เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 259

เฉียวซือเหิงรีบดูเอกสารที่ทนายความส่งมาให้อย่างรีบร้อนรวดเร็ว ใบหน้าของเขาค่อยๆเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย

ทนายความเฝิงมองเห็นถึงสีหน้าของเขาที่เปลี่ยนไป เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง "คุณชายเฉียวคุณไม่ต้องกังวลให้มากเกินไป ผมจะพยายามช่วยคุณอย่างเต็มที่เพื่อให้ชนะคดีความนี้

เฉียวซือเหิงเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาแล้วถามว่า "คุณมั่งใจแค่ไหน"

"ตอนนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้ ฉันได้รู้มาจากปากของคนคุ้นเคยคนหนึ่งว่า ศาลปฏิเสธคำอุทธรณ์ของหนานกงเฉินเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ" ทนายความเฝิงยิ้มออกมาขณะกล่าวว่า " เพราะยังไงเรื่องมันก็ผ่านมาเป็นเวลาสามปีกว่าแล้ว แถมเรื่องเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลเฉียว หนานกงเฉินอยากจะตรวจสอบเอกสารหลักฐานที่สำคัญต่อคดีแล้วล่ะก็มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย "

เฉียวซือเหิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พูดอย่างไม่เป็นสุข "ตราบใดที่เขายังยืนยันที่จะฟ้องร้องฉัน ไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะสามารถหาจนหลักฐานได้"

"ก่อนหน้านั้นที่คุณชายเฉียวลักพาตัวหว่านชิงไปก็เพราะเจตนาดี หลังจากนั้นก็คืนหว่านชิงให้กับคุณหนูไป๋ด้วยตัวเอง ซึ่งมันแตกต่างจากลักษณะของการค้าทารก ดังนั้น ... " ทนายความเฝิงหยุดไปชั่วคราวแล้วกล่าวต่อว่า " ดังนั้น ถอนออกมาหนึ่งหมื่นก้าวมาพูด ต่อให้หนานกงเฉินหาหลักฐานจนพบ แต่จุดจบของคุณชายเฉียวก็ไม่ได้เลววร้ายขนาดนั้น และทีมทนายความของเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดบรรเทาโทษของคุณ"

แม้ว่าทนายความจะพูดอย่างไม่เย้แส ไม่ว่าจะว่ายังไงก็ตาม การลักพาตัวของหว่านชิงนั้นก็เป็นความจริง และตอนนี้หนานกงเฉินก็มีท่าทีว่าต้องการจะส่งเขาเข้าคุกให้ได้

หนานกงเฉินเกลียดเขาขนาดแค่ไหน เขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไรมากก็เดาได้สบายๆ ดังนั้นไม่ว่าทนายความเฝิงจะปลอบใจเขายังไงมากแค่ไหนเขาก็ไม่อาจรู้สึกวางใจได้

หลังจากทนายความเฝิงจากไป เฉียวซือเหิงนั่งอยู่บนเก้าอี้คนเดียว เริ่มอ่านข้อมูลที่ทนายความเฝิงส่งให้เขาเมื่อกี้อย่างละเอียด

มีเสียงเคาะประตูห้องทำงานอย่างกะทันหัน เฉียวซือเหิงตะโกนไปที่ประตู "เข้ามา"

เลขาผู้หญิงผลักประตูเดินเข้ามากล่าวว่า "ท่านประทานเฉียว คุณชายรองเฉียวมาคะ"

เฉียวเฟิงนั่งขยับรถเข็นแล้วค่อยๆเข้ามาช้าๆ เฉียวซือเหิงวางเอกสารในมือลงในลิ้นชักก่อนจะมองไปที่เขาแล้วพูดว่า "หาฉัน มีธุระเรื่องอะไร "

เฉียวเฟิงพยักหน้า เฉียวซือเหิงไม่รอให้เขาได้เอยปากพูดก่อน ก็ถามขึ้นมาอย่างสอบสวน " ที่ฉันให้เธอทำความคุ้นเคยเข้าใจกับธุรกิจของบริษัท เธอเริ่มทำความเข้าใจหรือยัง"

"ทำความเข้าใจบ้างแล้ว" เฉียวเฟิงตอบอย่างงง ๆ "พี่ชายใหญ่ทำไมพี่ถึงต้องการให้ฉันทำความเข้าใจเรื่องของบริษัท "

"ธุรกิจของบ้านตัวเอง ทำความเข้าใจไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน"

“ พี่รู้ทั้งรู้ว่าคุณแม่ไม่ชอบให้ฉันมีส่วนยุ้งเกี่ยวกับบริษัท ”

“ เรื่องส่วนยุ้งเกี่ยวก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่เธอต้องทำความเข้าใจไว้บ้าง ถ้าวันหนึ่งฉันโดนรถชนตายล่ะ เดียวบริษัทก็ต้องแตกตัวไป”

“ พี่ครับ พี่คุยอะไรกัน”

"ฉันแค่พูดว่าถ้าหากวันหนึ่ง " เฉีนวซือเหิงกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง " บริษัทหนานกงกรุ๊ป เป็นตัวอย่างที่มีให้เห็นเป็นอย่างดี ทันทีที่หนานกงเฉินล้มลง บริษัทก็ถูกกลุ่มคนที่หิวโหยอย่างกับเสือยึดไปทันที ฉันไม่ต้องการให้ตระกลูเฉียวเดินตามรอยเท้าของ บริษัทหนานกงกรุ๊ป"

“ พี่ใหญ่ไม่วางใจได้ ผมจะใช้ความเชี่ยวชาญของผมดูแลเป็นอย่างดี และพี่ก็ไม่มีวันถูกรถชนตายหรอก เฉียวเฟิงพูดอย่างยิ้มๆ

เฉียวซือเหิงสูบหายใจเบา ๆ พยักหน้า แล้วมองไปที่เขา "เธอหาฉันมีธุระเรื่องอะไรเปล่า"

"พี่ชายครับ ครั้งก่อนที่พี่เคยบอกผมว่าเมืองนอกมีหมอที่เก่งมากคนหนึ่ง ที่สามารถรักษาขาของผมให้หายเป็นปกติได้ ตอนนี้ยังสามารถคติดต่อเขาได้ไหม"

เฉียวซือเหิงคาดไม่ถึงว่าเขาจะถามคำถามนี้ขึ้นมา บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แล้วก็มองไปที่เขาอีกครั้ง " ครั้งล่าสุดที่ฉันบอกเธอเธอบอกว่ากลัวการผ่าตัดจะไม่สำเร็จไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงนึกขึ้นมาถามตอนนี้ "

“ ตอนนี้ฉันอยากลองดู”

"ฉันเคยบอกแล้ว ว่าการผ่าตัดอาจไม่ประสบความสำเร็จ และหลังจากการผ่าตัดขั้นตอนการพักฟื้นตัวจะเจ็บทรมานมาก เธอท้อใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนี่ ทำไมครั้งนี้ไม่กลัวความเจ็บทรมานแล้วหรอ" ความสับสนและประหลาดใจบนใบหน้าของเฉียวซือเหิงยังคงไม่ลดลง .

ตัวเฉียวเฟิงเองนั้นก็เรียนจบแพทย์ออกมา แน่นอนว่าเขารู้เรื่องระยะการพักฟื้นหลังผ่าตัดนั้นเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน แต่ถ้าหากสามารถทำให้ตัวเองลุกขึ้นยืนได้แล้วล่ะก็ แล้วใครจะไปกลัวความทรมานลำบากในปีครึ่งนั้นจริงๆ

สาเหตุที่เขาปฏิเสธการผ่าตัดครั้งก่อนนั้นไม่ใช่เพราะการผ่าตัดนั้นอาจจากไม่ประสบความสำเร็จ และไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดทรมาณหลังจากการผ่าตัด แต่เป็นเพราะ ... ในเวลานั้นในใจเขายังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อไป๋มู่ชิงเขา ใจหนึ่งเขารู้สึกว่าเขาไม่ควรหลอกลวงเธอ และอีกใจหนึ่งก็กลัวว่าเขาจะทอดทิ้งตัวเองไป

ในตอนนั้นเขาคิดแต่ว่าถ้าหากขาของเขาหายเป็นปกติแล้ว เขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ตลอดไปที่แค่กอดเขานอนเชยๆทุกคืนโดยไม่ทำอะไรเลย แต่ เขาไม่อยากทำอะไรไป๋มู่ชิงในขณะที่เธอสูญเสียความทรงจำนี้อยู่ ในความคิดของเขาเขาไม่สามารถทำสิ่งที่ผิดจริยธรรมได้ เขาทำไม่ลง

ขณะเดียวกันเขาคิดว่าถ้าขาของเขาหายเป็นปกติแล้ว เมื่อไรที่ไป๋มู่ชิงความทรงจำกลับมาแล้วก็จะทิ้งเขาไปอย่างแน่นอน เขากำลังใช้ความด้อยของเขาแลกกับความใจอ่อนของเขาเพื่อมัดตัวเขา

ตอนนี้ไป๋มู่ชิงกลับไปอยู่เคียงข้างกับหนานกงเฉินแล้ว หาความสุขที่แท้ของตัวเองกลับมาแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องต่อต้านการรักษาอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้างกายของเขามีหญิงท้องเพิ่มเข้ามาคนหนึ่งคือเหยียนเยว่นั้นเอง

"ฉันไม่กลัวความเจ็บปวดทรมาน" เขากล่าว

"อะไรทำให้เธอมีแรงจูงใจมากขนาดนี้" เฉียวซือเหิงถามอย่างเก็บเสียงหัวเราะไม่ได้ "คงไม่ใช่เพราะถูกหนานกงเฉินกระตุ้นประสาทมานะ กะว่าจะรักษาขาให้หายดีก่อนค่อยไปเปิดศึกกับเขาหรอ"

“ เดิมทีมู่ชิงก็เป็นภรรยาของเขาอยู่แล้ว คืนเธอให้กับเขาเป็นเรื่องปกติธรรมดา ฉันไม่ได้เกลียดเขามากเท่าที่พี่คิด” เฉียวเฟิงมองเขาและหันมาปลอบใจเขาแทน “ พี่ชาย ฉันหวังว่าสงครามระหว่างพี่กับหนานกงเฉินให้ยุติมันโดยเร็วที่สุดเถอะ”

“ ไม่ สงครามระหว่างฉันกับเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้น” เฉียวซือเหิงกล่าว

“ หมายความว่าไง”

"ไม่มีอะไร" เฉียวซือเหิงไม่อยากให้เขารู้เรื่องที่หนานกงเฉินฟ้องเขาเรื่องการลักพาตัวค้าเด็กทารก

เฉียวเฟิงไม่รู้จะทำยังไงได้แต่เกลี้ยกล่อมเขา "พี่ชาย พูดอย่างเป็นธรรมจริงๆแล้ว พี่เป็นคนที่คอยเล่นสกปรกกับเขามาตลอด เขาไม่เคยทำเรื่องอะไรหรือสิ่งไม่ดีต่อพี่เลย, ฉันรู้ว่าพี่ทำเพื่อฉัน แต่ว่า.... "

"วางใจได้ ฉันไม่ได้ทำอะไรกับเขา" เฉียวซือเหิงกล่าว ที่ผ่านมามีแต่เขาที่คอยเล่นสกปรกต่อหนานกงเฉินมาตลอด แต่ว่าตอนนี้กับกลับกัน เป็นหนานกงเฉินกำลังแก้แค้นเล่นงานเขา

ความสามารถและนิสัยของหนานกงเฉินเขารู้ชัดเจนดี ถ้าเขาเล่นจริงจังขึ้นมาจริงๆ เขาไม่ใช่คู่แข่งของเขาเลย โดยเฉพาะในเรื่องของหว่านชิงแล้วล่ะก็

เฉียวซือเหิงสูดลมหายใจเบา ๆ แล้วมองไปที่เฉียวเฟิงพูดว่า "ฉันจะติดต่อกับหมอมู่เซิ่นก่อน จะพยายามเชิญเขามาที่โรงพยาบาลของเราช่วยทำการผ่าตัดให้เธอ แบบนี้เธอจะได้ไม่ต้องบินไปต่างประเทศด้วยตัวเองคนเดียว ”

“ เขาจะยอมมาไหม”

"ต้องจ่ายราคาสูงอยู่แล้ว และ ... เขาน่าจะให้เกียรติฉันมาที่นี่ครั้งหนึ่งนะ"

“ ต้องนานแค่ไหน”

“ เธอรีบมากหรอ ” เฉียวซือเหิงจ้องเขา

"รีบมากครับ" เฉียวเฟิงพยักหน้า เมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั้นรีบร้อนจนขึ้นหัวไปหน่อย เขารีบพูดขึ้นมาอย่างทำตัวไม่ถูก "ฉันหมายความว่า ... ในเมื่อจะทำ ก็อยากจะรีบทำให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องเก็บมากังวลอยู่ตลอดเวลา."

เฉียวซือเฟิงพยักหน้า "ดี เดียวฉันจะติดต่อเขาเลย"

"ขอบคุณครับพี่ชาย" เฉียวเฟิงกล่าวอย่างมีความหวัง

เฉียวซือเฟิงมองเขากะพริบตาไปมา "ถ้าเธออยากขอบคุณฉันจริงๆ งั้นก็ช่วยบอกความจริงกับฉันหน่อย ว่าทำไมเธอถึงอยากรีบเดินได้เร็วขนาดนี้"

เฉียวเฟิงจ้องมองเขา เงียบไปสองสามวินาทีก่อนที่จะพูดว่า "พี่ชายครับ รอให้การผ่าตัดเสร็จสำเร็จก่อนฉันค่อยบอกพี่"

ถ้าหากการผ่าตัดล้มเหลว งั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเขา เขาคิดอย่างนั้น

เฉียวซือเฟิงไม่ได้ทำให้เขาต้องลำบากใจ พยักหน้า "ได้ เย็นๆหน่อยฉันจะโทรหาเธออีกที"

-

หนานกงเฉินมาถึงที่บริษัทตั้งแต่เช้า เลขาหลินได้เดินตามเขาเข้าไปที่ห้องทำงานแล้วพูดว่า " คุณชายเฉินคะ ผู้ถือหุ้นทั้งหมดได้มาถึงพร้อมเพียงกันหมดแล้ว ไม่ทราบว่าจะเข้าประชุมคณะกรรมตอนนี้เลยหรือเปล่าคะ"

"ช่วยแจ้งพวกเขาหน่อย ฉันจะถึงเร็ว ๆ นี้" หนานกงเฉินได้นำเสื้อกันลมแขวนไว้บนราวแขวนเสื้อ แล้วมือหนึ่งก็เปิดโทรศัพย์มือถือขึ้นอีกมือหนึ่งก็รับชาจากเลขาสาวมาจิบ

ดื่มแค่คำเดียวก็ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว เขามองถ้วยชาแล้วเหลือบไปมองเลขาสาว "นี่มันรสชาติอะไร"

เลขาสาวรีบพูดว่า "คุณชายเฉิน นี่คือชาดอกกระเจี๊ยบ ช่วยบำรุงเลือด บำรุงกระเพาะอาหาร เป็นนายหญิงน้อยสั่งไว้ว่าชงให้คุณดื่มวันละหนึ่งแก้วคะ"

"นายหญิงน้อย"

“ อืม นายหญิงน้อยบอกว่าดอกกระเจี๊ยบเหล่านี้เธอเป็นคนเก็บมาและตากแห้งเองกับมือ ปลอดสารพิษ คุณชายเฉินสามารถดื่มได้อย่างสบายใจ” เลขาสาวกล่าว

“ แล้วเขาได้บอกเธอหรือเปล่า ว่ารสชาตินี้ดื่มยากมาก”

“ เอ่อ ... นายหญิงน้อยบอกว่ารสชาติดีมากคะ”

หนานกงเฉินมองไปที่ถ้วยอีกครั้ง จากนั้นก็ยื่นไปให้เธอ "ช่วยไปเติมน้ำผึ้งให้ฉันหน่อย"

"โอเคคะ" เลขาสาวเดินออกไปพร้อมกับถ้วย

หนานกงเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานโทรออกไปยังเบอร์ของไป๋มู่ชิง ไม่รอให้ไป๋มู่ชิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ได้พูดก่อนเขาก็พูดมาก่อนว่า "ฉันว่าทำไมดอกกระเจี๊ยบที่อยู่หลังบ้านทำไมดอกยิ่งออกยิ่งน้อยลง ที่แท้โดนคุณเด็ดหมดแล้วนี่เอง"

ไป๋มู่ชิงยิ้มแล้วพูดว่า "ทำไม คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"

"แน่นอนฉันต้องมีปัญหาอยู่แล้ว คุณเด็ดฉันกิน ไม่ยุติธรรมเลย"

“ ฉันนึกว่าคุณจะซึ้งใจซะอีก”

"ขออภัย รสชาตินั้นทำให้ฉันซึ้งใจไม่ขึ้นจริงๆ"

"นั่นเป็นรสชาติของความรัก"

"พูดไร้สาระ รสชาติของความรักจะดื่มยากขนาดนั้นได้อย่างไร" หนานกงเฉินโต้กลับ

"เปรี้ยวๆหวานๆ มันออกจะอร่อยขนาดนั้น" ไป๋มู่งชิงกล่าว "สิ่งที่สำคัญที่สุดคือดื่มแล้วดีต่อสุขภาพร่างกาย คุณช่วยกรุณาดื่มเข้าไปให้กับฉันดีๆล่ะ"

“ ในเมื่อดีขนาดนี้ แล้วทำไมคุณไม่ดื่มเองล่ะ”

“ ฉันดื่มไปแล้ว เมื่อกี้ฉันยังดื่มอยู่เลย”

"จริงเหรอ อย่ามาโกหกฉัน"

“ คุณชายใหญ่คะ ตอนนี้คุณเป็นโรคอะไรหรือเปล่า ไม่ว่าจะดื่มยาดื่มนมดื่มชาดอกอะไรก็ตามจะต้องให้คนอื่นดื่มเป็นเพื่อนด้วยใช่ไหม”

"โดนตามใจจนเสียนิสัยจริงๆ" หนานกงเฉินอมยิ้มขณะจิบชาดอกกระเจี๊ยบที่เลขาสาวส่งเข้ามาให้อีกครั้งคำหนึ่ง และแล้วค่อยดื่มง่ายขึ้นมาหน่อย

ไป๋มู่ชิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์เก็บยิ้มแล้วพูดว่า " พอได้แล้ว ไม่ใช่ว่าวันนี้คุณมีจัดการประชุมคณะกรรมการขึ้นหรอ รีบไปได้แล้ว"

"ดื่มชาอันเปรี้ยวจี๊ดนี้ของคุณหมดก่อนก็จะไปล่ะ " หนานกงเฉินกล่าว

"งั้นคุณค่อยๆชิมนะ" ไป๋มู่ชิงพูดแบบกำชับ "คืนนี้กลับมาเร็วหน่อยนะ"

"ฉันรู้นะ" หนานกงเฉินวางสายโทรศัพท์ ดื่มชาในถ้วยจนหมดแล้ว ถึงลุกขึ้นเดินไปที่ห้องประชุม

ผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมดมาถึงหมดแล้ว เหลือแต่ที่นั่งของท่านประทานนั้นยังว่างอยู่ หนานกงเฉินเดินตรงไปที่นั่งท่านประทานเหมือนตามเคย มองดูรอบ ๆ ก่อนจะนั่งลง

“ท่านประทานเซิ่งไม่มาเหรอ” เขาถามอย่างเรียบเฉยมาคำหนึ่ง

“ ท่านประธานเซิ่งวันนี้ร่างกายไม่ค่อยสบาย ไม่ได้มาบริษัท” เลขาสาวกล่าว

“ เป็นเพราะร่างกายไม่ค่อยสบายหรือว่าไม่กล้ามาบริษัท คิดว่าทุกคนคงจะรู้ดี” หนานกงเฉินเหลือบมองทุกคนที่นั่งอยู่ในนี้อีกครั้ง

ทุกคนได้แต่ก้มหน้าลง ไม่มีใครพูดอะไร

คนบางส่วนที่นั่งอยู่ตรงนี้เคยเป็นผู้สนับสนุนของเซิ่งตงหยางมาก่อน แต่วันนี้เซิ่งตงหยางเกิดปัญหาขึ้น ในขณะที่พวกเขากำลังรู้สึกผิดนั้น ต่อหน้าหนานกงเฉินแล้วก็ตกที่นั่งลำบากเช่นกัน พวกเขาไม่มีใครคิดว่าหนานกงเฉินจะสามารถคลานออกมาจะเส้นความตายได้ และยังสามารถแย้งหุ้นที่อยู่ในมือของเซิ่งตงหยางกลับมาได้

แต่ตอนนี้จะรู้สึกผิดมันสายเกินไปแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ก็ต้องแล้วแต่เวรกรรมแล้ว

หนานกงเฉินทำไมจะไม่เข้าใจความคิดของพวกเขา หลังจากที่มองพิจารณาพวกเขาทีละคนแล้ว เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลกเล็กน้อย "ต้องขอโทษทุกคนอย่างมาก ฉันกลับมาแล้ว"

หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ผู้ถือหุ้นรายย่อยคนหนึ่งก็หัวเราะครึกๆออกมาพูดเอาใจเขา "คุณชายเฉินพูดอะไรน่ะ คุณชายเฉินฟื้นหายดีออกจากโรงพยาบาลพวกเราทุกคนดีใจกับคุณมาก ทุกคนว่าใช่ไหม"

ทุกคนพยักหน้า

"ใครหวังให้ฉันตาย ฉันจะไม่รู้แก่ใจได้ยังไงว่าใครหวังอยากให้ฉันตาย ก่อนหน้านั้นคนที่เคยร่วมมือกับเซิ่งตงหยางต่อต้านเลขาเหยียน วันนี้ตอนนี้น่าจะเริ่มนั่งไม่เป็นสุขแล้วสินะ " หนานกงเฉินหัวเราะอย่างเยาะเย้ย " อันที่แท้ไม่จำเป็นต้องกังวลขนาดนั้น ธุระกิจก็เหมือนกับสนามรบ พวกคุณเลือกผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเป็นที่พึ่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ สามารถเข้าใจได้ "

"คุณชายเฉิน พวกเรา ... ก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน"

"ฉันบอกแล้ว ว่าฉันเข้าใจ" หนานกงเฉินเหลือบมองไปคนที่กำลังพูด

จากนั้นเขาก็เปลี่ยนคำพูดแล้วพูดว่า "เอาล่ะ เรามาพูดประเด็นที่จะประชุมในวันนี้กันเถอะ เซิ่งตงหยางได้ฉ้อโกงหุ้นที่อยู่ในมือของคุณย่าแย่งชิงตำแหน่งของประธาน ใช้ช่วงเวลาที่เขารับผิดชอบและตำแหน่งของเขาเพื่อดึงเอาทรัพยากรของบริษัทไปใช้ที่บริษัทจื้อหย่วน การกระทำแบบนี้ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงของข้อบังคับของบริษัท และก่อนหน้านั้นที่เซิ่งเคอได้หมุนเงินก้อนใหญ่นั้นไปก็ถูกเซิ่งตงหยางยุยงด้วยเช่นกัน อย่างคนประเภทนี้ถ้ายังปล่อยให้เขาอยู่ในบริษัทต่อไป ก็จะเป็นหายนะวันยังค่ำ ทุกคนเห็นด้วยกับความเห็นนี้ไหม "

ทุกคนพากันพยักหน้าขึ้นมา

หนานกงเฉินกล่าวต่อไปว่า " เนื่องจากทุกคนรู้สึกว่าเขาไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในบริษัทอีกต่อไป จึงควรปลดเขาออกจากตำแหน่ง ทุกคนเห็นด้วยหรือไม่ ท่านไหนที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถแสดงข้อความคิดเห็นออกมา"

ทุกคนพยักหน้าอีกครั้ง ในเวลานี้ต่อให้หนานกงเฉินจะบอกว่าจะเอาเซิ่งตงหยางไปฟัน ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้าน

หนานกงเฉินหันไปบอกให้เลขาหลินว่า " หลังการประชุมให้แจ้งท่านประทานเซิ่งว่า หลังจากประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ถอดตำแหน่งทั้งหมดของเขาในบริษัทหนานกงกรุ๊ป"

"ได้คะ คุณชายเฉิน " เลขาหลินพยักหน้า

หนานกงเฉินยังคงพูดกับทุกคนต่อว่า "ในระหว่างที่ฉันป่วย บริษัทก็ล้มป่วยตามไปด้วย ได้รับผลกระทบไม่น้อย แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัท เพื่อให้บริษัทมีการพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ฉันจึงได้ตัดสินใจปรับเปลี่ยนคนและตำแหน่งระดับสูงของบริษัทครั้งใหญ่ นี่คือตารางการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ... "

เขาทำสัญญาณมือขึ้น เลขาสาวจึงได้ทำการแจกตารางเอกสารการปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่อยู่ในแฟ้มให้กับทุกคน

หลังจากที่ตารางการปรับเปลี่ยนตำแหน่งงานถึงมือทุกคนแล้ว ภายในห้องประชุมก็มีความวุ่นวายและการพูดคุยกันเกิดขึ้นเล็กน้อย มีบางคนก็ดีใจและมีบางคนก็ต้องผิดหวัง

ภายในระยะเวลาหนึ่งถึงสองเดือนนี้ ได้ผ่านการปรับเปลี่ยนเคลื่อนไหวตำแหน่งครั้งใหญ่มาถึงสองครั้ง ความรู้สึกในใจของทุกคนก็ต้องมีขึ้น ๆ ลง ๆ เหมือนกับรถไฟเหาะ

“ สำหรับการจัดวางแบบนี้ ทุกคนมีข้อสังสัยอะไรไหม ” หนานกงเฉินถามออกมาประโยคหนึ่ง

บริษัทหนานกงกรุ๊ปนอกจากหุ้น 50% ที่ออกให้แก่สาธารณชนแล้ว ตระกูลหนานกงก็ได้ถือหุ้นถึง 30% ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่สุดและเป็นผู้มีอำนาจควบคุมอย่างแท้จริง สำหรับการปรับเปลี่ยนโอนตำแหน่งระดับสูงในบริษัทนั้นถือว่าอยู่ในอำนาจของเขาทั้งหมด

คำถามที่หนานกงเฉินถามนั้น แค่ถามให้เป็นมารยาทเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะขอความคิดเห็นจากใคร

และในใจของทุกคนก็เข้าใจจุดนี้เป็นอย่างดี แม้ว่าในใจจะมีความผิดหวังและไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแสดงออกแม้แต่การแสดงออกบนใบหน้า

“ การประชุมคณะกรรมการในวันนี้มีประเด็นหลักแค่สองเรื่องนี้ ถ้าทุกคนไม่มีข้อขัดข้องอะไรก็เลิกประชุมได้” หลังจากที่หนานกงเฉินพูดจบได้เหลือบมองทุกคนอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกตัวขึ้น เดินตรงไปที่ทางออกประตูของห้องประชุม

ทันทีที่หนานกงเฉินเดินออกไป ในห้องประชุมก็เหมือนโดนระเบิดเสียงดังขึ้นทันที

ผู้ที่เคยสนับสนุนเซิ่งตงหยางก่อนหน้านี้ไม่ใช่ถูกปลดออกจากตำแหน่งก็ถูกลดตำแหน่ง ผู้ที่เคยติดตาม เลขาเหยี่ยนนั้นก็ได้กลับมาดำรงตำแหน่งสำคัญ

และสิ่งที่ทำให้ทุกคนไม่สามารถยอมรับได้ก็คือผู้ช่วยฝ่ายการตลาดที่เพิ่งจะจบจากมหาวิทยาลัยมาเมื่อไม่กี่ปี ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งตรงขึ้นไปดำรงตำแหน่งผู้ประทานฝ่ายการตลาด

"ตารางการปรับเปลี่ยนนี้ต้องเป็นเลขาเหยี่ยนเป็นคนจัดทำให้กับคุณชายเฉินแน่น่อน" ท่านหนึ่งที่เคยมีความขัดแย้งกับเลขาเหยี่ยนซึ่งตอนนี้ถูกย้ายออกจากตำแหน่งไปอยู่แผนกด้านหลังผู้ถือหุ้นรายย่อยนี้กล่าวขึ้นด้วยความโกรธ " เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการแก้แค้นซึ่งๆหน้าอย่างชัดเจน"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด