วันถัดมา ไป๋มู่ชิงต้องกลับไปซื้อเสื้อที่ห้างสรรพสินค้าดังคืนทุกชุดตามคำสั่งของเขา ตอนเธอรูดบัตรชำระเงินสังเกตเห็นว่าบัตรใบที่หนานกงเฉินให้เธอมานั้นเป็นบัตรทองที่ไม่จำกัดวงเงิน
หนานกงเฉินให้บัตรเธอมาใช้ง่ายๆแบบนี้ ไม่กลัวว่าเธอจะเอาไปใช้อย่างอื่นเหรอ?
ดูแล้วผู้ชายคนนี้สายเปย์นะเนี่ย แต่ก็ไม่รู้ว่ากับผู้หญิงคนอื่นเขาจะใจกว้างแบบนี้เหมือนกันมั้ย อีกอย่างบัตรเสริมแบบนี้ก็ไม่รู้ให้ออกไปกี่ใบแล้ว
นั้นมันก็เป็นเงินของบ้านตระกูลหนานกง เขาจะให้ใครมันก็เรื่องของเขา เธอไม่มีสิทธ์ิเข้าไปยุ่งเกี่ยวอยู่แล้ว
หลังออกจากห้างสรรพสินค้าชื่อดัง เธอก็มาที่โรงพยาบาลด้วยความดีใจ เธอเอาบัตรเครดิตสีทองใบนั้นวางบนมือจ้างเฟยหยาง: "เฟยหยางไม่ต้องเครียดเรื่องค่าใช้จ่ายประจำวันของเด็กๆแล้วนะ ใช้บัตรนี้รูดได้เลย ไม่จำกัดวงเงิน"
จ้าวเฟยหยางมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดีใจของเธอ แล้วก้มมองไปที่บัตรเครดิตสีทองในมือ ก่อนยิ้มให้เธอบางๆ "เขาให้เธอเหรอ?"
"ใช่แล้ว"
"เขาให้ไว้ทำอะไร?"
"ก็ให้ฉัน.....ไว้ใช้จ่ายไง" ไป๋มู่ชิงพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจ ความจริงแล้วหนานกงเฉินก็ไม่ได้บอกว่าบัตรใบนี้ต้องคืนให้เขาเมื่อไหร่ แต่เธอเห็นว่าเป็นแค่บัตรเสริมใบหนึ่งหนานกงเฉินคงไม่คิดจะเอาคืนแล้ว เธอเลยเอามาให้จ้าวเฟยหยางไว้ใช้ยามฉุกเฉิน"
จ้าวเฟยหยางแทบไม่ได้คิดอะไรก็ยื่นบัตรคืนให้เธอ
"เอาไป......." จ้าวเฟยหยางยังไม่ทันจะพูดว่า'เอาไปคืนเขาเถอะ' ก็มีสาวสวยคนหนึ่งเดินออกมาจากระเบียง
เธอยื่นมือมาแย่งบัตรที่อยู่ในมือจ้างเฟยหยางไป แล้วโยนคืนให้ไป๋มู่ชิง ก่อนจะยกมือชี้หน้าจ้าวเฟยหยางและพูดขึ้นเสียงดัง : "จ้าวเฟยหยาง! นี่หมายความว่าไง? เงินของเธอคุณรับไว้ได้ แต่พอเป็นเงินของฉันคุณไม่รับไว้แม้แต่แดงเดียว คุณชอบเธอใช่มั้ย? หึ! ฉันดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าคุณชอบเธอ"
"หยวนกุย อย่าพูดไปเรื่อยสิ" ไป๋มู่ชิงเดินเข้าไปจับแขนเธอไว้และส่งสัญญาณให้เธอเบาๆเสียง "ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเบาๆเสียงหน่อยได้มั้ย"
"ไม่ได้!" หยวนกุยที่เพิ่งทะเลาะกับจ้าวเฟยหยางไปก่อนหน้านี้สะบัดมือไป๋มู่ชิงออกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ : " เสี่ยวลี่เป็นเด็กที่ฉันกับเขาเก็บมาเลี้ยงเมื่อสองปีก่อน เขาก็เป็นลูกฉันเหมือนกัน มันเป็นความรับผิดชอบของฉันด้วย แล้วทำไมถึงรับแต่เงินช่วยเหลือจากเธอแต่ไม่ยอมรับเงินของฉัน?"
"นั้นก็เพราะว่า......." ไป๋มู่ชิงมองจ้าวเฟยหยางที่ยืนอยู่ข้างมแวบหนึ่ง ก่อนจะดึงหยวนกุยเดินออกไปนอกห้องผู้ป่วย พอถึงตรงทางเดินที่จะมุ่งหน้าไปยันสวนดอกไม้เธอก็ปล่อยมือ เธอมองหน้าหยอนกุยและถามขึ้น: "เธอไม่ใช่เดินทางไปพักผ่อนต่างประเทศแล้วเหรอ? แล้วนี่กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?"
'เพิ่มกลับมาวันนี้" หยวนกุยยังอารมณ์ไม่ดีขึ้น
"เพราะเสี่ยวลี่ถึงรีบกลับมาเหรอ?"
"ก็ใช่สิ ไม่คิดว่ากลับมาแล้วต้องมาอารมณ์เสียขนาดนี้" หยวนกุยพูดเสร็จก็จ้องมองเธออย่างจับผิด "ที่เขายอมรับเงินช่วยเหลือจากเธอ เพราะเขาชอบเธอใช่มั้ย"
ไป๋มู่ชิงยิ้ม: "กุย นี่เธอยังดูไม่ออกอีกเหรอว่าเฟยหยางเริ่มหวั่นไหวกับเธอแล้วนะ แต่เพราะถานะทางครอบครัวของเธอสองคนแตกต่างกันมาก เขาจำเป็นต้องแยกแยะเรื่องนี้ให้ชัดเจน ถึงไม่อยากรับเงินจากเธอไง"
หยวนกุยมีสีหน้าแปลกใจ "จริงเหรอ?"
"จริงแท้แน่นอน"
"แต่เขาก็ไม่ควรทำถึงขนาดไม่นึกถึงชีวิตเสี่ยวลี่นี่นา"
การผ่าตัดของเสี่ยวลี่มีความเสี่ยงสูงมาก ก่อนหน้านี้เฟยหยางก็ยังไม่คิดจะให้เขาผ่าตัด ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นตบบ่าเธอเบาๆ เธอกลับมาก็ดีละ ฉันจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเฟยหยางจะลำบากอยู่คนเดียว"
"เธอจะมาเป็นห่วงเขาทำไม?" หยวนกุยย่นคิ้ว
"ฉันกับเขาเป็นเพื่อนสนิทกันที่นา ก็ต้องเป็นห่วงกันเป็นธรรมดา" ไป๋มู่ชิงขยิบตาให้เธอ "ไม่พูดกับเธอละ ฉันไปหาเสี่ยวลี่ดีกว่า"
พูดจบเธอก็เดินออกจากสวนดอกไม้ลอยฟ้า ไปยันทางขึ้นลิฟต์
ไป๋มู่ชิงนำภาพวาดที่ร่างเสร็จไปครึ่งหนึ่งขึ้นมาวาดต่ออย่างตั้งใจ
พรุ่งนี้เป็นวันที่เสี่ยวลี่ต้องเข้าห้องผ่าตัดแล้ว เธอต้องเร่งมือวาดให้เสร็จเพื่อมอบให้เสี่ยวลี่ก่อนที่เขาจะเข้าห้องผ่าตัด
ระหว่างที่กำลังวาดรูป คุณผู้หญิงมีเข้ามาถามถึงอาการเธออย่างเป็นห่วง พี่เหอยังนำซุปไก่ตุ๋นมาให้เธอหนึ่งถ้วย เธอได้รับกันดูแลดีจนรู้สึกอึดอัด
รอจนให้พวกท่านออกจากห้องไป ในห้องเงียบสงบลงได้ชั่วครู่ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก
ไป๋มู่ชิงจำต้องวางดินสอลง แล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู พอประตูเปิดออกก็เห็นหนานกงเฉินยืนพิงขอบประตูอยู่หน้าห้อง เธอเตรียมจะดันประตูปิด
หนานกงเฉินรีบเอามือขวางประตูไว้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ "ไป๋มู่ชิง ทำแบบนี้หมายความว่าไง?"
พอปิดประตูไม่ได้ ไป๋มู่ชิงจึงต้องยอมปล่อยให้ประตูเปิดออกแล้วจ้องมองเขา "ดึกแล้ว ฉันจะเข้านอนแล้ว"
หนานกงเฉินเหมือนจะเมา เธอได้กลิ่นเหล้าจางๆลอยมาจากตัวเขา
ไป๋มู่ชิงแอบกังวงในใจ เขาคงไม่ใช่อยากขึ้นเตียงกับเธอนะ? อย่านะเห็นเขาว่าผู้ชายเวลาเมาจะแข็งแกร่งมาก เธอยังอยู่ในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ยังต้องระมัดระวังเป็นพิเศษอยู่
หนานกงเฉินพยายามทรงตัวแล้วชี้ไปที่ตัวเอง "ไม่เห็นเหรอว่าฉันเมาแล้ว?"
"เห็น แล้ว......ยังไง?"
"แล้วเธอว่ายังไงล่ะ?" หนานกงเฉินเอามือจับต้นคอเธอแล้วดันเธอเข้าสู่อ้อมกอดก่อนจะก้มหน้าลงไปหาเธอ ลมหายใจที่มีกลิ่นเหล้าจางๆรดบนหน้าเธอ "อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อให้สามี ปรนนิบัติกล่อมสามีนอน.......นี่ไม่ใช่หน้าที่ของภรรยาหรอกเหรอ?"
จริงๆด้วย! เขามาเพราะเรื่องนี้จริงๆ
ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล จนมามีเรื่องที่เธอแอบเข้าไปหอไหว้บรรพบุรุษ ทำให้เกิดความคับข้องใจต่างๆขึ้นมากมาย ทั้งสองเลยไม่เคยนอนร่วมเตียงกันอีก เธอนึกว่าเขาอาจจะเบื่อจนไม่อยากแตะต้องเธออีกแล้ว ไม่คิดว่า.......
ทำไงได้ ไป๋มู่ชิงจำต้องประคองเขาเข้ามาในห้องนอน แล้วพาเขาไปนั่งตรงโซฟาก่อนจะเข้าไปเปิดน้ำใส่อ่างอาบน้ำให้เขา และช่วยเขาถอดเสื้อออก
ถึงจะแต่งงานกับเขาได้สามเดือนกว่าแล้ว คลอเคลียใกล้ชิดกันก็หลายครั้ง และยังตั้งท้องลูกเขาอีก แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เธอต้องช่วยเขาถอดเสื้อ ยังไม่ทันได้เริ่มลงมือเธอก็รู้สึกหน้าแดงจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
เสื้อที่เขาใส่แกะกระดุมออกจากรางยากไปอีก
หนานกงเฉินไม่ได้เมามาก เขาแค่เหนื่อยจนไม่อยากขยับตัว เลยต้องมากวนเธอ เห็นเธอหน้าแดงเป็ลูกตำลึง มือก็สั่งนิดๆ ทนไม่ไหวจึงพูดขึ้น: "ทำไมต้องแกล้งทำเป็นอาย?"
"ใครแกล้งทำ?" ไป๋มู่ชิงพูดอย่างไม่พอใจจ้องมองเขาแวบหนึ่ง พูดขึ้นเสียงเบา "ก็ฉันไม่เคยช่วยผู้ชายถอดเสื้อมาก่อนนิ"
"ไม่เคยถอดจริงเหรอ?" ที่จริงหนานกงเฉินจะพูดว่า 'เขาดูแล้วเธอก็ไม่เคยถอด'
แต่เท่าที่เขารู้มาสังคมไฮโซ พวกคุณหนูไฮโซไม่มีใครที่ไม่รักสวยรักงาม ไม่ชอบเที่ยวผับบาร์ไม่ใช่เหรอ? ตั้งยี่สิบกว่าแล้วยังไม่เคยขึ้นเตียงกับผู้ชายมาก่อนจะเป็นไปได้ไง?
"ก็ใช่ว่าฉันอยากจะแต่งกับคุณซะเมื่อไหร่ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องโกหกคุณมั้ง?"
"ที่พูดก็ใช่" หนานกงเฉินรู้สึกรำคาญที่เธอค่อยๆแกะกระดุมทีเม็ดอย่างเชื่องช้าไม่ทันใจ เขาจึงยกมือกระชากกระดุมออกจากรางเสื้อ ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟาและเดินเข้าห้องน้ำอย่างโยกเย่เล็กน้อย
ไป๋มู่ชิงอยากหลบออกไปแต่ก็กังวลว่าเขาจะล้มในห้องน้ำ เลยต้องถือเสื้อครุมเดินตามเข้าไป
เข้ามาแล้วก็คงหนีไม่พ้นที่ต้องช่วยเขาถอดกางเกงและช่วยเขาอาบน้ำ
หน้าเธอแดงมากขึ้น มือก็สั่นหนักกว่าเดิม ที่น่าเศร้ากว่านั้นคือหัวเข็มขัดของเขามันทันสมัยเกินไปเธอแกะยังไงก็แกะไม่ออกนั่งคลำไปคลำมาอยู่นานแล้ว
รอบนี้หนานกงเฉินไม่ได้ช่วยเธอ เขาเอามือกอดอกพิงเคาน์เตอร์ล้างมือ และมองเธอด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ
ไป๋มู่ชิงปรายตามองเขาเงียบๆ ผู้ชานคนนี้......เปลือยท่อนบนนานขนาดนี้ไม่หนาวหรือไง?
กว่าจะแกะหัวเข็มขัดเขาออกได้ก็เป็นนาน ไป๋มู่ชิงรีบดึงกางเกงเขาลงโดยไม่แม้แต่จะมองช่วงล่างของเขา ก่อนจะรีบหมุนตัวชี้ไปที่อ่างอาบน้ำ "เข้าไปสิ"
หนานกงเฉินหุบยิ้มและเดินเข้าไปในอ่างอาบน้ำ เขาเอาตัวแช่ลงไปในน้ำอุ่นเกือบมิด รู้สึกความเหนื่อยล้าทั้งหลายหายไปทันที เขาหลับตาลงซึมซาบความรู้สึกสบายที่เกิดขึ้น
"เธอจะเข้ามาอาบด้วยกันมั้ย?" เขาถามขึ้น
ไม่มีเสียงตอบรับ เขาเลยลืมตาขึ้นมองไปรอบๆ ไม่มีแม้แต่เงาของไป๋มูนชิงแล้ว
ไป๋มู่ชิงหลบออกไปอย่างเงียบ ๆ เพราะกลัวว่าหนานกงเฉินจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ แล้วผลักเธอลงอ่างอาบน้ำด้วย
หนีออกจากห้องน้ำได้แล้วยังไง? เธอจะหนีออกจากห้องนอนด้วยหรือไง?
คืนนี้ดูท่าแล้วยังไงก็คงไม่รอดเงื้อมมือของเขาแล้ว ทำไงดี? เธอควรทำยังไงดี?
ไป๋มู่ชิงเดินไปเดินมาคิดหาวิธีเอาตัวรอด แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก จนกระทั้งได้เสียงน้ำในห้องน้ำหยุดลง
มองจากประตูเห็นหนานกงเฉินกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำแล้ว เธอจึงรีบขึ้นไปบนที่นอน ก่อนจะดึงผ้าห่มคลุมตัวแล้วแกล้งทำเป็นหลับ
นอกจากแกล้งหลับแล้ว ก็ดูจะไม่มีวิธีอื่นแล้ว
เธอเงียบหูฟังเสียงหนานกงเฉินเดินออกจากห้องน้ำ ก่อนจะหยุดอยู่หน้าประตูห้องน้ำชั่วครู่ แล้วเดินตรงมาทางเตียงนอน
เธอรู้สึกตื่นตกใจเล็กน้อย ก่อนได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำจางๆ เขาค่อยๆกอดเธอเข้าสู่อ้อมแขนจากด้านหลัง ริมฝีปากอุ่นกดเข้ากับลำคอเธอและเริ่มจูบเบา ๆ
เขาตรงเข้ามาอย่างไม่รีรอแบบนี้ ทำเอาความหวังสุดท้ายในใจไป๋มู่ชิงมลายไปสิ้น ดูท่าแล้วคืนนี้เธอคงไม่รอดแน่แล้ว ได้แต่หวังว่าเขาจะเบาๆมือกับเธอหน่อย!
ตัวเธอยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมจากการอาบน้ำ พอผสมเข้ากับกลิ่นกายเธอที่หอมสดชื่นเฉพาะตัว ก็กระตุ้นอารมณ์ของเขาให้ลุกโชนขึ้นมาได้โดยง่าย
ตอนแรกเขาแค่รู้สึกเหนื่อยล้า อยากหาร่างนุ่มๆมากอดนอนซะคืน แต่ไม่คิดว่าแค่กอดก็ไม่อย่างปล่อยมือ
หนานกงเฉินพลิกตัวเธอหันมา ฝ่ามือค่อยๆเลิกชุดนอนเธอขึ้น
ผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่พันอยู่รอบเอวเขาหลุดออกไปตั้งแต่ขยับขึ้นเตียงมากอกเธอ เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าของเขาเต็มตา ร่างกายของไป๋มู่ชิงเองก็เกิดความโหยหาขึ้นมาทันที
แต่สติชนะความยาก เธอทำเป็นงอตัวแล้วทำเสียงครางด้วยความเจ็บปวด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...