เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 259

เฉียวซือเหิงรีบดูเอกสารที่ทนายความส่งมาให้อย่างรีบร้อนรวดเร็ว ใบหน้าของเขาค่อยๆเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย

ทนายความเฝิงมองเห็นถึงสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไป เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง "คุณชายเฉียวคุณไม่ต้องกังวลให้มากเกินไป ผมจะพยายามช่วยคุณอย่างเต็มที่เพื่อให้ชนะคดีความนี้

เฉียวซือเหิงเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาแล้วถามว่า "คุณมั่งใจแค่ไหน"

"ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ ฉันได้รู้มาจากปากของคนคุ้นเคยคนหนึ่งว่า ศาลปฏิเสธคำอุทธรณ์ของหนานกงเฉินเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ" ทนายความเฝิงยิ้มออกมาขณะกล่าวว่า " เพราะยังไงเรื่องมันก็ผ่านมาเป็นเวลาสามปีกว่าแล้ว แถมเรื่องเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเฉียว หนานกงเฉินอยากจะตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่สำคัญต่อคดีแล้วล่ะก็มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย "

เฉียวซือเหิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดอย่างไม่เป็นสุข "ตราบใดที่เขายังยืนยันที่จะฟ้องร้องฉัน ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะสามารถหาจนหลักฐานได้"

"ก่อนหน้านั้นที่คุณชายเฉียวลักพาตัวหว่านชิงไปก็เพราะเจตนาดี หลังจากนั้นก็คืนหว่านชิงให้กับคุณหนูไป๋ด้วยตัวเอง ซึ่งมันแตกต่างจากลักษณะของการค้าทารก ดังนั้น ... " ทนายความเฝิงหยุดไปชั่วคราวแล้วกล่าวต่อว่า " ดังนั้น ถอนออกมาหนึ่งหมื่นก้าวมาพูด ต่อให้หนานกงเฉินหาหลักฐานจนพบ แต่จุดจบของคุณชายเฉียวก็ไม่ได้เลววร้ายขนาดนั้น และทีมทนายความของเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดบรรเทาโทษของคุณ"

แม้ว่าทนายความจะพูดอย่างไม่เย้แส ไม่ว่าจะว่ายังไงก็ตาม การลักพาตัวของหว่านชิงนั้นก็เป็นความจริง และตอนนี้หนานกงเฉินก็มีท่าทีว่าต้องการจะส่งเขาเข้าคุกให้ได้

หนานกงเฉินเกลียดเขาขนาดแค่ไหน เขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากก็เดาได้สบายๆ ดังนั้นไม่ว่าทนายความเฝิงจะปลอบใจเขายังไงมากแค่ไหนเขาก็ไม่อาจรู้สึกวางใจได้

หลังจากทนายความเฝิงจากไป เฉียวซือเหิงนั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียว เริ่มอ่านข้อมูลที่ทนายความเฝิงส่งให้เขาเมื่อกี้อย่างละเอียด

มีเสียงเคาะประตูห้องทำงานอย่างกะทันหัน เฉียวซือเหิงตะโกนไปที่ประตู "เข้ามา"

เลขาผู้หญิงผลักประตูเดินเข้ามากล่าวว่า "ท่านประทานเฉียว คุณชายรองเฉียวมาคะ"

เฉียวเฟิงนั่งขยับรถเข็นแล้วค่อยๆเข้ามาช้าๆ เฉียวซือเหิงวางเอกสารในมือลงในลิ้นชักก่อนจะมองไปที่เขาแล้วพูดว่า "หาฉัน มีธุระเรื่องอะไร "

เฉียวเฟิงพยักหน้า เฉียวซือเหิงไม่รอให้เขาได้เอยปากพูดก่อน ก็ถามขึ้นมาอย่างสอบสวน " ที่ฉันให้เธอทำความคุ้นเคยเข้าใจกับธุรกิจของบริษัท เธอเริ่มทำความเข้าใจหรือยัง"

"ทำความเข้าใจบ้างแล้ว" เฉียวเฟิงตอบอย่างงง ๆ "พี่ชายใหญ่ทำไมพี่ถึงต้องการให้ฉันทำความเข้าใจเรื่องของบริษัท "

"ธุรกิจของบ้านตัวเอง ทำความเข้าใจไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน"

“ พี่รู้ทั้งรู้ว่าคุณแม่ไม่ชอบให้ฉันมีส่วนยุ้งเกี่ยวกับบริษัท ”

“ เรื่องส่วนยุ้งเกี่ยวก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เธอต้องทำความเข้าใจไว้บ้าง ถ้าวันหนึ่งฉันโดนรถชนตายล่ะ เดียวบริษัทก็ต้องแตกตัวไป”

“ พี่ครับ พี่คุยอะไรกัน”

"ฉันแค่พูดว่าถ้าหากวันหนึ่ง " เฉีนวซือเหิงกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง " บริษัทหนานกงกรุ๊ป เป็นตัวอย่างที่มีให้เห็นเป็นอย่างดี ทันทีที่หนานกงเฉินล้มลง บริษัทก็ถูกกลุ่มคนที่หิวโหยอย่างกับเสือยึดไปทันที ฉันไม่ต้องการให้ตระกลูเฉียวเดินตามรอยเท้าของ บริษัทหนานกงกรุ๊ป"

“ พี่ใหญ่ไม่วางใจได้ ผมจะใช้ความเชี่ยวชาญของผมดูแลเป็นอย่างดี และพี่ก็ไม่มีวันถูกรถชนตายหรอก เฉียวเฟิงพูดอย่างยิ้มๆ

เฉียวซือเหิงสูบหายใจเบา ๆ พยักหน้า แล้วมองไปที่เขา "เธอหาฉันมีธุระเรื่องอะไรเปล่า"

"พี่ชายครับ ครั้งก่อนที่พี่เคยบอกผมว่าเมืองนอกมีหมอที่เก่งมากคนหนึ่ง ที่สามารถรักษาขาของผมให้หายเป็นปกติได้ ตอนนี้ยังสามารถคติดต่อเขาได้ไหม"

เฉียวซือเหิงคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้ขึ้นมา บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แล้วก็มองไปที่เขาอีกครั้ง " ครั้งล่าสุดที่ฉันบอกเธอเธอบอกว่ากลัวการผ่าตัดจะไม่สำเร็จไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงนึกขึ้นมาถามตอนนี้ "

“ ตอนนี้ฉันอยากลองดู”

"ฉันเคยบอกแล้ว ว่าการผ่าตัดอาจไม่ประสบความสำเร็จ และหลังจากการผ่าตัดขั้นตอนการพักฟื้นตัวจะเจ็บทรมานมาก เธอท้อใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่ ทำไมครั้งนี้ไม่กลัวความเจ็บทรมานแล้วหรอ" ความสับสนและประหลาดใจบนใบหน้าของเฉียวซือเหิงยังคงไม่ลดลง .

ตัวเฉียวเฟิงเองนั้นก็เรียนจบแพทย์ออกมา แน่นอนว่าเขารู้เรื่องระยะการพักฟื้นหลังผ่าตัดนั้นเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน แต่ถ้าหากสามารถทำให้ตัวเองลุกขึ้นยืนได้แล้วล่ะก็ แล้วใครจะไปกลัวความทรมานลำบากในปีครึ่งนั้นจริงๆ

สาเหตุที่เขาปฏิเสธการผ่าตัดครั้งก่อนนั้นไม่ใช่เพราะการผ่าตัดนั้นอาจจากไม่ประสบความสำเร็จ และไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดทรมาณหลังจากการผ่าตัด แต่เป็นเพราะ ... ในเวลานั้นในใจเขายังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อไป๋มู่ชิงเขา ใจหนึ่งเขารู้สึกว่าเขาไม่ควรหลอกลวงเธอ และอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะทอดทิ้งตัวเองไป

ในตอนนั้นเขาคิดแต่ว่าถ้าหากขาของเขาหายเป็นปกติแล้ว เขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ตลอดไปที่แค่กอดเขานอนเชยๆทุกคืนโดยไม่ทำอะไรเลย แต่ เขาไม่อยากทำอะไรไป๋มู่ชิงในขณะที่เธอสูญเสียความทรงจำนี้อยู่ ในความคิดของเขาเขาไม่สามารถทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมได้ เขาทำไม่ลง

ขณะเดียวกันเขาคิดว่าถ้าขาของเขาหายเป็นปกติแล้ว เมื่อไรที่ไป๋มู่ชิงความทรงจำกลับมาแล้วก็จะทิ้งเขาไปอย่างแน่นอน เขากำลังใช้ความด้อยของเขาแลกกับความใจอ่อนของเขาเพื่อมัดตัวเขา

ตอนนี้ไป๋มู่ชิงกลับไปอยู่เคียงข้างกับหนานกงเฉินแล้ว หาความสุขที่แท้ของตัวเองกลับมาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องต่อต้านการรักษาอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้างกายของเขามีหญิงท้องเพิ่มเข้ามาคนหนึ่งคือเหยียนเยว่นั้นเอง

"ฉันไม่กลัวความเจ็บปวดทรมาน" เขากล่าว

"อะไรทำให้เธอมีแรงจูงใจมากขนาดนี้" เฉียวซือเหิงถามอย่างเก็บเสียงหัวเราะไม่ได้ "คงไม่ใช่เพราะถูกหนานกงเฉินกระตุ้นประสาทมานะ กะว่าจะรักษาขาให้หายดีก่อนค่อยไปเปิดศึกกับเขาหรอ"

“ เดิมทีมู่ชิงก็เป็นภรรยาของเขาอยู่แล้ว คืนเธอให้กับเขาเป็นเรื่องปกติธรรมดา ฉันไม่ได้เกลียดเขามากเท่าที่พี่คิด” เฉียวเฟิงมองเขาและหันมาปลอบใจเขาแทน “ พี่ชาย ฉันหวังว่าสงครามระหว่างพี่กับหนานกงเฉินให้ยุติมันโดยเร็วที่สุดเถอะ”

“ ไม่ สงครามระหว่างฉันกับเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้น” เฉียวซือเหิงกล่าว

“ หมายความว่าไง”

"ไม่มีอะไร" เฉียวซือเหิงไม่อยากให้เขารู้เรื่องที่หนานกงเฉินฟ้องเขาเรื่องการลักพาตัวค้าเด็กทารก

เฉียวเฟิงไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เกลี้ยกล่อมเขา "พี่ชาย พูดอย่างเป็นธรรมจริงๆแล้ว พี่เป็นคนที่คอยเล่นสกปรกกับเขามาตลอด เขาไม่เคยทำเรื่องอะไรหรือสิ่งไม่ดีต่อพี่เลย, ฉันรู้ว่าพี่ทำเพื่อฉัน แต่ว่า.... "

"วางใจได้ ฉันไม่ได้ทำอะไรกับเขา" เฉียวซือเหิงกล่าว ที่ผ่านมามีแต่เขาที่คอยเล่นสกปรกต่อหนานกงเฉินมาตลอด แต่ว่าตอนนี้กับกลับกัน เป็นหนานกงเฉินกำลังแก้แค้นเล่นงานเขา

ความสามารถและนิสัยของหนานกงเฉินเขารู้ชัดเจนดี ถ้าเขาเล่นจริงจังขึ้นมาจริงๆ เขาไม่ใช่คู่แข่งของเขาเลย โดยเฉพาะในเรื่องของหว่านชิงแล้วล่ะก็

เฉียวซือเหิงสูดลมหายใจเบา ๆ แล้วมองไปที่เฉียวเฟิงพูดว่า "ฉันจะติดต่อกับหมอมู่เซิ่นก่อน จะพยายามเชิญเขามาที่โรงพยาบาลของเราช่วยทำการผ่าตัดให้เธอ แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องบินไปต่างประเทศด้วยตัวเองคนเดียว ”

“ เขาจะยอมมาไหม”

"ต้องจ่ายราคาสูงอยู่แล้ว และ ... เขาน่าจะให้เกียรติฉันมาที่นี่ครั้งหนึ่งนะ"

“ ต้องนานแค่ไหน”

“ เธอรีบมากหรอ ” เฉียวซือเหิงจ้องเขา

"รีบมากครับ" เฉียวเฟิงพยักหน้า เมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั้นรีบร้อนจนขึ้นหัวไปหน่อย เขารีบพูดขึ้นมาอย่างทำตัวไม่ถูก "ฉันหมายความว่า ... ในเมื่อจะทำ ก็อยากจะรีบทำให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องเก็บมากังวลอยู่ตลอดเวลา."

เฉียวซือเฟิงพยักหน้า "ดี เดียวฉันจะติดต่อเขาเลย"

"ขอบคุณครับพี่ชาย" เฉียวเฟิงกล่าวอย่างมีความหวัง

เฉียวซือเฟิงมองเขากะพริบตาไปมา "ถ้าเธออยากขอบคุณฉันจริงๆ งั้นก็ช่วยบอกความจริงกับฉันหน่อย ว่าทำไมเธอถึงอยากรีบเดินได้เร็วขนาดนี้"

เฉียวเฟิงจ้องมองเขา เงียบไปสองสามวินาทีก่อนที่จะพูดว่า "พี่ชายครับ รอให้การผ่าตัดเสร็จสำเร็จก่อนฉันค่อยบอกพี่"

ถ้าหากการผ่าตัดล้มเหลว งั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเขา เขาคิดอย่างนั้น

เฉียวซือเฟิงไม่ได้ทำให้เขาต้องลำบากใจ พยักหน้า "ได้ เย็นๆหน่อยฉันจะโทรหาเธออีกที"

-

หนานกงเฉินมาถึงที่บริษัทตั้งแต่เช้า เลขาหลินได้เดินตามเขาเข้าไปที่ห้องทำงานแล้วพูดว่า " คุณชายเฉินคะ ผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้มาถึงพร้อมเพียงกันหมดแล้ว ไม่ทราบว่าจะเข้าประชุมคณะกรรมตอนนี้เลยหรือเปล่าคะ"

"ช่วยแจ้งพวกเขาหน่อย ฉันจะถึงเร็ว ๆ นี้" หนานกงเฉินได้นำเสื้อกันลมแขวนไว้บนราวแขวนเสื้อ แล้วมือหนึ่งก็เปิดโทรศัพย์มือถือขึ้นอีกมือหนึ่งก็รับชาจากเลขาสาวมาจิบ

ดื่มแค่คำเดียวก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว เขามองถ้วยชาแล้วเหลือบไปมองเลขาสาว "นี่มันรสชาติอะไร"

เลขาสาวรีบพูดว่า "คุณชายเฉิน นี่คือชาดอกกระเจี๊ยบ ช่วยบำรุงเลือด บำรุงกระเพาะอาหาร เป็นนายหญิงน้อยสั่งไว้ว่าชงให้คุณดื่มวันละหนึ่งแก้วคะ"

"นายหญิงน้อย"

“ อืม นายหญิงน้อยบอกว่าดอกกระเจี๊ยบเหล่านี้เธอเป็นคนเก็บมาและตากแห้งเองกับมือ ปลอดสารพิษ คุณชายเฉินสามารถดื่มได้อย่างสบายใจ” เลขาสาวกล่าว

“ แล้วเขาได้บอกเธอหรือเปล่า ว่ารสชาตินี้ดื่มยากมาก”

“ เอ่อ ... นายหญิงน้อยบอกว่ารสชาติดีมากคะ”

หนานกงเฉินมองไปที่ถ้วยอีกครั้ง จากนั้นก็ยื่นไปให้เธอ "ช่วยไปเติมน้ำผึ้งให้ฉันหน่อย"

"โอเคคะ" เลขาสาวเดินออกไปพร้อมกับถ้วย

หนานกงเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานโทรออกไปยังเบอร์ของไป๋มู่ชิง ไม่รอให้ไป๋มู่ชิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ได้พูดก่อนเขาก็พูดมาก่อนว่า "ฉันว่าทำไมดอกกระเจี๊ยบที่อยู่หลังบ้านทำไมดอกยิ่งออกยิ่งน้อยลง ที่แท้โดนคุณเด็ดหมดแล้วนี่เอง"

ไป๋มู่ชิงยิ้มแล้วพูดว่า "ทำไม คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"

"แน่นอนฉันต้องมีปัญหาอยู่แล้ว คุณเด็ดฉันกิน ไม่ยุติธรรมเลย"

“ ฉันนึกว่าคุณจะซึ้งใจซะอีก”

"ขออภัย รสชาตินั้นทำให้ฉันซึ้งใจไม่ขึ้นจริงๆ"

"นั่นเป็นรสชาติของความรัก"

"พูดไร้สาระ รสชาติของความรักจะดื่มยากขนาดนั้นได้อย่างไร" หนานกงเฉินโต้กลับ

"เปรี้ยวๆหวานๆ มันออกจะอร่อยขนาดนั้น" ไป๋มู่งชิงกล่าว "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือดื่มแล้วดีต่อสุขภาพร่างกาย คุณช่วยกรุณาดื่มเข้าไปให้กับฉันดีๆล่ะ"

“ ในเมื่อดีขนาดนี้ แล้วทำไมคุณไม่ดื่มเองล่ะ”

“ ฉันดื่มไปแล้ว เมื่อกี้ฉันยังดื่มอยู่เลย”

"จริงเหรอ อย่ามาโกหกฉัน"

“ คุณชายใหญ่คะ ตอนนี้คุณเป็นโรคอะไรหรือเปล่า ไม่ว่าจะดื่มยาดื่มนมดื่มชาดอกอะไรก็ตามจะต้องให้คนอื่นดื่มเป็นเพื่อนด้วยใช่ไหม”

"โดนตามใจจนเสียนิสัยจริงๆ" หนานกงเฉินอมยิ้มขณะจิบชาดอกกระเจี๊ยบที่เลขาสาวส่งเข้ามาให้อีกครั้งคำหนึ่ง และแล้วค่อยดื่มง่ายขึ้นมาหน่อย

ไป๋มู่ชิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เก็บยิ้มแล้วพูดว่า " พอได้แล้ว ไม่ใช่ว่าวันนี้คุณมีจัดการประชุมคณะกรรมการขึ้นหรอ รีบไปได้แล้ว"

"ดื่มชาอันเปรี้ยวจี๊ดนี้ของคุณหมดก่อนก็จะไปล่ะ " หนานกงเฉินกล่าว

"งั้นคุณค่อยๆชิมนะ" ไป๋มู่ชิงพูดแบบกำชับ "คืนนี้กลับมาเร็วหน่อยนะ"

"ฉันรู้นะ" หนานกงเฉินวางสายโทรศัพท์ ดื่มชาในถ้วยจนหมดแล้ว ถึงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องประชุม

ผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมดมาถึงหมดแล้ว เหลือแต่ที่นั่งของท่านประทานนั้นยังว่างอยู่ หนานกงเฉินเดินตรงไปที่นั่งท่านประทานเหมือนตามเคย มองดูรอบ ๆ ก่อนจะนั่งลง

“ท่านประทานเซิ่งไม่มาเหรอ” เขาถามอย่างเรียบเฉยมาคำหนึ่ง

“ ท่านประธานเซิ่งวันนี้ร่างกายไม่ค่อยสบาย ไม่ได้มาบริษัท” เลขาสาวกล่าว

“ เป็นเพราะร่างกายไม่ค่อยสบายหรือว่าไม่กล้ามาบริษัท คิดว่าทุกคนคงจะรู้ดี” หนานกงเฉินเหลือบมองทุกคนที่นั่งอยู่ในนี้อีกครั้ง

ทุกคนได้แต่ก้มหน้าลง ไม่มีใครพูดอะไร

คนบางส่วนที่นั่งอยู่ตรงนี้เคยเป็นผู้สนับสนุนของเซิ่งตงหยางมาก่อน แต่วันนี้เซิ่งตงหยางเกิดปัญหาขึ้น ในขณะที่พวกเขากำลังรู้สึกผิดนั้น ต่อหน้าหนานกงเฉินแล้วก็ตกที่นั่งลำบากเช่นกัน พวกเขาไม่มีใครคิดว่าหนานกงเฉินจะสามารถคลานออกมาจะเส้นความตายได้ และยังสามารถแย้งหุ้นที่อยู่ในมือของเซิ่งตงหยางกลับมาได้

แต่ตอนนี้จะรู้สึกผิดมันสายเกินไปแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ก็ต้องแล้วแต่เวรกรรมแล้ว

หนานกงเฉินทำไมจะไม่เข้าใจความคิดของพวกเขา หลังจากที่มองพิจารณาพวกเขาทีละคนแล้ว เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย "ต้องขอโทษทุกคนอย่างมาก ฉันกลับมาแล้ว"

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ผู้ถือหุ้นรายย่อยคนหนึ่งก็หัวเราะครึกๆออกมาพูดเอาใจเขา "คุณชายเฉินพูดอะไรน่ะ คุณชายเฉินฟื้นหายดีออกจากโรงพยาบาลพวกเราทุกคนดีใจกับคุณมาก ทุกคนว่าใช่ไหม"

ทุกคนพยักหน้า

"ใครหวังให้ฉันตาย ฉันจะไม่รู้แก่ใจได้ยังไงว่าใครหวังอยากให้ฉันตาย ก่อนหน้านั้นคนที่เคยร่วมมือกับเซิ่งตงหยางต่อต้านเลขาเหยียน วันนี้ตอนนี้น่าจะเริ่มนั่งไม่เป็นสุขแล้วสินะ " หนานกงเฉินหัวเราะอย่างเยาะเย้ย " อันที่แท้ไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้น ธุระกิจก็เหมือนกับสนามรบ พวกคุณเลือกผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเป็นที่พึ่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ สามารถเข้าใจได้ "

"คุณชายเฉิน พวกเรา ... ก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน"

"ฉันบอกแล้ว ว่าฉันเข้าใจ" หนานกงเฉินเหลือบมองไปคนที่กำลังพูด

จากนั้นเขาก็เปลี่ยนคำพูดแล้วพูดว่า "เอาล่ะ เรามาพูดประเด็นที่จะประชุมในวันนี้กันเถอะ เซิ่งตงหยางได้ฉ้อโกงหุ้นที่อยู่ในมือของคุณย่าแย่งชิงตำแหน่งของประธาน ใช้ช่วงเวลาที่เขารับผิดชอบและตำแหน่งของเขาเพื่อดึงเอาทรัพยากรของบริษัทไปใช้ที่บริษัทจื้อหย่วน การกระทำแบบนี้ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงของข้อบังคับของบริษัท และก่อนหน้านั้นที่เซิ่งเคอได้หมุนเงินก้อนใหญ่นั้นไปก็ถูกเซิ่งตงหยางยุยงด้วยเช่นกัน อย่างคนประเภทนี้ถ้ายังปล่อยให้เขาอยู่ในบริษัทต่อไป ก็จะเป็นหายนะวันยังค่ำ ทุกคนเห็นด้วยกับความเห็นนี้ไหม "

ทุกคนพากันพยักหน้าขึ้นมา

หนานกงเฉินกล่าวต่อไปว่า " เนื่องจากทุกคนรู้สึกว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในบริษัทอีกต่อไป จึงควรปลดเขาออกจากตำแหน่ง ทุกคนเห็นด้วยหรือไม่ ท่านไหนที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถแสดงข้อความคิดเห็นออกมา"

ทุกคนพยักหน้าอีกครั้ง ในเวลานี้ต่อให้หนานกงเฉินจะบอกว่าจะเอาเซิ่งตงหยางไปฟัน ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน

หนานกงเฉินหันไปบอกให้เลขาหลินว่า " หลังการประชุมให้แจ้งท่านประทานเซิ่งว่า หลังจากประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ถอดตำแหน่งทั้งหมดของเขาในบริษัทหนานกงกรุ๊ป"

"ได้คะ คุณชายเฉิน " เลขาหลินพยักหน้า

หนานกงเฉินยังคงพูดกับทุกคนต่อว่า "ในระหว่างที่ฉันป่วย บริษัทก็ล้มป่วยตามไปด้วย ได้รับผลกระทบไม่น้อย แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้บริษัทมีการพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนคนและตำแหน่งระดับสูงของบริษัทครั้งใหญ่ นี่คือตารางการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ... "

เขาทำสัญญาณมือขึ้น เลขาสาวจึงได้ทำการแจกตารางเอกสารการปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ในแฟ้มให้กับทุกคน

หลังจากที่ตารางการปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานถึงมือทุกคนแล้ว ภายในห้องประชุมก็มีความวุ่นวายและการพูดคุยกันเกิดขึ้นเล็กน้อย มีบางคนก็ดีใจและมีบางคนก็ต้องผิดหวัง

ภายในระยะเวลาหนึ่งถึงสองเดือนนี้ ได้ผ่านการปรับเปลี่ยนเคลื่อนไหวตำแหน่งครั้งใหญ่มาถึงสองครั้ง ความรู้สึกในใจของทุกคนก็ต้องมีขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนกับรถไฟเหาะ

“ สำหรับการจัดวางแบบนี้ ทุกคนมีข้อสังสัยอะไรไหม ” หนานกงเฉินถามออกมาประโยคหนึ่ง

บริษัทหนานกงกรุ๊ปนอกจากหุ้น 50% ที่ออกให้แก่สาธารณชนแล้ว ตระกูลหนานกงก็ได้ถือหุ้นถึง 30% ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่สุดและเป็นผู้มีอำนาจควบคุมอย่างแท้จริง สำหรับการปรับเปลี่ยนโอนตำแหน่งระดับสูงในบริษัทนั้นถือว่าอยู่ในอำนาจของเขาทั้งหมด

คำถามที่หนานกงเฉินถามนั้น แค่ถามให้เป็นมารยาทเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะขอความคิดเห็นจากใคร

และในใจของทุกคนก็เข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าในใจจะมีความผิดหวังและไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกแม้แต่การแสดงออกบนใบหน้า

“ การประชุมคณะกรรมการในวันนี้มีประเด็นหลักแค่สองเรื่องนี้ ถ้าทุกคนไม่มีข้อขัดข้องอะไรก็เลิกประชุมได้” หลังจากที่หนานกงเฉินพูดจบได้เหลือบมองทุกคนอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกตัวขึ้น เดินตรงไปที่ทางออกประตูของห้องประชุม

ทันทีที่หนานกงเฉินเดินออกไป ในห้องประชุมก็เหมือนโดนระเบิดเสียงดังขึ้นทันที

ผู้ที่เคยสนับสนุนเซิ่งตงหยางก่อนหน้านี้ไม่ใช่ถูกปลดออกจากตำแหน่งก็ถูกลดตำแหน่ง ผู้ที่เคยติดตาม เลขาเหยี่ยนนั้นก็ได้กลับมาดำรงตำแหน่งสำคัญ

และสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่สามารถยอมรับได้ก็คือผู้ช่วยฝ่ายการตลาดที่เพิ่งจะจบจากมหาวิทยาลัยมาเมื่อไม่กี่ปี ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งตรงขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้ประทานฝ่ายการตลาด

"ตารางการปรับเปลี่ยนนี้ต้องเป็นเลขาเหยี่ยนเป็นคนจัดทำให้กับคุณชายเฉินแน่น่อน" ท่านหนึ่งที่เคยมีความขัดแย้งกับเลขาเหยี่ยนซึ่งตอนนี้ถูกย้ายออกจากตำแหน่งไปอยู่แผนกด้านหลังผู้ถือหุ้นรายย่อยนี้กล่าวขึ้นด้วยความโกรธ " เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการแก้แค้นซึ่งๆหน้าอย่างชัดเจน"

“ นั่นสิ หนุ่มสกุลเหอคนนี้มีประสบการณ์การทำงานเพียงไม่กี่ปี ก็สามรารถไต่เต้าจนขึ้นไปสู่ตำแหน่งประทานแล้ว”

"คนเขารู้จักประจบสอพลอ ก่อนหน้านั้นเพื่อเป็ณการเอาใจเลขาเหยี่ยนเขายังออกมาปกป้องเธออย่างชัดเจนในห้องประชุม ดูสิการประจบสอพลอนี้ดีและแม่นมาก"

“ เลขาเหอเป็นลูกชายแท้ๆของพี่เหอไม่ใช่หรอ รู้สึกว่าคุณชายเฉินจะดูแลและสอนงานเขาตั้งแต่ที่เข้ามาทำงานที่บริษัทวันแรกอย่างใกล้ชิดแล้ว” อีกคนหนึ่งที่ยังมีความยุติธรรมเล็กน้อยพูดขึ้น

"เลขาเหอเขามีความสามารถทางธุรกิจที่แข็งแกร่งมาโดยตลอด การเลื่อนตำแหน่งให้เขาไม่ช้าก็เร็ว ยังมีประเด็นอะไรให้เม้าท์มอยกันอีก"

"ฉันดูว่าไม่ใช่เลขาเหอรู้จักประจบสอพลอ แต่ดันมีคนบางคนไม่รู้จักประจบให้ถูกคน จนตัวเองจะโง่เหมือนควายซะล่ะ" ใครบางคนพูดขึ้นมาอย่างจงใจ

“ คุณ ... ” มีคนบางคนโกรธ

ภายในห้องประชุมหัวของพวกเขาเหมือนโดนจุดระเบิดเต็มไปด้วยกลิ่นดินปืน

"พอได้แล้ว" เลขาหลินที่ยังไม่ได้เดินออกไปได้เปิดปากพูดขึ้นในที่สุด แล้วได้เหลือบมองไปที่ทุกคนพูดว่า "ก่อนอื่น รายการปรับเปลี่ยนตำแหน่งนี้คุณชายเฉินกับเลขาเหยี่ยนได้ทำการปรึกษาหารือคัดกรองเป็นเวลานานถึงได้การตัดสินใจนี้ พวกที่ถูกลดตำแหน่งนั้นเป็นพวกที่เคยคิดทรยศกับตระกูลหนานกงก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ ที่เลขาเหอได้เลื่อนตำแหน่งนั้นอาศัยความสามารถและผลงานของตัวเอง รวมถึงความภักดีที่มีต่อบริษัท ไม่ใช่เพราะการประจบสอพรอเลขาเหยี่ยนหรืออาศัยความสัมพันธ์ของพี่เหอ ขอให้ทุกคนหยุดพูดสะเพร่าได้แล้ว สุดท้าย เมื่อตะกี้นี้คุณชายเฉินได้พูดอย่างชัดเจนแล้ว คนที่มีข้อสังสัยขัดข้องใด ๆ ให้คุยกับเขาได้โดยตรง "

เมื่อเลขาหลินพูดเช่นนั้น ทุกคนก็ได้หุบปากลง

ถึงแม้ว่าในใจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เพราะพวกเขารู้ดีว่าสไตล์การทำงานของหนานกงเฉิน คนที่คิดจะทรยศบริษัทหนานกงกรุ๊ปนั้น หนานกงเฉินไม่เคยปล่อยให้พวกเขามีจุดจบที่ดี

แม้ ณ ตอนนี้หนานกงเฉินแค่เห็นว่าพวกเขานั้นได้ถือหุ้นของบริษัทอยู่ แค่ลดตำแหน่งของพวกเขาลง ถึงยังคงปล่อยให้พวกยังอยู่ในบริษัท แต่ด้วยนิสัยและสไตล์ของเขาภายหลังเขาจะต้องหาเหตุผลที่จะถีบพวกเขาออกจากบริษัท เช่นเดียวกับเซิ่งตงหยาง

-

ในตอนเย็นหนานกงเฉินรับประทานอาหารเย็นกับคนในศาลแล้ว รีบตรงกลับไปที่บ้านเลย

ตั้งแต่ที่ไป๋มู่ชิงกับหว่านชิงกลับมาแล้ว ทุกๆเย็นเขามีแรงจูงใจที่จะกลับบ้านเร็วขึ้น ถ้าสามารถไม่ทำงานล่วงเวลาได้ก็จะไม่ทำงานล่วงเวลา ต่อให้เขาจะมีงานเขาก็ชอบเอามันกลับไปทำที่บ้าน

เขาได้จอดรถที่ประตูบ้านหลังใหญ่ตามเคย พึ่งลงจากรถเขาก็ได้ยินเสียงของหว่านชิงดังมาจากในบ้าน มันคือเสียงนี้ ความรู้สึกนี้ มันดูเหมือนมีมนต์สะกดดึงดูดให้เขารีบวิ่งกลับมาบ้านก่อนเวลา

มีรอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมริมฝีปากนิดๆ เขาผลัดปิดประตูรถก้าวเท้าเดินเข้าไปในบ้าน

ภายใน เสี่ยวหว่านชิงนั่งอยู่บนโซฟานวดไหล่ให้คุณผู้หญิงอยู่ ขณะนวดไปก็ถามขึ้นอย่างยิ้ม ๆ ว่า "ท่านย่าทวด สบายมั้ยคะ"

"สบาย สบายมาก ... " คุณผู้หญิงก็ได้แต่ยิ้มเช่นกัน

เมื่อเสียวหว่านชิงเห็นการกลับมาของหนานกงเฉิน ก็เรียกออกมาอย่างตื่นเต้น "คุณพ่อกลับมาแล้ว"

หนานกงเฉินมองยิ้มเดินเข้าไป อุ้มเธอขึ้นจากโซฟา แลัวจูบที่หน้าผากเล็กๆของเธอ "หว่านชิงเยี่ยมจังเลย สามารถช่วยท่านย่าทวดนวดไหล่แล้ว"

เสี่ยวหว่านชิงพยักหน้า อมยิ้มหวาน "คุณพ่อทำงานเหนื่อยหรือเปล่าคะ หว่านชิงช่วยนวดให้คุณพ่อดีไหมคะ"

"ไม่ต้องล่ะ เดียวคุณพ่อให้คุณแม่ช่วยนวดให้" หนานกงเฉินยิ้มแล้ววางเธอลงตรงบนโซฟาเหมือนเดิมแล้วถามว่า "คุณแม่ล่ะ"

"คุณแม่กำลังตุ้มน้ำหวานอยู่ในห้องครัวคะ"

ทันทีที่หว่านชิงพูดจบ ไป๋มู่ชิงก็เดินออกมาจากห้องครัว ระหว่างเช็ดมือก็ยิ้มขึ้นถามว่า "ไหนว่าเย็นนี้คุณจะไปทานข้าวกับคนในศาลไม่ใช่หรอ ทำไมถึงกลับมาเร็วจัง"

"พอทานอาหารเสร็จก็กลับมาเลย " หนานกงเฉินส่งรอยยิ้มไปมองเธอ " คุณตุ้มน้ำหวานอีกแล้วหรอ"

"ใช่คะ ไม่มีอะไรทำนี่คะ"

หลังจากที่ทุกคนตรงไปที่โซฟาแล้วนั่งลงด้วยกัน หนานกงเฉินได้นำเอกสารฉบับหนึ่งออกมาจะกระเป๋าเอกสารยื่นส่งไปให้คุณผู้หญิงตรงหน้า พูดด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า " คุณย่า ดูสิว่านี่คืออะไร"

คุณผู้หญิงที่เคี้ยวแอปเปิ้ลในปาก เหลือบมองมันไปทีหนึ่งแล้วถามว่า "อะไร"

"เอกสารผู้ถือหุ้น" หนานกงเฉินกล่าวว่า " ผมได้ช่วยท่านเอาหุ้นส่วนทั้งหมดคืนมาแล้ว"

"หุ้นคืออะไรหรอ" คุณผู้หญิงใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนงงนิดๆ

เมื่อหนานกงเฉินได้ยินท่านถามคำถามนี้ในใจรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา คุณผู้หญิงกลับจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องที่หุ้นของตัวเองถูกโกงไป เขาใช้คำพูดที่ฟังแล้วสามารถเข้าใจได้ง่ายที่สุด "อืม ... ก็คืนเงินที่เยอะและเยอะมากๆ"

"เงินที่เยอะมากๆหรอ" ในที่สุดคุณผู้หญิงก็ลืมตาโตแล้วได้ดึงเอกสารนั้นไป จากนั้นหันไปยืนให้หว่านชิงตรงหน้า "หว่านชิง คุณย่าทวดให้เงินเยอะๆกับหนูไปซื้อขนมกิน ดีใจไหม "

"คุณพ่อหลอกคน นี่ไม่ใช่เงินซะหน่อย " เสี่ยวหว่านชิงพูด

คุณผู้หญิงมีอาการตกตะลึงนิดหนึ่ง จากนั้นก็ได้โยนเอกสารผู้ถือหุ้นที่อยู่ในมือทิ้งลงกับพื้น " อืมใช่ เงินไม่ได้เป็นแบบนี้ซะหน่อย หลอกลวงคน"

หนานกงเฉินกับไป่มู่งชิงมองหน้ากัน ด้วยการกลั้นหัวเราะไม่อยู่

ไป๋มู่ชิงได้เก็บเอกสารผู้ถือหุ้นขึ้นมาจากพื้นแล้วพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า "คุณยาย สิ่งนี้เฉินได้ใช้ความพยายามอย่างมากถึงได้มันคืนกลับมา ท่านจะโยนมันทิ้งแบบนี้ไม่ดี" หลังจากเธอพูดจบก็ได้ยื่นเอกสารผู้ถือหุ้นคืนให้กับหนานกงเฉิน "เฉิน. คุณเก็บเอกสารผู้ถือหุ้นไว้เองจะดีกว่า คุณย่าได้ลืมเรื่องนี้ไปแล้วก็ปล่อยให้ท่านลืมมันไปซะเถอะ

หนานกงเฉินพยักหน้า นั้นนะสิ ในเมือ่คุณผู้หญิงได้ลืมมันไปแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องให้ท่านรือฟื้นมันขึ้นมาอีก

ไป๋มู่ชิงยิ้มขึ้นมาทันที "แต่ ... เฉิน ฉันยังไม่ได้แสดงความยินดีกับคุณเลย ขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณสามารถเอาบริษัทคืนมาได้ในที่สุด"

"แสดงความยินดีกับฉัน อย่างงี้ไม่ได้หมายความว่ายินดีให้กับตัวเองหรือ คุณหญิงหนานกง" หนานกงเฉินยิ้มแล้วใช้มือไปบีบจมูกของเธอเล่นทีหนึ่ง

ไป๋มู่ชิงยิ้มหวานพยักหน้า "ใช่คะ ขอแสดงความยินดีกับตัวเองด้วย ยินดีที่ในที่สุดฉันก็ได้เป็นนายหญิงที่ร่ำรวยที่สุดของเมืองซีอีกครั้ง"

"แล้ว ... ขอถามนายหญิงที่ร่ำรวยที่สุด คุณควรพูดอะไรหรือแสดงอะไรหน่อยไหม" หนานกงเฉินชี้ไปที่แก้มของตัวเอง เพื่อขอรอยจูบ

ไป๋มู่ชิงเหลือบมองไปที่ทุกคน กระซิบด้วยเสียงแผ่วเบา " ไม่รู้จักอายบ้างหรือไง กลางคืนค่อยว่ากัน"

“ คุณพูดเองนะ ถึงเวลานั้นอย่าแกล้งเป็นปลาตายล่ะ”

"อืม ฉันพูดเอง" ไป๋มู่ชิงพยักหน้า แล้วพูดเร่งเขา "รีบกลับห้องไปอาบน้ำได้แล้ว แล้วรีบพักผ่อนแต่เช้า"

หนานกงเฉินพยักหน้า ขึ้นไปอาบน้ำอย่างเชื่อฟังบนชั้นบน

-

เฉียวเฟิงได้นำอาหารเย็นมาถึงที่โรงพยาบาล เหยียนเยว่ที่อยู่ในห้องผู้ป่วยรู้สึกเบื่อหน่ายมาก

เมื่อเห็นเฉียวเฟิงเข้ามา ก็รีบเข้าไปต้อนรับเขาทันทีแล้วพูดว่า "คุณรีบไปคุยกับคุณหมอให้หน่อยเถอะ ถ้ายังไม่ให้ฉันออกจากโรงพยาบาลฉันจะต้องบ้าแน่ๆ"

“ คุณหมอบอกว่าร่างกายของคุณยังอ่อนแอมาก ควรจะพักผ่อนต่อที่โรงพยาบาลอีกสักสองสามวันถึงจะดี” เฉียวเฟิงกล่าว

"พักฟื้นมาสามวันแล้ว" เลขาเหยี่ยนไม่รู้จะพูดยังไง "คุณดูฉันสิ กินเก่งดื่มดีหลับสบายและกระโดดได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพักฟื้นต่อไปแล้ว"

เฉียวเฟิงเห็นได้ชัดเจนว่าเธอเบื่อหน่ายมากจนจะบ้าแล้วจริงๆ จึงได้พยักหน้า "โอเค รอคุณทานอาหารเย็นให้หมดก่อน แล้วเราจะออกจากโรงพยาบาลกัน"

"จริงๆหรอ"

"อืม" เฉียวเฟิงพยักหน้า ได้วางอาหารเย็นลงบนโต๊ะ ขณะที่กำลังตักอาหารเย็นออกมา เลขาเหยียนก็รีบเดินเข้ามา "มาให้ฉันทำเองเถอะ"

เฉียวเฟิงมองดูเธอสองสามทีก็เปิดกล่องถนอมอาหารได้อย่างอย่างรวดเร็ว เลขาเหยียนรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของเขา เงยหน้าขึ้นมองเขา "ให้คุณมาดูแลฉัน รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ น่าจะฉันดูแลคุณถึงจะถูก"

"ฉันไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คุณคิด"

"ฉันไม่ได้คิดว่าคุณไร้ประโยชน์ แต่ ... " เพื่อที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย เลขาเหยี่ยนจงใจมองไปที่ซุปไก่ในกล่องถนอมอาหารแล้วพูดว่า " อืม ... ซุปไก่หอมน่ากินมากเลย ขอบคุณมากนะ "

เฉียวเฟิงกล่าวขึ้นว่า " ฉันตั้งใจให้คนขึ้นดอยไปหาไก่เลี้ยงที่วิ่งบนพื้นหญ้ามา ไม่มีการฉีดฮอร์โมนไก่ใดๆและยังมีสารอาหารสูงมาก"

"ตั้งใจไปหาไก่เหรอ" เลขาเหยียนหันมองไปที่เขา " ยุ่งยากขนาดนั้นเลยเหรอ"

"ใช่ ค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย และหายากลำบากมาก ดังนั้นคุณต้องดื่มให้เยอะๆ"

"ไม่ต้องห่วง ฉันจะดื่มจนไม่ให้เหลือแม้แต่หยดเดียวเลย" เลขาเหยียนยกชามซุปขึ้นมาดื่มคำหนึ่ง แล้วพยักหน้า "จริงๆด้วยรสชาติดีกว่าซุปไก่ทั้วไปเยอะเลย"

"ชอบก็ดีแล้ว"

ทั้งสองยังไม่ถึงขั้นที่จะสามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง และไม่ได้หวานเหมือนกับคู่รักทั่วๆไป หลังจากพูดกันไม่กี่ประโยคพวกเขาก็เริ่มเงียบลง

หลังจากภายในเงียบไปสักพัก เฉียวเฟิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง " อืมใช่แล้ว การผ่าตัดของฉันได้กำหนดเวลาเรีบยร้อยแล้ว ในวันพุธหน้า"

“ เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ” เลขาเหยี่ยนเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขา

"อืม ก็คุณหมอต่างชาติคนนั้นว่างพอดี"

เลขาเหยี่ยนครุ่นคิดสักครู่ ถามขึ้นว่า "การผ่าตัดมีความเสี่ยงไหม"

"การผ่าตัดขาแม้ว่าจะมีความเสี่ยง อย่างมากเพียงแค่การผ่าตัดล้มเหลวเท่านั้น ไม่เสี่ยงอันตรายต่อชีวิต"

"อืม ... " เลขาจ้องมองเขา รู้สึกไม่สบายใจกะทันหันขึ้นมาเล็กน้อย " ถ้าหากล้มเหลว คุณจะเกลียดฉันไปตลอดชีวิตหรือเปล่า"

"จะหรอก"

"จริงๆเหรอ"

"อืม ต่อให้ไม่มีคุณ ฉันก็จะยอมรับการผ่าตัดครั้งนี้อยู่ดี ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดัน"

เลขาเหยี่ยนยิ้มเสียงแห้ว ๆ " คุณรู้จักปลอบใจคนอื่นจริงๆ "

"ฉันพูดความจริง ไม่ใช่เพื่อปลอบใจคุณ" แล้วเฉียวเฟิงก็ช่วยเธอตักข้าวออกมาไว้ตรงหน้าเธอ ถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง " คุณแน่ใจแล้วหรือไม่ว่าต้องการออกจากโรงพยาบาลวันนี้"

"แน่ใจ" เลขาเหยี่ยนพยักหน้าอย่างไม่ต้องใช้ความคิด

“ งั้นเรามาตกลงเรื่องปัญหาที่พักกันก่อน”

“ ปัญหาเรื่องที่พัก ... อันนี่ยังต้องตกลงกันอีกเหรอ”

"ในเมื่อตอนนี้คุณท้องอยู่ ยังมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ แน่นอน ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้คุณอยู่ที่คอนโดคนเดียวอีกต่อไปไม่ได้"

"คุณหมายความว่า ... คุณต้องการที่จะอยู่รวมกับฉัน" เลขาเหยี่ยนมองเขาด้วยความประหลาดใจ

"ฉันเป็นพ่อของเด็ก ไม่สมควรตรงไหน" เฉียวเฟิงถามกลับ

"ไม่ได้แน่นอน ฉัน... ฉันไม่เคยอยู่รวมกับผู้ชายมาก่อน ทำให้ฉันจะนอนไม่หลับ" เลขาเหยี่ยนพูดอย่างกังวลใจมาก

อาศัยอยู่รวมกับเฉียวเฟิง เธอและเขาดูเหมือนยังไม่สนิทสนมถึงขั้นนั้น แม้ว่าเธอจะท้องลูกของเขาอยู่ แต่ครั้งนั้นมันเป็นแค่ความผิดพลาดและครั้งนั้นครั้งเดียว เธอยิ่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอยิ่งรู้สึกความคิดของเฉียวเฟิงนั้นดูตลกมาก เธอยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกเป็นไปไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น

เธอไม่สามารถจินตนาการถึงภาพที่เธอและเฉียวเฟิงอาศัยอยู่ด้วยกัน โอ้พระเจ้า...

เฉียวเฟิงเห็นหน้าที่ขยับไปมาของเธอ ได้แต่กลั้นยิ้ม " เธอวางใจได้ ก่อนแต่งงาน ฉันจะไม่แตะต้องตัวเธอแม้แต่ปลายผม"

เมื่อเลขาเหยี่ยนได้ยินเขาพูดแบบนี้แล้ว ค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย

ก็ใช่อยู่ ตอนนี้ขาเท้าของเขายังขยับไม่สะดวก ต่อให้เขาอยากจะแตะต้องเธอมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น นอกจากนี้ในสัปดาห์หน้าเขาก็จะเริ่มการผ่าตัดแล้ว ถึงเวลานั้นเขาจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน พูดตามตรง ใจคอเธอทำไม่ลงที่จะปล่อยให้เขาผ่าตัดอยู่ที่บ้านคนเดียว

“ งั้น ... กลับบ้านคุณหรือกลับบ้านฉัน”

"แล้วแต่คุณสบายใจ."

"อืม ... "เลขาเหยี่ยนคิดอยู่สักครู่ "งั้นก็กลับบ้านของฉันดีกว่า สวนบ้านเล็ก ๆ ของคุณนั้นเต็มไปด้วยความทรงจำที่ดีๆของคุณกับไป๋มู่ชิง ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ"

เฉียวเฟิงหัวเราะขึ้นมา " บ้านหลังนั้นฉันได้คืนให้พี่ชายฉันไปเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ตัวฉันเองก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ถ้าคุณคุ้นเคยกับการอยู่ในบ้านของตัวเอง ฉันไม่ถือสาที่จะเป็นผู้ขออาศัย"

“ ถ้าคุณไม่ถือสา งั้นก็ดีที่สุด” เลขาเหยี่ยนพูด “ และที่สำคัญที่ฉันอยู่จากประตูชุมชนถึงลิฟต์จากนั้นถึงอาคารสะดวกสำหรับคุณเข้าออกมาก ”

เฉียวเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า: "ถ้าอย่างนั้นคุณค่อยๆกิน ฉันจะไปทำเรื่องการออกจากโรงพยาบาล"

"โอเค ขอบคุณ."

-

หลังจากหนึ่งชั่วโมงต่อมา ทั้งสองกลับไปที่คอนโดของเลขาเหยี่ยนที่อยู่ก่อนหน้านั้นด้วยกัน

คอนโดแบบสองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น ที่มีขนาดกว้างขวางและสว่างสดใส ขณะที่เลขาเหยี่ยนไปเปิดผ้าคลุมกันฝุ่นบนโซฟาออกพร้อมกับแนะนำเฉียวเฟิงถึงภายในของบ้าน

“ คุณอยู่ห้องนี้ก็แล้วกัน” เลขาเหยี่ยนพาเขาไปที่ห้องนอนแขก

เฉียวเฟิงพยักหน้า: "ได้"

เลขาเหยี่ยนได้จัดปูที่นอนในห้องให้เขาพักผ่อน เมื่อเดินผ่านประตูห้องน้ำไป เลขาเหยี่ยนก็หยุดเดินกะทันหัน หันตัวไปจ้องมองเขา "คุณสามารถอาบน้ำเองได้หรือเปล่า ... ให้ฉันช่วยคุณ ”

“ ฉันอาบเองได้” เฉียวเฟิงพูด

เฉียวเฟิงมองไปที่ห้องนอนแขกที่ดูสะอาดสว่างสดใส หันหน้าไปมองเธอแล้วถามว่า "ห้องนี้ ... ก่อนหน้านั้นเคยมีคนอยู่มาก่อนหรือเปล่า "

จริงๆแล้วในใจลึกๆของเขาก็มีความรู้สึกอึดอัดใจเช่นกัน แม้จะรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่มั่วซั่ว แต่ก็ไม่อยากอยู่ในห้องที่เคยมีคนอยู่มาก่อน ยิ่งไม่ชอบนอนบนเตียงที่เคยมีคนนอนมาก่อน

“ ไม่มีคะ ฉันไม่เคยพาเพื่อนมาบ้าน”

เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ เฉียวเฟิงแอบดีใจลึกๆข้างในใจ

"คุณนอนเลือกเตียงไหม" เลขาเหยี่ยนถามต่อ

"ไม่"

"งั้นก็ดีมาก" เลขาเหยี่ยนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า "เครื่องทำน้ำอุ่นข้างในใช้งานแบบเดียวกับเครื่องที่บ้านของคุณ คุณอาบน้ำเช้าๆหน่อย จะได้พักผ่อนแต่เช้า"

"ต้องการให้ฉันช่วยทำความสะอาดบ้านหรือเปล่า" เฉียวเฟิงถามอย่างเกรงใจ

"ไม่ต้อง ไม่มีอะไรให้คุณต้องทำความสะอาด" เลขาเหยี่ยนตอบแบบยิ้มๆ

"โอเค คุณก็รีบพักผ่อนเถอะ"

"โอเค ฉันออกไปก่อน" เลขาเหยี่ยนออกจากห้องนอนของเขา ระหว่างนั้นเธอยังช่วยปิดประตูห้องนอนให้เขา ยืนอยู่ตรงขอบประตู เธอถอนหายใจเบาๆ ความรู้สึกที่พาชายกลับบ้านอยู่ที่บ้านนั้นอึดอัดใจจริงๆ ไม่มีความเป็นส่วนตัวแม้แต่น้อย

เธอยกฝ่ามือขึ้นลูบไล้บนหน้าท้องแบนของเธอโดยไม่รู้ตัว มีชีวิตเล็ก ๆ หนึ่งอยู่ในท้องของเธอยิ่งอึดอัดใจมากกว่า

แบบนี้จะให้ทำยังไงได้ ไม่เกิดขึ้นเกิดขึ้นแล้ว เธอทำได้แต่ยอมรับมัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด