลังจะออกไป แต่ว่าโทรศัพท์ที่เธอวางไว้บนโต๊ะหายังไงก็หาไม่เจอ

เธอพริกผ้าห่มไปมาใต้เตียงก็หาแล้วก็ไม่มีโทรศัพท์ของเธอ เธอเลยตัดสินใจที่จะลงไปถามคุณป้าที่ทำความสะอาด แต่ว่าประตูเปิดยังไงก็เปิดไม่ออก ประตูเสียงั้นหรอ? เธอลองใหม่อีกครั้งค่อยรู้ว่าประตูถูกล็อคจากข้างนอก

ใครล็อคประตู? ในใจเธอก็รู้สึกสงสัย จากนั้นก็ยกมือขึ้นทุบประตู "มีใครไหม? คุณป้าหง……!"

เรียกไปแล้วก็ไม่มีเสียงตอบรับ เธอก็เลยไปตะโกนที่ข้างระเบียง ข้างล่างก็มีคนตอบรับสักที "คุณหญิงน้อย ฉันจะขึ้นไปเดี๋ยวนี้ค่ะ"

คนรับใช้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่ว่าเธอไม่ได้เปิดประตูให้ซูซี่ แต่ว่าเอ่ยขึ้น "คุณหญิงน้อยคะ คุณรอก่อนนะคะ ฉันจะยกอาหารกลางวันมาให้ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณยังต้องการอะไรอีกไหมคะ?"

"รีบเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้" ซูซี่ตะโกน

"เป็นแบบนี้นะคะคุณหญิงน้อย เมื่อเช้านี้คุณชายพาคุณหญิงออกไปเที่ยวพักผ่อน คุณชายกลัวว่าคุณอยู่บ้านคนเดียวจะอันตรายก็ให้พวกเราเฝ้าดูคุณไว้ค่ะ ว่าอย่าให้คุณออกจากห้องนอน"

เมื่อได้ยินสิ่งที่คนรับใช้พูด ซูซี่ก็อึ้งไป เธอไม่ได้โง่จนไม่เข้าใจการกระทำของเฉียวซือเหิง

เขาพาตัวคุณหญิงเฉียวไปแล้วยังขังเธอไว้ในห้องไม่ให้เธอออกไปซื้อยาไม่ได้ จากนั้น……

ดีไม่ดีคุณหญิงก็ร่วมมือกับเขาด้วย จุดประสงค์ของทั้งสองแม่ลูกก็คือจะให้เธอตั้งท้อง เจ็บใจมาก!

"เธอเปิดประตูให้ฉันก่อน!" เธอเอ่ยอย่างรีบร้อนแล้วทุบตีประตู

"ขอโทษค่ะคุณหญิงน้อย คุณชายบอกว่าถ้าใครกล้าเปิดประตูให้คุณก็จะตีจนขาหักค่ะ" หญิงรับใช้พูดด้วยสีหน้าเอื้อมระอา

"งั้นเธอไปซื้อของให้ฉันหน่อย" ซูซี่คิดไปคิดมา ถึงจะไม่หวังมาก แต่ก็เอ่ยพูด

หญิงรับใช้รีบส่ายหน้า "ขอโทษค่ะ คุณชายไม่ให้พวกเราช่วยเหลือคุณหญิงน้อย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับยา"

"เขาพูดแบบนี้หรอ?" ซูซี่กัดฟันแน่น

หญิงรับใช้ตอบรับ เพื่อที่จะไม่โดนซูซี่ด่าเธอก็เลยเอ่ย "คุณหญิงน้อยคะ ฉันลงไปเตรียมอาหารเที่ยงก่อนนะคะ"

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าไกลออกไป ซูซี่ก็ตะโกนร้อง " เสี่ยวโล้เธอกลับมาเดี๋ยวนี้! เปิดประตู! ไม่งั้นฉันจะทุบประตูทิ้ง……!"

เพื่อที่จะแสดงความมุ่งมั่นของตัวเอง เธอก็เลยใช้เท้าถีบไปที่ประตู แต่ว่าเสียงประตูไม่ได้ทำให้เสี่ยวโล้กลับมาเลย แต่ยิ่งถีบก็ยิ่งทำให้เท้าตัวเองเจ็บ

เธอรู้ว่าเฉียวซือเหิงทำอะไรไม่เหมือนคนทั่วไปอยู่แล้ว ไม่คิดเลยว่าเพื่อที่จะให้เธอตั้งครรภ์ก็ใช้วิธีสกปรกแบบนี้ รู้สึกเจ็บใจมาก!

--

สองวันนี้ไป๋มู่ชิงโทรหาซูซี่ไม่ติดเลย ในใจก็สงสัยว่าเธอไปทำอะไรกันแน่?

สัญญากันแล้วว่าวันที่สองจะมาเยี่ยมเธอ แต่นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้วแต่ไม่เห็นเงาเลย ซูซี่ก็ไม่ใช่คนที่ไม่ใส่ใจแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

หลังจากที่ไม่ได้เจอเฉียวซือเหิงมาสองวัน ไป๋มู่ชิงก็ได้เจอเขาสักที แล้วเธอก็พูดคำแรกก็คือถามหาซูซี่

เมื่อเฉียวซือเหิงได้ยินเธอถามหาซูซี่ ฝีเท้าก็หยุดลงแล้วหันไปมองเธอ "คุณจะหาเธอทำไม?"

ไป๋มู่ชิงตกใจกับสายตาที่ไม่สบอารมณ์ของเขาแล้วเอ่ย "ฉันหาเธอ……คุยเล่น"

"เธอถูกผมขังไว้แล้ว"

"อะไรนะ?"

"วิธีนี้เรียนมาจากหนานกงเฉิน" เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างมีเลศนัย

"ทำไม?"

"เพราะว่าเธอเอาแต่ขอร้องผม ให้ผมปล่อยคุณกับหนานกงเฉิน แต่ว่าผมไม่อยากได้ยินคำพูดอะไรแบบนี้"

"อะไรนะ? เพราะแบบนี้นายก็เลยขังเธองั้นหรอ?" ไป๋มู่ชิงเอ่ยอย่างร้อนรน "คุณชายเฉียว คุณทำแบบนี้กับเธอไม่ได้ ฉันเป็นคนขอร้องเธอเอง ความผิดของฉันเอง ฉันจะไม่ขอร้องเธอพูดกับคุณอีก"

"ตีเป็นเพราะห่วง ขังเป็นเพราะรัก คุณไม่รู้หรอ?" เฉียวซือเหิงยิ้มอีกครั้ง นี่เป็นคำพูดของหนานกงเฉิน

"แต่ว่าคุณก็เข้าใจนิสัยของซูซี่ดี เธอทำลายบ้านคุณแน่"

"ไว้ใจเถอะ บ้านของผมแข็งแรงมาก" เฉียวซือเหิงมองกวาดไปที่เธอ "อีกอย่าง รอคุณไปจากที่นี่ ผมจะปล่อยเธอออกมาเอง"

"คุณ……" ไป๋มู่ชิงไม่รู้จะเอ่ยพูดอะไร จากนั้นก็สูดหายใจเข้าแล้วเอ่ย "คุณชายเฉียวคะ ฉันอยากจะเตือนคุณ ซูซี่ไม่เหมือนกับฉัน เธอหัวแข็งมาก ถ้าคุณยังจะแข็งข้อกับเธอแบบนี้ พวกคุณสองคนก็ไม่มีทางเปลี่ยนไปจากตอนนี้แน่นอน"

ถึงผู้หญิงจะนิสัยดุร้ายแค่ไหน ก็แค่สิงโตตัวน้อยที่ไม่มีเล็บ ผมไม่เชื่อว่าผมจัดการเธอไม่ได้" เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างมีเลศนัยจากนั้นก็หันหลังเดินเข้าห้องพักฟื้นของหนานกงเฉิน

มองตามแผ่นหลังของเขาที่จากไป ไป๋มู่ชิงก็ทำได้แค่สูดหายใจเข้าแล้วเดินตามไปด้วย

เธอไม่คิดเลยว่าจะทำให้ซูซี่ตกอยู่ในอันตราย เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เธอถูกขังในบ้าน เธอก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที

--

พอตกดึก ไป๋มู่ชิงก็ไปที่บ้านเฉียวเฟิง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเสี่ยวหว่านชิงลอยออกมาจากบ้าน เธอรีบเร่งฝีก้าวแล้วไปถึงหน้าประตูบ้าน

ก็เห็นว่าเฉียวเฟิงกับหว่านชิงกำลังเป่าฟองสบู่ ทั้งสองคนกับหมาตัวเล็กกำลังเล่นอยู่ในสวนอย่างมีความสุข แม้แต่มีคนเดินเข้ามาก็ไม่รู้สึกเลย

เมื่อเห็นทั้งสองพ่อลูกมีความสุขแบบนี้ ไป๋มู่ชิงก็หยุดฝีเท้าไม่อยากไปรบกวน

เธอยืนอยู่หน้าประตูได้ประมาณห้านาที เสี่ยวหว่านชิงที่อยู่ในบ้านค่อยเห็นตัวเธอ

"คุณแม่กลับมาแล้ว!" หว่านชิงวิ่งมาทางเธอแล้วก็มีน้องหมาวิ่งตามเธอมาด้วย

ไป๋มู่ชิงก้มตัวลงไปรับร่างกายตัวเล็กของเธอจากนั้นก็อุ้มเธอขึ้น "วันนี้เป็นเด็กดีหรือเปล่าคะ?"

"เป็นเด็กดีค่ะ หนูอ่านหนังสือด้วยแล้วยังวาดรูปด้วย ถ้าไม่เชื่อคุณแม่ถามคุณพ่อได้เลยค่ะ"

"อื้อ คุณแม่เชื่อหนู" ไป๋มู่ชิงยิ้ม "หว่านชิงเก่งที่สุด"

"ขอบคุณค่ะคุณแม่" พูดจบสีหน้าหว่านชิงก็หม่นหมองลงแล้วจ้องไปที่เธอ "คุณแม่ คุณพ่อยังไม่ฟื้นมาหรอคะ?"

"ยังค่ะ"

"ทำไมนานขนาดนี้คะ? คุณพ่อจะฟื้นเมื่อไหร่คะ?"

"อือ……คุณลุงบอกว่าอาจจะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน คงไม่เร็วขนาดนั้น"

"อื้อ" หว่านชิงพยักหน้าแล้วลงมาจากตัวเธอ "หว่านชิงไม่ให้อุ้ม คุณแม่คงเหนื่อยน่าดู"

"หว่านชิงดีที่สุด" ไป๋มู่ชิงพูดชม จากนั้นก็จูงมือเธอไปข้างกายเฉียวเฟิง

เฉียวเฟิงมองดูเธอนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองสำรวจสีหน้าของเธอแล้วยิ้มอ่อน "เป็นอะไร? ท่าทางเหมือนไม่มีความสุขเลย หนานกงเฉินไม่ดีขึ้นหรอ?"

"เปล่า" ไป๋มู่ชิงจับหน้าตัวเองแล้วพยายามฝืนยิ้ม "ฉันดูไม่มีความสุขหรอ?"

"ชัดเจนขนาดนี้ยังบอกว่าเปล่าอีก" เฉียวเฟิงเทชาให้เธอแล้วยื่นไปต่อหน้า "อาการของหนานกงเฉินเปลี่ยนไปหรือเปล่า?"

"ไม่ใช่" ไป๋มู่ชิงส่ายหัว เธอทอดมองไปที่ชาในแก้ว ผ่านไปสักพักค่อยเงยหน้าพูดกับเขา "อาเฟิง ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ"

"เรื่องอะไร?"

"เราไปอังกฤษด้วยกัน แล้วให้หว่านชิงอยู่ที่นี่ได้ไหม?"

"หมายความว่ายังไง?" เฉียวเฟิงไม่เข้าใจ

ไป๋มู่ชิงแอบสูดหายใจแล้วเอ่ย "หนานกงเฉินเสียฉันไปก็น่าสงสารแล้ว ฉันไม่อยากให้เขาเสียหว่านชิงไปด้วย แบบนี้ใจดำกับเขาเกินไป"

เฉียวเฟิงประหลาดใจ จะอ้าปากพูดแต่ก็พูดอะไรไม่ออก

"หว่านชิงเป็นเลือดเนื้อของตระกูลหนานกง ตระกูลหนานกงก็คงไม่ยอมให้สายเลือดตัวเองอยู่นอก ก็ถือซะว่าหลีกเลี่ยงปัญหา"

เฉียวเฟิงเงียบไปสักพักค่อยเอ่ยอย่างประหลาดใจ "พี่ชายผมให้คุณไปอังกฤษพร้อมกับผม?"

"ใช่ หรือว่าคุณไม่รู้?"

"เขาไม่ได้บอกผม"

เฉียวซือเหิงไม่บอก? ทำไมเขาถึงไม่บอกเฉียวเฟิง?

ไป๋มู่ชิงมองไปที่สีหน้าของเฉียวเฟิง ไม่เหมือนกับแกล้งเลย แต่เมื่อนึกถึงท่าทางของเฉียวซือเหิง ความหวังอันเล็กน้อยของเธอก็ดับสลายไป เฉียวซือเหิงพูดได้ชัดเจนมาก ถ้าเธอกับเฉียวเฟิงไม่ไปจากเมืองซี เขาก็ไม่มีทางให้หนานกงเฉินฟื้นมา แล้วไม่ปล่อยซูซี่ด้วย

ทั้งวันทั้งคืนที่ผ่านมาเธอคิดพิจารณาดีแล้ว เพื่อที่จะให้หนานกงเฉินฟื้นมาแล้วไม่มีผลกระทบกับซูซี่ เธอก็เลยตัดสินใจว่าจะไปจากเมืองซีกี่วันนี้

"ได้ไหม? อาเฟิง"

เฉียวเฟิงคิดว้าวุ่นในใจ ผ่านไปครู่หนึ่งค่อยเอ่ย "หว่านชิงคงเสียใจมาก?"

"แน่นอน เราพาเธอไปก่อน รอให้หนานกงเฉินหายดีออกจากโรงพยาบาลแล้วค่อยส่งตัวเธอกลับไปที่บ้านตระกูลหนานกง" ถึงแม้ในใจไป๋มู่ชิงจะผิดหวัง เธอคิดว่าเฉียวเฟิงจะปล่อยเธอกับหนานกงเฉินเหมือนแต่ก่อน แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเฟิงไม่ได้ทำแบบนั้น

ความหวังสุดท้ายของเธอ ก็แตกสลายไปแล้ว

เฉียวเฟิงตอบรับ "ถ้าถึงเวลาค่อยว่ากัน"

--

เมื่อเฉียวซือเหิงกลับถึงบ้านตอนดึกก็ขึ้นไปที่ห้องนอนชั้นสองทันที ขณะที่เขาเดินขึ้นบันไดก็เจอกับเสี่ยวโล้เดินลงมาจากบันไดแล้วเอ่ยถาม "เธอเป็นยังไงบ้าง?"

เสี่ยวโล้มองไปที่หน้าเขาแล้วเอ่ยอย่างเกรงกลัว "คุณชายคะ คุณรีบปล่อยคุณหญิงน้อยเถอะค่ะ ถ้าไม่ปล่อยเธอจะพังบ้านแล้ว"

"หรอ?"

"ค่ะ เมื่อกี้ยังบ่นว่าอยากจะกินเบอร์เกอร์ของร้านโซนตะวันตก กว่าจะซื้อกลับมาให้เธอได้ เธอก็โมโหจนโยนไปที่พื้นแล้วยังไล่ฉันออกมาด้วยค่ะ" เมื่อพูดถึงซูซี่ สีหน้าของเสี่ยวโล้ก็รู้สึกกลัว

เฉียวซือเหิงพยักหน้าแล้วเดินต่อไปที่ห้องนอน

เขารู้นิสัยของซูซี่หัวดื้อมาก ช่วงเวลาที่ถูกกักขังไว้แค่คิดก็รู้สึกกลัวแล้ว อย่างน้อยเธอก็ควรจะไม่กินไม่นอนแล้วร้องไห้สิ? แต่เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป กลับไม่เห็นซูซี่ที่น้ำตาเต็มหน้าแล้วดวงตาก็บวมแดง แต่เป็น……

ในห้องนอนเลอะเทอะไปหมด ทั้งโต๊ะและโซฟาก็ถูกทุบจนเละ ของที่อยู่บนหัวเตียงกับโต๊ะหัวเตียงก็ถูกโยนออกมา ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนกับเสื้อผ้าของเขาที่อยู่ในตู้ก็ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วก็โยนอยู่บนพื้น แถมยังมีเบอร์เกอร์หลากหลายรสชาติอยู่บนพื้นด้วย

แล้วเธอในตอนนี้ก็อยู่ท่ามกลางสิ่งของพวกนี้ ในมือข้างหนึ่งจับรีโมทไปด้วยแล้วอีกข้างหนึ่งก็จับเบอร์เกอร์ขึ้นกิน

อาจจะเป็นเพราะไม่ถูกปาก เธอกินไปคำเดียวก็โยนทิ้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปเก็บอีกชิ้นขึ้นดูไปแล้วปัดฝุ่นบนนั้นพร้อมขมวดคิ้ว ท่าทางที่อยากกินแต่ก็รู้สึกสกปรก แต่สุดท้ายก็กัดเข้าไปทีละคำแล้วกินคำใหญ่ด้วย ดูเหมือนว่าจะหิวมาก

"ถูกปากมากเลยสินะ" เฉียวซือเหิงพิงอยู่หน้าประตูแล้วเอ่ยอย่างเยาะเย้ย

เมื่อได้ยินเสียงเขา ร่างกายของซูซี่ก็นิ่งไป จากนั้นก็หันไปมองเขา วินาทีต่อมาเธอก็โยนเบอร์เกอร์ในมือไปที่หน้าเขา

เฉียวซือเหิงเดาได้ว่าเธอจะทำแบบนี้ ก็เลยหลบไปอีกข้าง เบอร์เกอก็โยนไปข้างหลังทางเดินเขา

"อารมณ์ร้อนมากเลยหนิ" เฉียวซือเหิงก้าวเดินเข้าไปแล้วก้มตัวลงไปหยิบเบอร์เกอของเธอขึ้นแล้วเป่าฝุ่นบนนั้นพร้อมเอ่ย "ผมก็ยังไม่ได้กินอาหารเย็นเหมือนกัน"

ซูซี่ปัดเบอร์เกอร์ในมือเขาออกอย่างหงุดหงิด "เฉียวซือเหิงนายต้องการอะไรกันแน่?"

ฝ่ามือเฉียวซือเหิงว่างเปล่าแล้วก้มมองเบอร์เกอร์ที่เธอปัดทิ้งไป "บอกกับเธอแล้วไม่ใช่หรอ? ผมอยากจะเป็นพ่อ"

"ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไม่คลอดให้นาย!"

"ขอโทษ คุณไม่มีทางเลือก" เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วยื่นมือไปจับท้องน้อยของเธอ "ผมเชื่อว่าความรักของเราสองคนกำลังงอกเงยในนี้แล้ว"

"นายฝันไปเถอะ!"

"เธอดูถูกความสามารถผมหรอ?" เฉียวซือเหิงยิ้มอีกครั้ง "ผมจำได้ว่ากี่วันนี้เป็นวันอันตรายของเธอ ผมไม่เชื่อว่าผมจะไม่มีโอกาสได้เป็นพ่อ"

"คุณชายเฉียว คุณมั่วผู้หญิงไปเยอะขนาดนั้น คุณไม่รู้เกี่ยวกับวงจรประจำเดือนของผู้หญิงตอนนี้หรอ?"

"ผมจำแค่ของเธอคนเดียว" เฉียวซือเหิงพูด

"ฉันหมายความว่า ผู้หญิงสมัยนี้ประจำเดือนไม่คงที่หรอกเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา" ซูซี่พูดกัดฟัน ถึงแม้ปากจะพูดอย่างนี้ แต่เธอก็โกหกตัวเองไม่ได้ว่ากี่วันนี้เป็นวันอันตรายของเธอ โอกาสที่จะท้องสูงมาก!

เพราะฉะนั้นเธอก็เลยใจร้อนจนทุบของในห้องจนเละ

เฉียวซือเหิงมองกวาดไปที่เธอแล้วยิ้มอย่างเสียดสี "นี่เธอกำลังเชิญชวนให้ผมพยายามอีกงั้นหรอ?"

"นายคิดมากแล้ว……"

"เธอเตือนผม" เฉียวซือเหิงพูดแทรกเธอแล้วร่างกายก็ทับเธอลงไปบนเศษกองเสื้อผ้าแล้วจูบริมฝีปากของเธอ "ใช่ เราควรจะทำอีก แบบนี้โอกาสท้องจะได้สูง"

"โรคจิต บนพื้นสกปรก……"

"แม้แต่เบอร์เกอบนพื้นเธอก็ยังกล้าเก็บกิน ยังกลัวสกปรกอีก?" เฉียวซือเหิงกระชากเสื้อของเธอไปด้วยแล้วจับเธอไปด้วย ก็เหมือนแต่ก่อนที่ไม่ให้โอกาสเธอได้ดิ้นหนี

เตียงถูกเธอพังไปแล้ว เขาก็เลยจำใจต้องจัดการบนพื้น

รอบข้างมีแต่สิ่งของที่เธอทำลายเลอะเทอะไปหมด แต่มีอารมณ์ที่แปลกประหลาดไป แบบนี้ก็ทำให้เขาพอใจมาก

ซูซี่ที่ถูกเขาทับไว้ถึงแม้จะดิ้นรนไม่ได้ แต่ปากก็ไม่หยุดที่จะพูดข่มขู่ "เฉียวซือเหิงนายอย่าเสียเวลาเลย ถึงแม้ฉันจะท้อง ฉันก็จะทำแท้ง ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีวันมีลูกให้นายเด็ดขาด!"

"เธอกล้าหรอ?" เฉียวซือเหิงเอ่ยข่มขู่

"นายก็ลองดูสิ……" ซูซี่สูดหายใจเข้าลึก

--

หลังจากทั้งสองพัวพันกันก็นอนหลับไปกับพื้นอย่างนั้น บนพื้นนอกจากจะมีพรหมก็เป็นเสื้อผ้าที่ซูซี่ตัด นอนอยู่บนนั้นก็ไม่รู้สึกลำบากเลย

เช้าวันต่อมา ซูซี่เห็นว่าบนตัวมีผ้าห่มเพิ่มมา แต่ก็ไม่เห็นเงาของเฉียวซือเหิงเลย

นึกย้อนถึงภาพเหตุการณ์เมื่อคืน ในใจก็คิดว่าเฉียวซือเหิงจะขังเธอไว้ในห้องอีกหรือเปล่า?

เพื่อที่จะแน่ใจสถานการณ์ เธอก็รีบลุกขึ้นจากพื้นแล้วจับผ้าห่มไว้ ไปลองดึงเปิดประตู ประตูถูกล็อกจริงด้วย!

"เฉียวซือเหิงนายโรคจิต! นายคิดว่าฉันเป็นอะไร!" เธอทุบตีประตูอย่างหงุดหงิด

นอกประตูก็มีแค่เสี่ยวโล้เอ่ยถามเธอว่าตื่นแล้วใช่ไหม จะรีบทานอาหารเช้าหรือเปล่า แล้วยังบอกอีกว่าเฉียวซือเหิงเตรียมอีกห้องหนึ่งให้เธอแล้ว

เสี่ยวโล้เปิดประตูอย่างระมัดระวัง

ซูซี่มองกวาดไปที่คนเฝ้าประตูทั้งสองก็จับผ้าห่มบนตัวไว้แน่น "เฉียวซือเหิงล่ะ?"

"ไม่ทราบค่ะ เขาไม่ได้บอกไว้" เสี่ยวโล้ชี้ไปที่ห้องข้างๆ "คุณหญิงน้อยคะ ห้องนี้เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วค่ะ คุณไปอยู่ห้องนั้นเถอะค่ะห้องนี้คงอยู่ต่อไม่ได้แล้ว"

ซูซี่มองตาขวางใส่เธอแล้วก้าวเดินไปอีกห้อง ห้องนอนแขกที่สะอาดแล้วตกแต่งอย่างหรูหรา ดูเหมือนว่าเฉียวซือเหิงจะขังเธออยู่ในบ้าน!

เธอหลับตาลงแล้วสูดหายใจเบา สุดท้ายก็จำใจทน!

--

เฉียวซือเหิงมองสำรวจเฉียวเฟิงแล้วเอ่ยถาม "มาหาฉันมีเรื่องอะไร?"

เฉียวเฟิงไม่ชอบมาที่ห้องทำงานเขาอยู่แล้ว นอกเสียจากจะมีเรื่องสำคัญ

เฉียวเฟิงเข็นรถเข็นเข้ามาด้วยแล้วเอ่ยถามเขา "พี่ทำการแลกเปลี่ยนกับมู่ชิง?"

"ใช่ เธอบอกนายหรอ?" เฉียวซือเหิงถาม

"ใช่" เฉียวเฟิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ "พี่คิดจะทำอะไรกันแน่?"

"ไม่ทำไร ก็แค่เล่น"

"สถานการณ์ไหนแล้วพี่ยังจะเล่นอีก?" เฉียวเฟิงถาม "พี่ชาย ผ่านไปกี่ปีแล้ว พี่ไม่เหนื่อยหรอ?"

เฉียวซือเหิงมองสำรวจไปที่เขาแล้วเอ่ยพูด "อาเฟิง นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายที่ฉันช่วยแก ถ้ายังไม่คว้าโอกาสไว้ทั้งชาตินี้ก็คงไม่มีอีกแล้ว"

"พี่ชาย ผมเคยบอกพี่แล้วผมปล่อยวางได้แล้ว……"

"จะปล่อยวางหรือไม่ปล่อยวาง แกคิดว่าฉันดูไม่ออกหรอ? อย่าหลอกตัวเองเลย" เฉียวซือเหิงพูดแทรกเขา แล้วเงียบไปสักพัก "อาเฟิง แกต้องการคนที่แกรักแล้วดีต่อแก เพราะว่าแกไม่ใช่คนปกติ ไม่สามารถเปลืองความรู้สึกได้ แล้วห้ามใช้ความรู้สึกตัดสินใจด้วย"

"นี่เป็นมุมมองความรักที่พี่มีหรอ?" เฉียวเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น "รู้ว่าพี่สะใภ้ไม่รักพี่ แต่ก็จะให้เธออยู่ข้างกายตัวเอง"

"ใช่"

"แต่ว่าพี่รั้งเธอไว้ไม่ได้ กี่ปีนี้มาไม่ว่าจะใจเธอหรือว่าร่างกายก็ไม่ใช่ของพี่"

"แกผิดแล้วล่ะ ฉันแค่ตามใจเธอมากเกินไป แค่ฉันอยากจะรั้งไว้ ก็ไม่มีทางที่จะรั้งเธอไม่ได้" เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างมั่นใจ "ไม่เชื่อหรอ? แกรอดูสิ"

"ขังเธอไว้เหมือนตอนนี้?"

"ไม่แน่ ฉันมีวิธีของฉัน" เฉียวซือเหิงก้าวเดินไปต่อหน้าเขาแล้วยกมือขึ้นตบบ่าเขาเบาๆ "อาเฟิง มู่ชิงสั่งสอนง่ายกว่าซูซี่ ฉันเคยบอกแล้ว นี่เป็นโอกาสสุดท้าย แกเลือกเองเหอะ"

ผ่านไปสักพักเขาเอ่ยขึ้น "แต่ว่าฉันต้องเตือนแก ถ้าพลาดครั้งนี้ไป ฉันจะไม่ช่วยแกอีก เพราะฉะนั้นแกคิดให้ดี"

พูดจบเขาก็เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวเองแล้วก้มหน้าก้มตาทำงาน

แต่เฉียวเฟิง สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แค่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้วตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง

--

หลังจากที่ไป๋มู่ชิงเช็ดตัวให้หนานกงเฉินแล้วห่มผ้าให้เขา ตอนที่กำลังจะยกน้ำไปเททิ้งก็เห็นว่าเฉียวซือเหิงยืนอยู่ข้างหลังตัวเอง

"คุณชายเฉียว" เธอเอ่ยแล้วเดินผ่านตัวเขาไป แล้วเทน้ำทิ้งในห้องน้ำแล้วเดินออกมา

เฉียวซือเหิงมองสำรวจเธอแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง "ปกติคุณดูแลเขาขนาดนี้เลยหรอ?"

ไป๋มู่ชิงไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงถามเลยพยักหน้า "นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำ"

เฉียวซือเหิงพยักหน้าแล้วยิ้ม "ผมชอบผู้หญิงที่มีความรับผิดชอบแบบคุณ"

เมื่อเขาพูดแบบนี้ไป๋มู่ชิงก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง เฉียวซือเหิงยิ้ม "ไว้ใจเถอะ ผมไม่ได้แอบชอบคุณ"

เฉียวซือเหิงเดินไปตรวจเช็คอาการของหนานกงเฉิน ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรอีก จากนั้นก็หันหลังเดินออกจากห้องพักฟื้นไป

"คุณชายเฉียว" ไป๋มู่ชิงเรียกเขาไว้

เฉียวซือเหิงเหมือนจะรู้ว่าเธอจะถามอะไรก็เลยไม่หันกลับไป "อาการของหนานกงเฉินเริ่มดีขึ้น ไว้ใจเถอะ"

"ฉันรู้ ฉันอยากจะคุยกับคุณ" ไป๋มู่ชิงพูด

สีหน้าของหนานกงเฉินดีขึ้นเรื่อยๆ เธอมองออก บางครั้งหนานกงเฉินอาจจะฟื้นมาเร็วกว่าที่คิดก็ได้ ขอแค่เฉียวซือเหิงยอม!

เธอเดินนำไปที่ระเบียงจากนั้นเฉียวซือเหิวก็เดินตามเธอไปที่ระเบียงแล้วยิ้มอย่างเสียดสี "ทำไม? มีอะไรที่พูดต่อหน้าหนานกงเฉินไม่ได้หรอ?"

ไป๋มู่ชิงแอบสูดหายใจแล้วหักห้ามความเสียใจในใจไว้ "ถ้าฉันไป เฉินก็จะฟื้นมาได้ แล้วซูซี่ก็จะได้รับอิสระ?"

เฉียวซือเหิงพยักหน้า "ใช่ หนานกงเฉินฟื้นมาได้ทุกเมื่อ แต่ซูซี่……ไว้ใจเถอะ เธอจะเป็นอิสระแน่นอน"

ความจริงที่เขาขังซูซี่ไว้ก็เพื่อตัวเอง ไม่ว่าไป๋มู่ชิงจะไปต่างประเทศหรือเปล่า ยังไงเขาก็ต้องปล่อยซูซี่ออกมาแน่นอน

บ้านหลังนั้นถูกซูซี่ทำลายไปไม่น้อยแล้ว ถ้ายังไม่ปล่อยเธอออกมาเธอก็คงจะพังบ้านแน่นอน

แต่ไป๋มู่ชิงกลับรู้สึกผิดแล้วโทษตัวเองว่าที่เขาขังซูซี่เพื่อที่จะบังคับให้เธอไป ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามีก้อนหินทับอยู่ที่อกจนหายใจไม่ออก

เธอเอาแต่ยื้อ เอาแต่หลบหนี ก็เพื่อที่จะอยู่ข้างกายหนานกงเฉินอีกไม่กี่วัน แต่ว่านี่หนานกงเฉินก็สลบไปเกือบจะหนึ่งเดือนแล้ว เธอจะให้เขาหลับต่อไปแบบนี้ไม่ได้ เธออยากให้เขาฟื้น แล้วผลของการให้เขาฟื้นก็คือ……

เธอกลืนน้ำลายอย่างลำบาก "ได้ ช้าสุดอีกสามวันฉันจะไปต่างประเทศกับเฉียวเฟิง ขอให้คุณรักษาสัญญาด้วย ให้เฉินรีบฟื้นแล้วรีบให้อิสระกับซูซี่"

"ได้" เฉียวซือเหิงพยักหน้า

--

เวลาแค่สามวันไม่นานมาก นอนเฝ้าหนานกงเฉินไปแล้วสองวัน สุดท้ายไป๋มู่ชิงก็ต้องเผชิญกับความจริง พรุ่งนี้เธอก็จะไปต่างประเทศกับเฉียวเฟิง

นี่จะเป็นคืนสุดท้ายที่เธอได้อยู่กับหนานกงเฉิน เธอหวังว่าเวลาจะเดินช้าหน่อยแล้วอีกใจหนึ่งก็หวังว่าอยากให้เวลาผ่านไปให้เร็ว แบบนี้หนานกงเฉินจะได้รีบฟื้น

เธอกุมมือของหนานกงเฉินแล้วนอนอยู่ข้างเตียง จนกระทั่งเสียงนาฬิกาปลุกทำให้เธอตื่น ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงก็จะถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว เธอค่อยๆยืดตัวตรงแล้วปิดนาฬิกาปลุก

"เฉิน อรุณสวัสดิ์……" เธอนวดฝ่ามือที่แข็งชาจากนั้นก็จุมพิตลงบนริมฝีปากเขาแล้วยิ้ม "จำไว้นะ นี่เป็นคืนสุดท้ายที่ฉันอยู่กับนาย ต่อไปก็คงจะไม่มีใครเฝ้านายแบบนี้แล้ว เพราะฉะนั้นนายต้องรีบดีขึ้น อย่างเกิดอะไรขึ้นอีกเด็ดขาดนะ"

เธอเดินไปล้างหน้าแปลงฟันที่ห้องน้ำ จากนั้นก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วกลับมาที่ข้างกายหนานกงเฉินอีกครั้ง พร้อมใช้ฝ่ามือจับใบหน้าเขาเบาๆ "เฉิน นายจำคำพูดที่ฉันพูดกับนายเมื่อคืนได้ไหม? บางครั้งถ้าฟื้นมาครั้งนี้ นายอาจจะไม่ต้องทุกข์ทรมานอีก จะได้มีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป"

"รอนายฟื้น……สิ่งแรกที่นายต้องทำก็คือรักษาร่างกายให้แข็งแรง จากนั้นก็แย่งบริษัทกลับมาพร้อมกับผู้ช่วยเหยียน แต่ว่าอย่าใจร้อนนะ อย่าตกลุมลึกเหมือนผู่เหลียนเหยา รอแย่งบริษัทกลับมาแล้วก็หาผู้หญิงที่ดีกว่าฉันแล้วแต่งงาน มีลูก มีคนสืบทอดตระกูลหนานกง แล้วหว่านชิง ฉันรู้ว่านายคิดถึงเธอ นายไว้ใจเถอะ รอให้ตระกูลหนานกงกลับมาเป็นปกติ ฉันจะส่งเธอกลับมา แต่นายต้องสัญญากับฉันก่อนว่านายจะหาแม่เลี้ยงที่ใจดีให้เธอแล้วให้เธอเติบโตมาอย่างเจ้าหญิง"

"อีกอย่าง……" ไป๋มู่ชิงปาดน้ำตาที่ไหลลงมาบนหน้า "ถ้าฟื้นแล้วไม่เจอฉัน อย่าใจร้อน อย่าโมโห ถ้าทำให้ร่างกายเป็นอะไรอีกจะไม่คุ้มกับที่ฉันกับหว่านชิงเสียไป จำไว้นะ ชีวิตของหว่านชิงนายเป็นคนให้ ชีวิตของนายหว่านชิงก็เป็นคนให้เหมือนกัน ถ้านายไม่รักษาร่างกายให้แข็งแรงฉันกับหว่านชิงคงต้องเสียใจแน่นอน อื้อ……เมื่อคืนหว่านชิงบอกลากับนายแล้ว วันนี้ก็คงไม่มา ไม่งั้นก็คงไม่ทันขึ้นเครื่อง"

"สุดท้าย……เฉิน ลืมฉันไป รักษาร่างกายด้วย……ลาก่อน……" ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนหน้าตัวเองแล้วเอนตัวลงไปจูบหน้าผากเขา

นี่เป็นจูบลาของเธอกับเขา แล้วเป็นจูบสุดท้ายของชีวิตนี้ด้วย

เธอหลับตาลง น้ำตาที่เพิ่งเช็ดแห้งไปก็ไหลลงมาอีกครั้ง แล้วหยดลงที่ขมับของเขา

เธอทำใจปล่อยฝ่ามือของเขา แล้วลุกขึ้น หักห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่อีกแล้ว……

ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากขนาดนี้มา แต่ไม่คิดเลยว่า สุดท้ายสิ่งที่รอคอยเธอจะเป็นการแยกจากเขา!

ไม่เจอตลอดชีวิต……เป็นการไม่เจอเขาตลอดชีวิต!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด