เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 258

หลังจากที่ออกมาจากห้องหนังสือ หนานกงเฉินกับไป๋มู่ชิงก็พาคุณหญิงไปตรวจสมองที่โรงพยาบาล

ตอนนั้นที่คุณหมอตรวจเช็คแล้วผลสรุปที่ได้มาก็คือ เป็นผลกระทบที่คุณหญิงได้รับบาดเจ็บครั้งก่อน

ผลตรวจแบบนี้ ก่อนที่จะมาหนานกงเฉินก็เดาได้แล้ว แต่ว่าเขาก็เอ่ยถามอย่างกังวล "แล้วทำไมคุณย่าถึงมีอาการตอนนี้?"

คุณหมอเอ่ยอย่างมีมารยาท "เส้นประสาทได้รับผลกระทบก็แบบนี้แหละครับ จะค่อยๆมีอาการ อย่างเช่นอัลไซเมอร์ของคนแก่ ก็จะค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ"

"แล้วอาการของคุณย่าจะดีขึ้นไหมครับ? คงไม่หนักจน……" หนานกงเฉินอ้าปากจะพูด แต่ก็พูดต่อไม่ได้

คุณหมอก็เอ่ยปลอบใจ "คุณชายเฉินไว้ใจเถอะครับ ถึงแม้ร่างกายคุณหญิงจะไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าก็ยังถือว่าแข็งแรง ไม่มีทางเกิดอาการที่คุณชายกังวลหรอกครับ แล้วอีกอย่าง ท่านก็อายุมากแล้ว ถึงแม้จะไม่เกิดอุบัติเหตุ สมองก็จะทำงานช้าลง นี่เป็นเรื่องปกติครับ"

"ขอแค่คุณย่าไม่มีอันตรายกับชีวิตก็พอแล้ว" ไป๋มู่ชิงพูดกับหนานกงเฉิน

"ไม่หรอกครับ" คุณหมอเอ่ยปลอบใจ "เมื่อกี้คุณชายเฉินก็สังเกตุเห็นแล้ว ถึงแม้สติของคุณหญิงจะไม่ดีมาก แต่อารมณ์ก็ถือว่าดี ขอแค่ท่านมีความสุขก็พอแล้วไม่ใช่เหรอครับ?"

หนานกงเฉินหันไปบริเวณพักผ่อนที่นอกห้องทำงานคุณหมอ ก็เห็นว่าคุณหญิงกำลังเล่นหัวเราะกับเสี่ยวหว่านชิงอย่างมีความสุข

หลังจากที่เดินออกมาจากห้องของคุณหมอ ไป๋มู่ชิงก็หันไปทางหนานกงเฉินแล้วกุมมือของเขาไว้ "เฉิน คุณย่าดูแลนายมาทั้งชีวิต ตอนนี้ก็ถือว่าปล่อยวางได้แล้ว เราก็ควรจะดีใจแทนท่านสิ"

หนานกงเฉินยิ้มอย่างขมขื่นแล้วเอ่ย "กว่าโรคของผมจะหาย แล้วเธอกับหว่านชิงก็กลับมา คุณย่าที่ควรจะมีความสุขแต่กลับป่วย"

"คุณย่าไม่เป็นอะไรหรอก อย่าเสียใจเลย"

"อื้อ ผมไม่เสียใจ" หนานกงเฉินยิ้มไปที่เธอแล้วเดินไปทางคุณหญิงกับเสี่ยวหว่านชิง

--

หลังจากที่ท้อง ถึงแม้ซูซี่จะถูกปล่อยออกมาจากห้อง แต่ก็เดินออกคฤหาสน์ตระกูลเฉียวไม่ได้ แม้แต่เดินเล่นในสวนก็ยังมีคนตาม

คุณหญิงเฉียวที่ถูกเฉียวซือเหิงส่งตัวไปอยู่ต่างประเทศ เมื่อได้ยินว่าซูซี่ท้อง ก็เอาแต่บ่นว่าจะกลับมาดูแลซูซี่กับหลานของท่าน

เมื่อท่านรู้ว่าเฉียวซือเหิงขังซูซี่ไว้ในบ้าน ก็จับมือของซูซี่ไว้แล้วเดินมานั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเอ่ยตำหนิ "ซือเหิงทำเกินไปจริงๆ ขังเธอเหมือนผู้ต้องหาได้ยังไง?"

ซูซี่มองไปทางคุณหญิงเฉียว แล้วในใจแอบคิดว่าเรื่องนี้ท่านไม่มีส่วนหรอ?

เหมือนว่าคุณหญิงเฉียวจะรู้ในสิ่งที่เธอคิดก็รีบอธิบาย "ซูซี่ เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยวด้วยนะ ซือเหิงโกหกฉันว่าจะอยู่กับเธอสองต่อสองแล้วให้ฉันไปเที่ยวเล่นที่ต่างประเทศ ฉันเพิ่งได้ข่าวว่าเธอท้องเมื่อวานก็รีบกลับมาทันที"

"รีบกลับมาแล้วยังไงคะ?" ซูซี่มองไปที่ท่าน

"เออ……รีบกลับมาดูแลเธอไง" คุณหญิงเฉียวมองไปที่ท้องน้อยของเธอแล้วยิ้ม "ถึงแม้ฉันจะไม่สนับสนุนซือเหิงให้ทำแบบนี้ แต่ในเมื่อท้องแล้ว ก็คลอดเด็กออกมาอย่างปลอดภัยเถอะ"

"คุณแม่ หนูไม่อยากได้เด็กคนนี้" ท่าทางซูซี่หนักแน่นมาก

แต่คุณหญิงเฉียวกลับร้อนรนแล้วจับมือของเธอทั้งสองข้างไว้ "ทำไม? ซูซี่ นี่เป็นลูกของเธอกับซือเหิง เธอจะไม่เอาได้ยังไง?"

เมื่อเห็นสีหน้าของซูซี่มีน้ำตา คุณหญิงเฉียวก็รีบเอ่ย "ซูซี่ ฉันรู้ว่าเธอกับซือเหิงไม่รักกัน แต่ในเมื่อพวกเธอแต่งงานกัน แล้วไม่คิดที่จะหย่าด้วย ทำไมไม่คลอดเด็กออกมาล่ะ?"

"ซูซี่……" คุณหญิงจับมือเธอไว้แน่น "ตอนนั้นที่พ่อเธอเสียไปก็ฝากเธอไว้กับแม่ ตอนนั้นแม่ก็ตกลงเขาว่าจะเลี้ยงดูเธอให้โต พอเธอโตแล้วก็จะแต่งงานกับซือเหิง แล้วเป็นว่าที่คุณหญิงของตระกูลเฉียว ตอนนั้นที่พ่อเธอได้ยินก็ดีใจมาก ความจริงคู่ชีวิตในตระกูลร่ำรวยมีแค่ไม่กี่คู่เท่านั้นที่รักกันจริง แม่กับคุณพ่อซือเหิงก็แต่งงานกันเพราะวงศ์ตระกูล แต่ก็ผ่านมันมาด้วยกันแล้วไม่ใช่หรอ?"

"ใช่ ถึงแม้คุณพ่อของซือเหิงเลี้ยงเมียน้อยแล้วเลี้ยงลูกชายไว้นอกบ้าน แต่ว่าเขาไม่คิดที่จะทำให้ตำแหน่งของแม่หวั่นไหวเลย ถึงแม้แม่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นตาย เขาก็ยังช่วยแม่แล้วรักษาชีวิตของแม่ไว้" คุณหญิงเฉียวยิ้มอย่างเยือกเย็น "ซูซี่ ผู้หญิงข้างนอกพวกนั้นก็แค่ของเล่นระบายอารมณ์ของผู้ชาย เล่นไปแล้วก็เบื่อ ความจริงใจของพวกเขาก็ยังอยู่กับภรรยา เธอดูสิ ซือเหิงก็รอให้เธอยอมตอบตกลงมีลูกกับเขา ยอมรอเป็นปีๆ ก็ไม่ให้ผู้หญิงข้างนอกมีลูกให้เขา"

ซูซี่มองไปที่ท่านด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ "คุณแม่หมายความว่าให้หนูยอมให้เขามีผู้หญิงข้างนอกหรอคะ?"

"เออ……แม่หมายความว่า……"

"คุณแม่หมายความว่าขอแค่หนูอยู่ในตำแหน่งคุณหญิงเฉียวให้มั่นคง ก็ปล่อยเขาไปกับผู้หญิงข้างนอกหรอคะ?" ซูซี่ไม่เห็นด้วย "คุณแม่ ตอนนั้นที่คุณแม่ทำให้แม่ของเฉียวเฟิงตาย มีคุณพ่อซือเหิงปกป้องแม่อยู่ แต่ถ้าวันไหนหนูทำให้ฟางมี่ตาย เขาจะปกป้องหนูเหรอคะ? หรือว่าเขาสามารถปกป้องหนูหรอคะ?"

"ฟางมี่ไม่กล้าแย่งตำแหน่งคุณหญิงเฉียวกับเธอหรอก ไม่เหมือนกับแม่เฉียวเฟิงที่ใจโลภขนาดนั้น"

"แต่หนูก็ไม่ได้ใจกว้างเหมือนคุณแม่ที่ยอมปล่อยผู้ชายตัวเอง คุณแม่คะ หนูไม่เหมือนคุณแม่ หนูไม่สามารถแบ่งปันผู้ชายกับผู้หญิงคนอื่น ผู้ชายแบบนี้หนูไม่เอาดีกว่า" ซูซี่เอ่ยกัดฟันแน่นแล้วจ้องไปที่ท่าน "คุณแม่จะช่วยหนูบอกซือเหิงด้วยนะคะ ถ้าจะหย่าหนูพร้อมตลอด ถ้าจะทำตัวเหมือนคุณพ่อของเขา ขอโทษด้วยค่ะ……หนูทำไม่ได้ ให้เขาไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเถอะ"

"ซูซี่……" คุณหญิงเฉียวรีบดึงตัวเธอที่กำลังจะลุกขึ้น "เธออย่าเพิ่งใจร้อน"

ซูซี่หันมามองท่านแล้วกลับไปนั่งที่เดิม "คุณแม่คะ ขอบคุณกี่ปีนี้ที่คุณแม่ดูแลหนูมาก ขอบคุณนะคะ"

พูดจบเธอก็หันหลังเดินขึ้นบ้านไป

หลังจากที่ซูซี่เดินไป คุณหญิงเฉียวก็ถอนหายใจ จากนั้นก็หันไปข้างนอกแล้วเอ่ย "เข้ามา"

เฉียวซือเหิงก็เลยก้าวเดินเข้ามา

คุณหญิงเฉียวมองเขานั่งลงบนโซฟาตรงหน้าแล้วเอ่ย "เมื่อกี้แกได้ยินหรือยัง? ซูซี่นิสัยแบบนี้แหละ"

เฉียวซือเหิงไม่เอ่ยอะไร ยกชาที่คนรับใช้ให้ขึ้นดื่ม

คุณหญิงเฉียวอดไม่ได้ก็พูดตำหนิ "แกนี่นะ รีบเก็บใจแล้วกลับมาที่บ้าน เมื่อกี้ซูซี่พูดได้ชัดเจนแล้ว เธอไม่ได้ใจกว้างเหมือนฉันที่ยอมให้สามีไปมีผู้หญิงอื่นข้างนอก"

"คุณแม่พอหรือยังครับ?"

"ยัง" คุณหญิงเอ่ยอย่างหงุดหงิด "ฉันเตือนแกไว้เลย ถ้าซูซี่ทำแท้ง ฉัน……ฉันจัดการแกแน่"

เฉียวซือเหิงไม่เอ่ยพูดอะไร เขาไม่อยากให้ซูซี่ทำแท้งมากกว่าท่านอีก

"แม่ครับ ที่ผมให้แม่กลับมาก็อยากจะให้แม่ช่วยพูดกับซูซี่ แล้วดูแลเธอ ไม่ใช่ให้แม่กลับมาด่าผม" เฉียวซือเหิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "แล้วอีกอย่าง ผมบอกกับแม่หลายรอบแล้วว่าผมตัดขาดกับฟางมี่แล้ว ไม่ได้ติดต่อกันอีก"

"แกพูดกับฉันไม่มีประโยชน์ ไปพูดกับซูซี่โน้น"

"ผมพูดกับเธอแล้ว แต่ว่าเธอไม่เชื่อ"

คุณหญิงเฉียวส่ายหัว "อย่าว่าแต่เธอเลย ฉันก็ไม่เชื่อ"

"……"

--

ศาลรับคำร้องของเซิ่งตงหยางแล้วตรวจเช็คสุขภาพจิตของคุณหญิงอีกรอบ

หนานกงเฉินพาคุณหญิงไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาลตามที่ศาลกำหนดไว้ ความรู้สึกก็รู้สึกอัดอันมาก รู้ทั้งรู้ว่าผลตรวจครั้งนี้จะมีผลกระทบกับเขาว่าจะสามารถนำหุ้นกลับคืนมาได้หรือเปล่า แต่เขาก็หวังว่าผลตรวจของคุณหญิงจะออกมาว่าเป็นปกติ

จากที่เขาดูมา ความแข็งแรงของคุณหญิงสำคัญกว่าหุ้นอีก

ไป๋มู่ชิงที่อยู่ข้างๆรู้สึกได้ว่าเขากระวนกระวาย แต่ว่าเธอไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แค่กุมมือของเขาไว้

เซิ่งตงหยางที่นั่งอยู่ตรงข้ามทั้งสองก็กระวนกระวายเหมือนกัน ก็หวังว่าสุขภาพจิตของคุณหญิงจะปกติเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ดูเหมือนคุณหญิงจะไม่เป็นอะไร แต่เมื่อกี้เขาเห็นคุณหญิง แตกต่างกับครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง

คงเพราะแสดงได้เหมือนมาก เขาแอบปลอบใจตัวเอง

ผลตรวจจะออกหลังจากหนึ่งสัปดาห์ แต่ว่าคุณหมอมองออกเลยว่าอาการของคุณหญิงไม่ดีมากนัก

"คุณย่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?" ไป๋มู่ชิงพยุงตัวคุณหญิงไว้แล้วเอ่ยถาม

คุณหญิงไม่ได้สนใจเธอ แต่สายตาของท่านก็มองไปที่เซิ่งตงหยางแล้วสีหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากนั้นก็พุ่งไปจะทุบตีเซิ่งตงหยาง "คนโกหก! โกหก!……คนเลว!"

"คุณย่า……" หนานกงเฉินรีบพยุงตัวคุณหญิงกลับมาแล้วปลอบใจ "คุณย่าอย่าโมโหนะครับ"

"ไอ้บ้านี่หลอกหุ้นของฉันไป นั่นเป็นหุ้นที่ฉันจะเก็บไว้ให้หลาน……" คุณหญิงเอ่ยอย่างหงุดหงิด

เซิ่งตงหยางถอยหลังไปแล้วพยายามฝืนยิ้ม "คุณหญิง คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง ตอนนั้นคุณคิดว่าคุณชายไม่รอดแล้วก็เลยโอนย้ายหุ้นมาให้ผม"

"แก……แกโกหก! ถึงแม้ฉันจะบริจาคหุ้นออกไปก็ไม่มีทางให้แกแน่นอน" คุณหญิงด่าแรงขึ้น หนานกงเฉินกลัวว่าจะกระทบกับร่างกายของท่าน ก็รีบพยุงตัวท่านเดินไปทางลิฟท์ เดินไปด้วยแล้วปลอบใจไปด้วย "คุณย่าครับ เราไม่โกรธ ร่างกายสำคัญกว่านะครับ"

"ฉันแค่เห็นมันก็รู้สึกโกรธ……"

"ผมรู้ คุณย่าไว้ใจเถอะครับ ผมจะให้เขาเอาหุ้นกลับมาแล้วให้เขาชดใช้แน่นอนครับ"

"ได้จริงหรอ?" คุณหญิงเอ่ยทั้งน้ำตา

"แน่นอนครับ คุณย่าไม่เชื่อผมหรอ?"

คุณหญิงค่อยสงบสติอารมณ์ได้

--

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ผลตรวจที่โรงพยาบาลให้มีประโยชน์ต่อหนานกงเฉินมาก

จับใบผลตรวจไว้ ถึงแม้จะเดาได้แล้ว แต่หนานกงเฉินก็รู้สึกเสียใจอยู่ดี

อาทิตย์ที่ผ่านมา อาการของคุณหญิงหนักขึ้นเรื่อยๆ เวลาปกติก็น้อยลง ถึงแม้จะไม่มีผลตรวจนี้เขาก็มองออกว่าสุขภาพจิตของคุณหญิงไม่ดีมากนัก

ผู้ช่วยเหยียนมาถึงที่ห้องทำงานเขาแล้วเห็นว่าเขาเหม่อมองเอกสาร เธอเลยก้าวเดินไปถาม "คุณชายเฉินเป็นอะไรคะ?"

หนานกงเฉินยื่นสำเนาเอกสารไปที่เธอ "นี่เป็นสำเนา ใบตัวจริงส่งไปให้ศาลแล้ว"

ผู้ช่วยเหยียนหยิบผลตรวจขึ้นแล้วกวาดมอง ใบหน้าก็แสดงความดีใจ "คุณให้คนทำหรอคะ?" เธอคิดไปคิดมาแล้วเอ่ย "ไม่สิ นี่เป็นการตรวจที่เซิ่งตงหยางร้องเรียนแล้วมีศาลคอยดูแลด้วย คงไม่ได้ปลอมง่ายขนาดนั้น"

"นี่เป็นของจริง" หนานกงเฉินสูดหายใจเข้า

"ห๋า?" ผู้ช่วยเหยียนประหลาดใจ "หมายความว่ายังไงคะ?"

"นี่เป็นอาการหลังจากครั้งก่อนที่คุณย่าถูกรถชน แล้วสุขภาพจิตก็เริ่มแย่"

"จริงหรอคะ? เป็นไปได้ยังไง?"

หนานกงเฉินยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัว "หรือว่าฟ้ากำลังช่วยผมแย่งบริษัทกลับมา เขาคิดว่านี่กำลังช่วยผมหรอ?"

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ผู้ช่วยเหยียนก็ไม่รู้จะเอ่ยพูดอะไร ความดีใจบนหน้าเมื่อกี้ก็หายไปทันที

ผ่านไปครู่หนึ่งเธอค่อยเอ่ยปลอบใจ "คุณชายเฉิน คุณหญิงอายุมากแล้ว หกล้มหน่อยไม่ได้ นี่ช่วยชีวิตกลับมาได้ก็โชคดีมากแล้ว คุณอย่าคิดมากเลยค่ะ"

"คุณหมอก็พูดแบบนี้ ตอนนั้นที่ฟื้นกลับมาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว"

"เพราะฉะนั้น อย่าเสียใจไปเลยค่ะ"

หนานกงเฉินพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มแล้วนำผลตรวจใส่เข้าไปในลิ้นชัก "ทีนี้แหละ เซิ่งตงหยางไม่อยากเอาหุ้นคืนมาก็คงไม่ได้ ผมก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับบรรพบุรุษตระกูลแล้ว"

"ใช่ค่ะ" สีหน้าผู้ช่วยเหยียนก็มีรอยยิ้มอีกครั้ง "ยินดีด้วยนะคะ ผ่านความยากลำบากไปได้สักที"

"ขอบใจ"

"ถ้างั้น……ฉันก็ถอยออกมาได้แล้วใช่ไหมคะ?"

"ไว้วันหลังผมกับมู่ชิงจะเลี้ยงข้าวคุณ แล้วเลี้ยงส่งคุณด้วย"

"เลี้ยงส่งได้ แต่ว่าฉันมีเงื่อนไขไม่รู้ว่าสมควรหรือเปล่า?"

"บอกมาสิ"

"ไม่อยากให้มีคนที่สามได้ไหมคะ? แค่เราสองคน"

"ทำไม?" หนานกงเฉินประหลาดใจ "เราสองคนกินข้าวด้วยกันยังน้อยไปหรอ? เธอไม่เลี่ยนเหรอ?"

"ไม่เลี่ยนค่ะ" ผู้ช่วยเหยียนยิ้มแล้วส่ายหน้า "ความจริง……ทำงานกับคุณมาตั้งนาน แค่อยากจะบอกลากับคุณก็เท่านั้น"

"ก็ได้ คืนพรุ่งนี้ได้ไหม?"

"ได้ค่ะ แล้วแต่เวลาคุณ" ผู้ช่วยเหยียนยิ้มอย่างพอใจ

--

คุณหญิงเฉียวมาที่ห้องของซูซี่ก็รีบเอ่ย "ซูซี่ เมื่อกี้แม่ด่าซือเหิงไปแล้ว เขารับประกันกับแม่แล้วว่าไม่มีทางเกี่ยวข้องกับผู้หญิงข้างนอกอีก"

ซูซี่กำลังดูทีวีแล้วเอ่ยอย่างไม่หันไป "คุณแม่ไม่ต้องพูดอะไรแบบนี้กับหนูหรอกค่ะ"

"ทำไมไม่ต้องล่ะ? ก็แสดงว่าแม่กับซือเหิงเป็นห่วงหนู" คุณหญิงเฉียวเดินไปนั่งลงข้างกายเธอโอบเธอไว้ "ไปกัน ซือเหิงรอเธออยู่ข้างล่าง"

"รอหนูทำไมคะ?"

"ไปตรวจครรภ์"

"หนูไม่ไป"

"ซูซี่ การตรวจครรภ์สำคัญมาก เธอจะไม่ไปได้ยังไง?" คุณหญิงเฉียวคิดไปคิดมาแล้วเอ่ย "แล้วอีกอย่างไม่เคยไปตรวจที่โรงพยาบาลแม้แต่ครั้งเดียว จะรู้ได้ยังไงว่าท้องจริงหรือเปล่า เธอไม่อยากรู้หรอ?"

คำพูดนี้ทำให้ซูซี่หวั่นไหวไป ก็จริง ตอนนั้นคุณหมอแค่ตรวจชีพจรของเธอ แล้วใช้ที่ตรวจครรภ์ แต่ไม่ได้ตรวจอย่างละเอียด ดีไม่ดีแค่ประจำเดือนเถอะถ้ามาเลท ไม่ได้ท้องล่ะ?

เธอที่รู้สึกมีความหวังก็เอ่ย ไหนูไปคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้เขาไปด้วย"

"ทำไมล่ะ?"

"ไม่อยากเจอเขา"

"ซูซี่……"

"คุณแม่อย่าพูดเลยค่ะ" ซูซี่ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินไปหาเสื้อผ้าที่ตู้เสื้อผ้า

"ในเมื่อเธอไม่อยากให้ซือเหิงไปด้วย งั้นแม่ไปเป็นเพื่อนหนูเอง" คุณหญิงเฉียวพูด

ในเมื่อคุณหญิงต้องการแบบนี้ สุดท้ายท่านก็เลยไปตรวจที่โรงพยาบาลกับซูซี่

เมื่อเจาะเลือดเสร็จ ก็กำลังรอผลตรวจ ซูซี่ก็ไปห้องน้ำ คุณหญิงก็กังวลว่าเธอจะทำอะไรก็เลยตามเธอไปถึงห้องน้ำด้วย

"คุณแม่ จะตามหนูไปจนถึงโถส้วมเลยหรอคะ?" ซูซี่มองไปที่ท่าน

คุณหญิงเฉียวก็โบกมือ "ไม่ แม่รอหนูอยู่ที่นี่ หนูเข้าไปเถอะระวังลื่นนะ"

ซูซี่พยักหน้าแล้วเปิดประตูเข้าไป

เธอเดินเข้าไปห้องข้างในสุด เมื่อปิดประตูแล้วก็ได้ยินข้างห้องมีเสียงผู้หญิงที่คุ้นเคยลอยมา "คุณชายเฉียว คุณอย่าโทษฉันเลย ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าภรรยาคุณจะมาตรวจครรภ์วันนี้……คุณไว้ใจเถอะ ฉันไม่ให้เธอเห็นฉันหรอก……ฉันแอบอยู่ในห้องน้ำตลอด……"

ผ่านไปสักพัก เสียงผู้หญิงคนนี้ก็อ้อยอิ่งแล้วอ้อน "ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ……ทำไมคุณชายเฉียวถึงลำเอียงขนาดนี้ ถึงแม้เธอจะเป็นภรรยาคุณ……แต่ในท้องฉันเป็นลูกชายคุณนะ ลูกชาย……เธออาจจะไม่คลอดลูกชายก็ได้……"

ถึงแม้ซูซี่จะไม่ได้ยินเสียงแบบนี้บ่อยนัก แต่ก็ได้ยินมาไม่น้อย ก็เป็นเสียงของฟางมี่ที่เกี่ยวข้องกับเฉียวซือเหิงมาหลายปีแล้ว

เธอกำมือแน่นขึ้น โกรธจนน้ำตาจะไหลออกมา

แต่เสียงข้างห้องก็ยังอยู่ "คุณชายเฉียว……เดี๋ยวฉันไปเยี่ยมคุณได้ไหม? คุณไม่ดีจับลูกชายคุณนานแล้ว ลูกชายคิดถึงคุณมาก ได้ งั้นรอภรรยาคุณกลับไปฉันก็จะขึ้นไปทันที……"

ซูซี่โกรธจนเปิดประตูออกมาแล้วมาที่ข้างห้องพร้อมถีบประตูบานนั้น

เสียงดัง'ปัง' ฟางมี่ก็ตกใจจนหุบปากไป

ผ่านไปสักครู่ ฟางมี่ค่อยเปิดประตูอย่างระมัดระวัง เมื่อเธอเห็นว่าซูซี่ยืนอยู่หน้าประตูสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีแล้วพูดติดๆขัดๆ "คุณหนู……ซูซี่"

ซูซี่มองกวาดไปที่ฟางมี่ตรงหน้า ตั้งแต่หัวจรดเท้า

สุดท้ายสายตาของเธอก็หยุดลงบนท้องน้อยที่นูนขึ้นของเธอ ผู้หญิงที่ชื่อฟางมี่ท้องแล้ว ดูเหมือนว่าจะท้องได้สี่เดือนเลย ดีมาก!

เธอกัดฟันแน่น พยายามหักห้ามความโมโหในใจไว้ ไม่ให้ตัวเองถีบท้องของเธอ

เมื่อฟางมี่เห็นว่าเธอจ้องมองมาที่ท้องตัวเอง ก็ใช้มือปกป้องของตัวเองกอดไว้แล้วรีบอธิบาย "คุณหนูซูซี่……คุณอย่าเข้าใจผิดนะคะ ลูกคนนี้ไม่ใช่ของคุณชายเฉียว……ไม่ใช่จริงๆ……"

"ขอให้ไม่ใช่เถอะ" ซูซี่หันหลังเดินออกจากห้องน้ำ

เมื่อคุณหญิงเฉียวเห็นว่าซูซี่เดินออกมาอย่างหงุดหงิดก็รีบเอ่ยถาม "ซูซี่หนูเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น?"

ซูซี่หยุดก้าวเท้าแล้วจ้องไปที่ท่านด้วยสายตาดุเดือด จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้เข้าไปในห้องน้ำ "คุณแม่ หลานคุณแม่อยู่ในนั้น คุณแม่เข้าไปสัมผัสเถอะ"

"อะไรนะ? หมายความว่ายังไง?" คุณหญิงเฉียวถามอย่างสงสัย

แต่ซูซี่กลับหันหลังแล้วเดินไปทางลิฟท์

เมื่อคุณหญิงเห็นซูซี่เดินจากไปก็มองเข้าไปทางห้องน้ำ ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี ท่านนิ่งไปสุดท้ายก็วิ่งตามซูซี่ แต่เมื่อท่านวิ่งไปถึงหน้าลิฟท์ ประตูลิฟท์ก็ปิดลงแล้วลงไปแล้ว

คุณหญิงเฉียวใจร้อนจนไม่รู้จะทำยังไง เดินวนอยู่หน้าลิฟท์ค่อยนึกขึ้นได้โทรหาเฉียวซือเหิง ท่านโทรหาหลายรอบก็ไม่มีคนรับ ก็เลยขึ้นลิฟต์ขึ้นไปชั้นบนสุด

เมื่อคุณหญิงเฉียวมาถึงชั้นบนสุด เลขาก็บอกท่านว่าเฉียวซือเหิงกำลังประชุมอยู่ ท่านก็ไม่สนขนาดนั้น แล้วก็เดินเข้าไปในห้องประชุมของเฉียวซือเหิง แล้วบอกกับเขาว่าซูซี่หายตัวไป

เมื่อเฉียวซือเหิงได้ยินว่าซูซี่หายตัวไป ก็โยนเอกสารในมือแล้ววิ่งออกห้องประชุมทันที

--

ซูซี่วิ่งออกมาจากโรงพยาบาลไม่ไกลมาก ก็หามุมแล้วนั่งลงไป

เธอพิงผนังไว้แล้วหายใจเสียงดัง กว่าจะสงบสติอารมณ์ได้ แต่เมื่อเธอสงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ไม่สามารถห้ามภาพหน้าของฟางมี่ลอยเข้ามาในสมองตัวเอง แล้วคำพูดที่เธอโทรคุยกับเฉียวซือเหิงด้วย

แต่ละคำพูด กำลังแทงทะลุหัวใจเธอ

เธอยกมือขึ้นจับท้องน้อยของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว โกรธจนกัดฟันแน่น

เพื่อที่จะ ไม่ให้ตัวเองเสียสติ เธอก็หลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามกดความโมโหลงไป

เธอยังหวังว่าเฉียวซือเหิงจะกลับตัวกลับใจ ว่าอาจจะตัดขาดกับผู้หญิงข้างนอกจริงแล้ว แต่สันดานแก้ยาก เฉียวซือเหิงเป็นคนยังไงเธอไม่รู้หรอ? อยากรอคอยการเปลี่ยนแปลง? เธอช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน!

แต่ว่าในเมื่อฟางมี่ท้องลูกชายของเขาแล้ว ทำไมเขาต้องขังเธอแล้วบังคับให้เธอท้องลูกของเขาด้วย?

ทำไมเขาถึงเห็นแก่ตัวขนาดนี้? แล้วเอาแต่ใจขนาดนี้?

--

เฉียวซือเหิงตามหาซูซี่ทั้งวันก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ไหน ในใจก็ร้อนรนขึ้นมา

เขารู้จักนิสัยของซูซี่ดี ที่เธอบอกว่าเธอจะทำแท้งไม่ใช่แค่ขู่เขา แต่ว่าเธอกล้าทำจริง!

ถ้าเธอทำแท้ง ความพยายามหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของเขาก็เสียเปล่าหละสิ? ความลำบากที่เธอทนรับมาก็ไร้ประโยชน์ละสิ?

ถึงแม้เขาจะไม่อยากติดต่อหนานกงเฉินมาก แต่เพื่อจะตามหาซูซี่เขาก็จำใจโทรไปหาหนานกงเฉิน

โทรศัพท์ก็โทรออกแล้วเสียงเยาะเย้ยของหนานกงเฉินลอยมา "คุณชายเฉียวคิดได้แล้วจะไปมอบตัวงั้นหรอ?"

เฉียวซือเหิงไม่มีอารมณ์มาทะเลาะกับเขาก็เลยเอ่ยถาม "ช่วยผมหาไป๋มู่ชิงหน่อย?"

หนานกงเฉินเอ่ย "แกจะหาเธอทำไม?"

"ไว้ใจได้ ไม่ได้จะคิดบัญชีกับเธอ"

"งั้นก็ไม่จำเป็น"

"ฉันหาซูซี่" เฉียวซือเหิงกัดฟันพูด

"ซูซี่?" หนานกงเฉินยิ่งไม่เข้าใจแล้วส่ายหัว "งั้นก็ไม่ยิ่งไม่ต้องหา มู่ชิงอยู่กับฉันทั้งวัน ไม่เคยเจอซูซี่"

"จริงหรอ?"

"ทำไมฉันต้องพูดซ้ำแล้วรับประกันกับแกด้วย?" หนานกงเฉินไม่อยากอธิบายแล้วเอ่ยพูด "วางละ"

พูดจบ เขาก็วางสายทันที

"เฉียวซือเหิงโทรมาหรอ? เรื่องอะไร?" เมื่อได้ยินชื่อของซูซี่ ไป๋มู่ชิงก็เอ่ยอย่างสงสัย

ช่วงนี้เธอติดต่อซูซี่ไม่ได้แล้ว ยามของตระกูลเฉียวก็ไม่ให้เข้าไปด้วย บอกแค่ว่าซูซี่รักษาครรภ์อยู่ในบ้าน เธอก็กำลังกลุ้มใจเหมือนกันว่าจะติดต่อซูซี่ยังไง

หนานกงเฉินวางโทรศัพท์ไว้ข้างๆแล้วเอ่ย "เฉียวซือเหิงตามหาซูซี่ตามมาถึงเธอที่นี่ แต่ว่าผมบอกเขาไปแล้วว่าเธอไม่ได้ติดต่อกับซูซี่"

เฉียวซือเหิงตามหาซูซี่? ดูเหมือนว่าซูซี่ไม่ได้เกิดเรื่องเหมือนที่เหยาเหม่ยคาดเดาไว้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ไป๋มู่ชิงก็รู้สึกโล่งอกไป วางใจได้สักที

"ไม่รู้ว่าซูซี่จะอยู่ที่ไหน?" เธอแอบถอนหายใจ

"ซูซี่โตขนาดนี้แล้วคงไม่หายตัวไปหรอก เธอไว้ใจเถอะ" หนานกงเฉินตบบ่าเธอเบาๆ หยิบโทรศัพท์มาเดินขึ้นชั้นบน

เมื่อหนานกงเฉินกลับมาถึงห้อง โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขากดรับแต่ที่ทำให้เขาแปลกใจคือเสียงของซูซี่ลอยออกมาจากโทรศัพท์

"คุณชายเฉิน คุณว่างหรือเปล่าคะ?" น้ำเสียงของซูซี่หยาบแห้ง

"ซูซี่คุณหามู่ชิงหรอ? คุณรอแป๊บนึง" หนานกงเฉินกำลังลุกขึ้นจะเดินลงไปแต่ซูซี่ก็เอ่ยขึ้นว่า "ไม่ ฉันหาคุณ"

"หาผม?" หนานกงเฉินที่กำลังจะลุกขึ้นก็หยุดลงแล้วนั่งกลับไปบนเก้าอี้

"ใช่ อย่ามู่ชิงบอก" ซูซี่พูด

"เกิดเรื่องอะไร?"

"ถ้ามาก็รู้แล้ว"

หนานกงเฉินมองไปที่เวลาบนผนัง นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้วซูซี่หาเขามีเรื่องอะไร? แต่ว่าเขาก็ไม่ได้ลังเลนานมากก็ตอบรับไป "ได้ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ เจอกันที่ไหน?"

"ร้านกาแฟใต้ตึกบริษัทคุณแล้วกัน"

หลังจากที่หนานกงเฉินวางสายไป ก็ลุกขึ้นเดินลงไปชั้นล่าง เมื่อกำลังเดินลงบันไดก็เจอกับไป๋มู่ชิงที่กำลังเดินขึ้นมา

ไป๋มู่ชิงเห็นว่าเขาจะออกไปข้างนอกก็เอ่ยถาม "เฉิน ดึกขนาดนี้แล้วนายจะไปไหน?"

"มีธุระ" หนานกงเฉินลังเลไปแล้วเอ่ย เมื่อนึกถึงคำพูดของซูซี่ สุดท้ายก็ไม่ได้บอกความจริงกับเธอ

"นายรอก่อน" ไป๋มู่ชิงรีบเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบเสื้อคลุมออกมาคลุมบนตัวเขา "ขับรถตอนดึกระวังด้วย อีกอย่าง รีบกลับมานะ"

"ได้ เธอพักผ่อนเถอะ" หนานกงเฉินก้มลงไปจุมพิตเธอ "ผมไปก่อนนะ"

--

เมื่อหนานกงเฉินมาถึงร้านกาแฟ ซูซี่ก็นั่งอยู่ข้างในตั้งนานแล้ว

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอไม่ปกติแล้วยังซีดขาวด้วย ก็เอ่ยถามอย่างมีมารยาท "คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ทะเลาะกับเฉียวซือเหิงหรอ?"

ซูซี่ไม่ได้ตอบ แค่มองไปที่เขา

หนานกงเฉินถามขึ้นอีก "คุณไม่มีที่อยู่ใช่ไหม? ถ้าใช่ก็ไปอยู่ที่บ้านหนานกงก็ได้ ตอนนี้มู่ชิงก็อยู่บ้านแล้วอีกอย่าง……เธอก็เป็นห่วงคุณด้วย"

"ขอบคุณเธอแทนฉันด้วย แล้วบอกกับเธอด้วยว่าฉันไม่เป็นอะไร" ซูซี่พูดจบ ก็ยื่นกระดาษสองแผ่นไปตรงหน้าเขาแล้วเอ่ย "นี่เป็นเหตุการณ์ก่อนหลังทั้งหมดที่เฉียวซือเหิงพาตัวหว่านชิงไป คุณเอาไปสิ ถ้าถึงเวลาที่เปิดศาลค่อยโทรหาฉัน ฉันจะเป็นพยานให้คุณเอง"

หนานกงเฉินยื่นไปหยิบกระดาษบนโต๊ะแล้วมองกวาด จากนั้นมองไปที่เธออย่างประหลาดใจ "นี่คุณเขียนเองกับมือเลยหรอ?"

"ใช่"

"ทำไม" หนานกงเฉินสงสัยมาก ครั้งก่อนที่หาตัวเธอให้เป็นพยาน เธอไม่มีทีท่าจะช่วยเหลือเขาเลย เฉียวซือเหิงเป็นสามีของเธอ เรื่องนี้เขาเข้าใจดี แล้วหลังจากนั้นก็ไม่เคยบังคับเธออีก

กี่วันนี้เขาก็เอาแต่ตามหาหลักฐานที่หว่านชิงถูกลักพาตัวไป กว่าจะหาพยาบาลที่รู้เหตุการณ์แล้วยอมเป็นพยานเพราะเงิน แต่ว่าหลักฐานก็ยังไม่พอที่จะไปยื่นร้องต่อศาล

ถ้าซูซี่ยอมเป็นพยาน เฉียวซือเหิงก็ต้องเข้าคุกแน่นอน

เพราะฉะนั้น……เขาก็สงสัยว่าซูซี่อารมณ์ร้อนชั่ววูบก็เลยให้หลักฐานเขา

"ไม่ทำไม ก็แค่รู้สึกไม่สบายใจก็เลยจะเป็นพยานให้" ซูซี่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

"คุณรู้หรือเปล่าว่าผลของการลักพาตัวเด็กคืออะไร?"

"รู้"

"แล้วคุณ……ยอมให้เขาเข้าคุกหรอ? เขาเป็นสามีคุณนะ" หนานกงเฉินยิ้ม "ซูซี่ คุณไม่ช่วยผมก็ได้ ผมจะไม่ทำให้คุณลำบากใจ"

"ฉันไม่รู้สึกลำบากใจ" ซูซี่เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง "ตอนนั้นฉันเอ่ยปากขอร้องเฉียวซือเหิงเอง พูดตามตรง ที่ครอบครัวคุณต้องแยกจากกันก็เป็นเพราะฉันเหมือนกัน เพราะฉะนั้น……ก็ถือซะว่าฉันอยากทวงความยุติธรรมให้มู่ชิงกับหว่านชิงแล้วกัน"

"ถ้าเฉียวซือเหิงรู้ว่าคุณทำแบบนี้ เขาคงโกรธจนฆ่าคุณ"

"ไว้ใจเถอะ เขาไม่ทำหรอก" ซูซี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น

เธอต้องรู้อยู่แล้วว่าถ้าเฉียวซือเหิงรู้คงโกรธจนบีบคอเธอตาย แต่ว่าเธอไม่แคร์ เขาบังคับให้เธอท้อง บีบคอเธอตายก็เท่ากับบีบคอเลือดเนื้อของเขาด้วยไม่ใช่หรอ? เธออยากให้เขารู้ความรู้สึกที่เกลียดแต่ว่าไม่สามารถบีบคอเธอตายได้

หนานกงเฉินพยักหน้าแล้วพับกระดาษในมือใส่กระเป๋า "งั้นก็ขอบคุณนะครับ"

"ไม่ต้อง" ซูซี่พูด "ใช่สิ ฉันว่าคุณอย่าให้มู่ชิงรู้ดีกว่าว่าคุณจะฟ้องร้องเฉียวซือเหิง เธอเป็นคนใจดีแล้วสนิทกับเฉียวเฟิง เธอคงไม่มีทางส่งเฉียวซือเหิงเข้าคุกแน่นอน"

"เรื่องนี้ผมเข้าใจ" หนานกงเฉินพยักหน้า ที่เขาไม่บอกไป๋มู่ชิงว่าเขากำลังสืบเรื่องนี้ก็เพราะกลัวว่าเธอจะลำบากใจ เขามองกวาดไปที่ซูซี่อีกรอบแล้วยิ้มอ่อน "ผมสงสัยมาก เฉียวซือเหิงทำอะไรกับคุณ จนทำให้คุณหนักแน่นขนาดนี้แล้วจะส่งเขาเข้าคุก?"

ซูซี่ไม่เอ่ยพูด แค่ยิ้มอย่างเยือกเย็นในใจ เธอใจดำหรอ? แต่ถ้าเทียบกับเฉียวซือเหิงขังเธอไว้แล้วบังคับให้เธอท้อง ยังมีลูกชายกับฟางมี่อีก เธอไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองใจดำ

"หรือว่า……คุณลองคิดดูใหม่?" หนานกงเฉินพูดจบแล้วรีบเอ่ยขึ้น "ถ้ามู่ชิงทำกับผมแบบนี้ ผมคงเสียใจมาก……"

"นายไม่เหมือนกับเฉียวซือเหิง ฉันกับมู่ชิงก็ไม่เหมือนกันด้วย เทียบกันไม่ได้" ซูซี่พูด

"ในเมื่อคุณมั่นใจขนาดนี้ ผมก็จะไม่พูดอะไรอีก" หนานกงเฉินเอ่ย "มีอะไรให้ช่วยไหมครับ? ถ้าไม่มีผมขอตัวกลับก่อน"

ซูซี่ส่ายหัว

"ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว คุณจะไปที่ไหน?"

"กลับบ้าน"

"กลับบ้านเฉียว?"

"ใช่" ซูซี่พยักหน้า

"ผมคิดว่าคุณจะไม่กลับไปข้างกายเฉียวซือเหิงอีก" หนานกงเฉินไม่เข้าใจว่าซูซี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้สนใจแล้วอยากถามเรื่องของพวกเขา

ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉียวซือเหิงไม่เหมือนตอนนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งเรื่องของเขาอีก

ซูซี่ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แค่ยกแก้วน้ำขึ้นกระดก

หนานกงเฉินลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเอ่ยกับเธอ "เดี๋ยวผมส่งคุณกลับไปด้วย"

"ขอบใจ" ซูซี่ไม่ได้ปฏิเสธแล้วลุกขึ้นจากโซฟาด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด