เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 260

หลังจากที่ออกมาจากห้องหนังสือ หนานกงเฉินกับไป๋มู่ชิงก็พาคุณหญิงไปตรวจสมองที่โรงพยาบาล

ตอนนั้นที่คุณหมอตรวจเช็คแล้วผลสรุปที่ได้มาก็คือ เป็นผลกระทบที่คุณหญิงได้รับบาดเจ็บครั้งก่อน

ผลตรวจแบบนี้ ก่อนที่จะมาหนานกงเฉินก็เดาได้แล้ว แต่ว่าเขาก็เอ่ยถามอย่างกังวล "แล้วทำไมคุณย่าถึงมีอาการตอนนี้?"

คุณหมอเอ่ยอย่างมีมารยาท "เส้นประสาทได้รับผลกระทบก็แบบนี้แหละครับ จะค่อยๆมีอาการ อย่างเช่นอัลไซเมอร์ของคนแก่ ก็จะค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ"

"แล้วอาการของคุณย่าจะดีขึ้นไหมครับ? คงไม่หนักจน……" หนานกงเฉินอ้าปากจะพูด แต่ก็พูดต่อไม่ได้

คุณหมอก็เอ่ยปลอบใจ "คุณชายเฉินไว้ใจเถอะครับ ถึงแม้ร่างกายคุณหญิงจะไม่ได้แข็งแรงเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าก็ยังถือว่าแข็งแรง ไม่มีทางเกิดอาการที่คุณชายกังวลหรอกครับ แล้วอีกอย่าง ท่านก็อายุมากแล้ว ถึงแม้จะไม่เกิดอุบัติเหตุ สมองก็จะทำงานช้าลง นี่เป็นเรื่องปกติครับ"

"ขอแค่คุณย่าไม่มีอันตรายกับชีวิตก็พอแล้ว" ไป๋มู่ชิงพูดกับหนานกงเฉิน

"ไม่หรอกครับ" คุณหมอเอ่ยปลอบใจ "เมื่อกี้คุณชายเฉินก็สังเกตุเห็นแล้ว ถึงแม้สติของคุณหญิงจะไม่ดีมาก แต่อารมณ์ก็ถือว่าดี ขอแค่ท่านมีความสุขก็พอแล้วไม่ใช่เหรอครับ?"

หนานกงเฉินหันไปบริเวณพักผ่อนที่นอกห้องทำงานคุณหมอ ก็เห็นว่าคุณหญิงกำลังเล่นหัวเราะกับเสี่ยวหว่านชิงอย่างมีความสุข

หลังจากที่เดินออกมาจากห้องของคุณหมอ ไป๋มู่ชิงก็หันไปทางหนานกงเฉินแล้วกุมมือของเขาไว้ "เฉิน คุณย่าดูแลนายมาทั้งชีวิต ตอนนี้ก็ถือว่าปล่อยวางได้แล้ว เราก็ควรจะดีใจแทนท่านสิ"

หนานกงเฉินยิ้มอย่างขมขื่นแล้วเอ่ย "กว่าโรคของผมจะหาย แล้วเธอกับหว่านชิงก็กลับมา คุณย่าที่ควรจะมีความสุขแต่กลับป่วย"

"คุณย่าไม่เป็นอะไรหรอก อย่าเสียใจเลย"

"อื้อ ผมไม่เสียใจ" หนานกงเฉินยิ้มไปที่เธอแล้วเดินไปทางคุณหญิงกับเสี่ยวหว่านชิง

--

หลังจากที่ท้อง ถึงแม้ซูซี่จะถูกปล่อยออกมาจากห้อง แต่ก็เดินออกคฤหาสน์ตระกูลเฉียวไม่ได้ แม้แต่เดินเล่นในสวนก็ยังมีคนตาม

คุณหญิงเฉียวที่ถูกเฉียวซือเหิงส่งตัวไปอยู่ต่างประเทศ เมื่อได้ยินว่าซูซี่ท้อง ก็เอาแต่บ่นว่าจะกลับมาดูแลซูซี่กับหลานของท่าน

เมื่อท่านรู้ว่าเฉียวซือเหิงขังซูซี่ไว้ในบ้าน ก็จับมือของซูซี่ไว้แล้วเดินมานั่งลงบนโซฟาพร้อมกับเอ่ยตำหนิ "ซือเหิงทำเกินไปจริงๆ ขังเธอเหมือนผู้ต้องหาได้ยังไง?"

ซูซี่มองไปทางคุณหญิงเฉียว แล้วในใจแอบคิดว่าเรื่องนี้ท่านไม่มีส่วนหรอ?

เหมือนว่าคุณหญิงเฉียวจะรู้ในสิ่งที่เธอคิดก็รีบอธิบาย "ซูซี่ เรื่องนี้ฉันไม่เกี่ยวด้วยนะ ซือเหิงโกหกฉันว่าจะอยู่กับเธอสองต่อสองแล้วให้ฉันไปเที่ยวเล่นที่ต่างประเทศ ฉันเพิ่งได้ข่าวว่าเธอท้องเมื่อวานก็รีบกลับมาทันที"

"รีบกลับมาแล้วยังไงคะ?" ซูซี่มองไปที่ท่าน

"เออ……รีบกลับมาดูแลเธอไง" คุณหญิงเฉียวมองไปที่ท้องน้อยของเธอแล้วยิ้ม "ถึงแม้ฉันจะไม่สนับสนุนซือเหิงให้ทำแบบนี้ แต่ในเมื่อท้องแล้ว ก็คลอดเด็กออกมาอย่างปลอดภัยเถอะ"

"คุณแม่ หนูไม่อยากได้เด็กคนนี้" ท่าทางซูซี่หนักแน่นมาก

แต่คุณหญิงเฉียวกลับร้อนรนแล้วจับมือของเธอทั้งสองข้างไว้ "ทำไม? ซูซี่ นี่เป็นลูกของเธอกับซือเหิง เธอจะไม่เอาได้ยังไง?"

เมื่อเห็นสีหน้าของซูซี่มีน้ำตา คุณหญิงเฉียวก็รีบเอ่ย "ซูซี่ ฉันรู้ว่าเธอกับซือเหิงไม่รักกัน แต่ในเมื่อพวกเธอแต่งงานกัน แล้วไม่คิดที่จะหย่าด้วย ทำไมไม่คลอดเด็กออกมาล่ะ?"

"ซูซี่……" คุณหญิงจับมือเธอไว้แน่น "ตอนนั้นที่พ่อเธอเสียไปก็ฝากเธอไว้กับแม่ ตอนนั้นแม่ก็ตกลงเขาว่าจะเลี้ยงดูเธอให้โต พอเธอโตแล้วก็จะแต่งงานกับซือเหิง แล้วเป็นว่าที่คุณหญิงของตระกูลเฉียว ตอนนั้นที่พ่อเธอได้ยินก็ดีใจมาก ความจริงคู่ชีวิตในตระกูลร่ำรวยมีแค่ไม่กี่คู่เท่านั้นที่รักกันจริง แม่กับคุณพ่อซือเหิงก็แต่งงานกันเพราะวงศ์ตระกูล แต่ก็ผ่านมันมาด้วยกันแล้วไม่ใช่หรอ?"

"ใช่ ถึงแม้คุณพ่อของซือเหิงเลี้ยงเมียน้อยแล้วเลี้ยงลูกชายไว้นอกบ้าน แต่ว่าเขาไม่คิดที่จะทำให้ตำแหน่งของแม่หวั่นไหวเลย ถึงแม้แม่จะทำให้ผู้หญิงคนนั้นตาย เขาก็ยังช่วยแม่แล้วรักษาชีวิตของแม่ไว้" คุณหญิงเฉียวยิ้มอย่างเยือกเย็น "ซูซี่ ผู้หญิงข้างนอกพวกนั้นก็แค่ของเล่นระบายอารมณ์ของผู้ชาย เล่นไปแล้วก็เบื่อ ความจริงใจของพวกเขาก็ยังอยู่กับภรรยา เธอดูสิ ซือเหิงก็รอให้เธอยอมตอบตกลงมีลูกกับเขา ยอมรอเป็นปีๆ ก็ไม่ให้ผู้หญิงข้างนอกมีลูกให้เขา"

ซูซี่มองไปที่ท่านด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ "คุณแม่หมายความว่าให้หนูยอมให้เขามีผู้หญิงข้างนอกหรอคะ?"

"เออ……แม่หมายความว่า……"

"คุณแม่หมายความว่าขอแค่หนูอยู่ในตำแหน่งคุณหญิงเฉียวให้มั่นคง ก็ปล่อยเขาไปกับผู้หญิงข้างนอกหรอคะ?" ซูซี่ไม่เห็นด้วย "คุณแม่ ตอนนั้นที่คุณแม่ทำให้แม่ของเฉียวเฟิงตาย มีคุณพ่อซือเหิงปกป้องแม่อยู่ แต่ถ้าวันไหนหนูทำให้ฟางมี่ตาย เขาจะปกป้องหนูเหรอคะ? หรือว่าเขาสามารถปกป้องหนูหรอคะ?"

"ฟางมี่ไม่กล้าแย่งตำแหน่งคุณหญิงเฉียวกับเธอหรอก ไม่เหมือนกับแม่เฉียวเฟิงที่ใจโลภขนาดนั้น"

"แต่หนูก็ไม่ได้ใจกว้างเหมือนคุณแม่ที่ยอมปล่อยผู้ชายตัวเอง คุณแม่คะ หนูไม่เหมือนคุณแม่ หนูไม่สามารถแบ่งปันผู้ชายกับผู้หญิงคนอื่น ผู้ชายแบบนี้หนูไม่เอาดีกว่า" ซูซี่เอ่ยกัดฟันแน่นแล้วจ้องไปที่ท่าน "คุณแม่จะช่วยหนูบอกซือเหิงด้วยนะคะ ถ้าจะหย่าหนูพร้อมตลอด ถ้าจะทำตัวเหมือนคุณพ่อของเขา ขอโทษด้วยค่ะ……หนูทำไม่ได้ ให้เขาไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นเถอะ"

"ซูซี่……" คุณหญิงเฉียวรีบดึงตัวเธอที่กำลังจะลุกขึ้น "เธออย่าเพิ่งใจร้อน"

ซูซี่หันมามองท่านแล้วกลับไปนั่งที่เดิม "คุณแม่คะ ขอบคุณกี่ปีนี้ที่คุณแม่ดูแลหนูมาก ขอบคุณนะคะ"

พูดจบเธอก็หันหลังเดินขึ้นบ้านไป

หลังจากที่ซูซี่เดินไป คุณหญิงเฉียวก็ถอนหายใจ จากนั้นก็หันไปข้างนอกแล้วเอ่ย "เข้ามา"

เฉียวซือเหิงก็เลยก้าวเดินเข้ามา

คุณหญิงเฉียวมองเขานั่งลงบนโซฟาตรงหน้าแล้วเอ่ย "เมื่อกี้แกได้ยินหรือยัง? ซูซี่นิสัยแบบนี้แหละ"

เฉียวซือเหิงไม่เอ่ยอะไร ยกชาที่คนรับใช้ให้ขึ้นดื่ม

คุณหญิงเฉียวอดไม่ได้ก็พูดตำหนิ "แกนี่นะ รีบเก็บใจแล้วกลับมาที่บ้าน เมื่อกี้ซูซี่พูดได้ชัดเจนแล้ว เธอไม่ได้ใจกว้างเหมือนฉันที่ยอมให้สามีไปมีผู้หญิงอื่นข้างนอก"

"คุณแม่พอหรือยังครับ?"

"ยัง" คุณหญิงเอ่ยอย่างหงุดหงิด "ฉันเตือนแกไว้เลย ถ้าซูซี่ทำแท้ง ฉัน……ฉันจัดการแกแน่"

เฉียวซือเหิงไม่เอ่ยพูดอะไร เขาไม่อยากให้ซูซี่ทำแท้งมากกว่าท่านอีก

"แม่ครับ ที่ผมให้แม่กลับมาก็อยากจะให้แม่ช่วยพูดกับซูซี่ แล้วดูแลเธอ ไม่ใช่ให้แม่กลับมาด่าผม" เฉียวซือเหิงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "แล้วอีกอย่าง ผมบอกกับแม่หลายรอบแล้วว่าผมตัดขาดกับฟางมี่แล้ว ไม่ได้ติดต่อกันอีก"

"แกพูดกับฉันไม่มีประโยชน์ ไปพูดกับซูซี่โน้น"

"ผมพูดกับเธอแล้ว แต่ว่าเธอไม่เชื่อ"

คุณหญิงเฉียวส่ายหัว "อย่าว่าแต่เธอเลย ฉันก็ไม่เชื่อ"

"……"

--

ศาลรับคำร้องของเซิ่งตงหยางแล้วตรวจเช็คสุขภาพจิตของคุณหญิงอีกรอบ

หนานกงเฉินพาคุณหญิงไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาลตามที่ศาลกำหนดไว้ ความรู้สึกก็รู้สึกอัดอันมาก รู้ทั้งรู้ว่าผลตรวจครั้งนี้จะมีผลกระทบกับเขาว่าจะสามารถนำหุ้นกลับคืนมาได้หรือเปล่า แต่เขาก็หวังว่าผลตรวจของคุณหญิงจะออกมาว่าเป็นปกติ

จากที่เขาดูมา ความแข็งแรงของคุณหญิงสำคัญกว่าหุ้นอีก

ไป๋มู่ชิงที่อยู่ข้างๆรู้สึกได้ว่าเขากระวนกระวาย แต่ว่าเธอไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แค่กุมมือของเขาไว้

เซิ่งตงหยางที่นั่งอยู่ตรงข้ามทั้งสองก็กระวนกระวายเหมือนกัน ก็หวังว่าสุขภาพจิตของคุณหญิงจะปกติเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้ดูเหมือนคุณหญิงจะไม่เป็นอะไร แต่เมื่อกี้เขาเห็นคุณหญิง แตกต่างกับครั้งก่อนอย่างสิ้นเชิง

คงเพราะแสดงได้เหมือนมาก เขาแอบปลอบใจตัวเอง

ผลตรวจจะออกหลังจากหนึ่งสัปดาห์ แต่ว่าคุณหมอมองออกเลยว่าอาการของคุณหญิงไม่ดีมากนัก

"คุณย่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?" ไป๋มู่ชิงพยุงตัวคุณหญิงไว้แล้วเอ่ยถาม

คุณหญิงไม่ได้สนใจเธอ แต่สายตาของท่านก็มองไปที่เซิ่งตงหยางแล้วสีหน้าก็ค่อยๆเปลี่ยนไป จากนั้นก็พุ่งไปจะทุบตีเซิ่งตงหยาง "คนโกหก! โกหก!……คนเลว!"

"คุณย่า……" หนานกงเฉินรีบพยุงตัวคุณหญิงกลับมาแล้วปลอบใจ "คุณย่าอย่าโมโหนะครับ"

"ไอ้บ้านี่หลอกหุ้นของฉันไป นั่นเป็นหุ้นที่ฉันจะเก็บไว้ให้หลาน……" คุณหญิงเอ่ยอย่างหงุดหงิด

เซิ่งตงหยางถอยหลังไปแล้วพยายามฝืนยิ้ม "คุณหญิง คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง ตอนนั้นคุณคิดว่าคุณชายไม่รอดแล้วก็เลยโอนย้ายหุ้นมาให้ผม"

"แก……แกโกหก! ถึงแม้ฉันจะบริจาคหุ้นออกไปก็ไม่มีทางให้แกแน่นอน" คุณหญิงด่าแรงขึ้น หนานกงเฉินกลัวว่าจะกระทบกับร่างกายของท่าน ก็รีบพยุงตัวท่านเดินไปทางลิฟท์ เดินไปด้วยแล้วปลอบใจไปด้วย "คุณย่าครับ เราไม่โกรธ ร่างกายสำคัญกว่านะครับ"

"ฉันแค่เห็นมันก็รู้สึกโกรธ……"

"ผมรู้ คุณย่าไว้ใจเถอะครับ ผมจะให้เขาเอาหุ้นกลับมาแล้วให้เขาชดใช้แน่นอนครับ"

"ได้จริงหรอ?" คุณหญิงเอ่ยทั้งน้ำตา

"แน่นอนครับ คุณย่าไม่เชื่อผมหรอ?"

คุณหญิงค่อยสงบสติอารมณ์ได้

--

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ผลตรวจที่โรงพยาบาลให้มีประโยชน์ต่อหนานกงเฉินมาก

จับใบผลตรวจไว้ ถึงแม้จะเดาได้แล้ว แต่หนานกงเฉินก็รู้สึกเสียใจอยู่ดี

อาทิตย์ที่ผ่านมา อาการของคุณหญิงหนักขึ้นเรื่อยๆ เวลาปกติก็น้อยลง ถึงแม้จะไม่มีผลตรวจนี้เขาก็มองออกว่าสุขภาพจิตของคุณหญิงไม่ดีมากนัก

ผู้ช่วยเหยียนมาถึงที่ห้องทำงานเขาแล้วเห็นว่าเขาเหม่อมองเอกสาร เธอเลยก้าวเดินไปถาม "คุณชายเฉินเป็นอะไรคะ?"

หนานกงเฉินยื่นสำเนาเอกสารไปที่เธอ "นี่เป็นสำเนา ใบตัวจริงส่งไปให้ศาลแล้ว"

ผู้ช่วยเหยียนหยิบผลตรวจขึ้นแล้วกวาดมอง ใบหน้าก็แสดงความดีใจ "คุณให้คนทำหรอคะ?" เธอคิดไปคิดมาแล้วเอ่ย "ไม่สิ นี่เป็นการตรวจที่เซิ่งตงหยางร้องเรียนแล้วมีศาลคอยดูแลด้วย คงไม่ได้ปลอมง่ายขนาดนั้น"

"นี่เป็นของจริง" หนานกงเฉินสูดหายใจเข้า

"ห๋า?" ผู้ช่วยเหยียนประหลาดใจ "หมายความว่ายังไงคะ?"

"นี่เป็นอาการหลังจากครั้งก่อนที่คุณย่าถูกรถชน แล้วสุขภาพจิตก็เริ่มแย่"

"จริงหรอคะ? เป็นไปได้ยังไง?"

หนานกงเฉินยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัว "หรือว่าฟ้ากำลังช่วยผมแย่งบริษัทกลับมา เขาคิดว่านี่กำลังช่วยผมหรอ?"

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ผู้ช่วยเหยียนก็ไม่รู้จะเอ่ยพูดอะไร ความดีใจบนหน้าเมื่อกี้ก็หายไปทันที

ผ่านไปครู่หนึ่งเธอค่อยเอ่ยปลอบใจ "คุณชายเฉิน คุณหญิงอายุมากแล้ว หกล้มหน่อยไม่ได้ นี่ช่วยชีวิตกลับมาได้ก็โชคดีมากแล้ว คุณอย่าคิดมากเลยค่ะ"

"คุณหมอก็พูดแบบนี้ ตอนนั้นที่ฟื้นกลับมาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว"

"เพราะฉะนั้น อย่าเสียใจไปเลยค่ะ"

หนานกงเฉินพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มแล้วนำผลตรวจใส่เข้าไปในลิ้นชัก "ทีนี้แหละ เซิ่งตงหยางไม่อยากเอาหุ้นคืนมาก็คงไม่ได้ ผมก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับบรรพบุรุษตระกูลแล้ว"

"ใช่ค่ะ" สีหน้าผู้ช่วยเหยียนก็มีรอยยิ้มอีกครั้ง "ยินดีด้วยนะคะ ผ่านความยากลำบากไปได้สักที"

"ขอบใจ"

"ถ้างั้น……ฉันก็ถอยออกมาได้แล้วใช่ไหมคะ?"

"ไว้วันหลังผมกับมู่ชิงจะเลี้ยงข้าวคุณ แล้วเลี้ยงส่งคุณด้วย"

"เลี้ยงส่งได้ แต่ว่าฉันมีเงื่อนไขไม่รู้ว่าสมควรหรือเปล่า?"

"บอกมาสิ"

"ไม่อยากให้มีคนที่สามได้ไหมคะ? แค่เราสองคน"

"ทำไม?" หนานกงเฉินประหลาดใจ "เราสองคนกินข้าวด้วยกันยังน้อยไปหรอ? เธอไม่เลี่ยนเหรอ?"

"ไม่เลี่ยนค่ะ" ผู้ช่วยเหยียนยิ้มแล้วส่ายหน้า "ความจริง……ทำงานกับคุณมาตั้งนาน แค่อยากจะบอกลากับคุณก็เท่านั้น"

"ก็ได้ คืนพรุ่งนี้ได้ไหม?"

"ได้ค่ะ แล้วแต่เวลาคุณ" ผู้ช่วยเหยียนยิ้มอย่างพอใจ

--

คุณหญิงเฉียวมาที่ห้องของซูซี่ก็รีบเอ่ย "ซูซี่ เมื่อกี้แม่ด่าซือเหิงไปแล้ว เขารับประกันกับแม่แล้วว่าไม่มีทางเกี่ยวข้องกับผู้หญิงข้างนอกอีก"

ซูซี่กำลังดูทีวีแล้วเอ่ยอย่างไม่หันไป "คุณแม่ไม่ต้องพูดอะไรแบบนี้กับหนูหรอกค่ะ"

"ทำไมไม่ต้องล่ะ? ก็แสดงว่าแม่กับซือเหิงเป็นห่วงหนู" คุณหญิงเฉียวเดินไปนั่งลงข้างกายเธอโอบเธอไว้ "ไปกัน ซือเหิงรอเธออยู่ข้างล่าง"

"รอหนูทำไมคะ?"

"ไปตรวจครรภ์"

"หนูไม่ไป"

"ซูซี่ การตรวจครรภ์สำคัญมาก เธอจะไม่ไปได้ยังไง?" คุณหญิงเฉียวคิดไปคิดมาแล้วเอ่ย "แล้วอีกอย่างไม่เคยไปตรวจที่โรงพยาบาลแม้แต่ครั้งเดียว จะรู้ได้ยังไงว่าท้องจริงหรือเปล่า เธอไม่อยากรู้หรอ?"

คำพูดนี้ทำให้ซูซี่หวั่นไหวไป ก็จริง ตอนนั้นคุณหมอแค่ตรวจชีพจรของเธอ แล้วใช้ที่ตรวจครรภ์ แต่ไม่ได้ตรวจอย่างละเอียด ดีไม่ดีแค่ประจำเดือนเถอะถ้ามาเลท ไม่ได้ท้องล่ะ?

เธอที่รู้สึกมีความหวังก็เอ่ย ไหนูไปคนเดียวก็ได้ ไม่ต้องให้เขาไปด้วย"

"ทำไมล่ะ?"

"ไม่อยากเจอเขา"

"ซูซี่……"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด