เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 74

"อืม" หนานกงเฉินโยนเสื้อสูทลงบนโซฟา รินน้ำใส่แก้วแล้วเดินไปนั่งข้างหน้าต่างเบย์

ไป๋มู่ชิงเดินตามไป ประเมินเขาพลางถามว่า: "เจอเธอไหม?"

ดูท่าทางแล้ว น่าจะไม่เจอ?

หนานกงเฉินส่ายหน้า ตอบอย่างเศร้าๆ : "ไม่เจอ"

ไป๋มู่ชิงนั่งอีกฝั่งของหน้าต่าง ยื่นมือไปแตะหลังมือของเขา

นิ้วของเธอเย็นเล็กน้อย สัมผัสที่แตะลงหลังมือเขาอ่อนนุ่มดุจผ้าไหม

"ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว พวกเราไม่ตามหาแล้วได้ไหม?" เธอจ้องมองเขา ด้วยความเจ็บปวดหัวใจ

คนที่อยู่ระดับสูงแบบเขา ไม่ควรถูกทำร้ายขนาดนี้เพราะผู้หญิงคนเดียว!

หนานกงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น หลายปีมานี้ เขาพูดประโยคนี้กับตัวเองไม่ต่ำกว่า100ครั้งแล้ว แล้วมีประโยชน์อะไร? เขายังคงตามเงาที่เหมือนกับเธอไปเหมือนคนบ้ามาทั้งคืน

เขาเดินหาแทบพลิกตลาดการค้าทั้งคืน แถมยังไปหาถึงบ้านที่เธอเคยอยู่ แต่ก็ได้รับคำตอบที่ทั้งครอบครัวได้ย้ายไปหมดแล้วเหมือนเดิม บ้านหลังนั้นก็เปลี่ยนเจ้าของแล้วด้วย

เขาลงจากหน้าต่าง เดินไปยังบาร์หยิบไวท์แดงกับแก้วทรงสูง 2 ใบแล้วเดินกลับมา รินไวท์ใส่แก้วแล้วยื่นให้ไป๋มู่ชิง

ไป๋มู่ชิงกวาดสายตาไปยังไวท์ในมือเขา แต่ไม่ได้ยื่นมือไปรับ

"ทำไม? ดื่มเป็นเพื่อนผมหน่อยไม่ได้เลยหรอ?" เขาแกว่งแก้วทรงสูงในมือเล็กน้อย ไวท์แดงในแก้วหมุนตัวจนเป็นคลื่นลูกเล็กๆ สวยและมีเสน่ห์มาก

ไป๋มู่ชิงอยากที่จะรับมาแลัวกระดกให้หมดแก้วมากๆ แต่เธอทำไม่ได้ เพราะเธอเป็นหญิงมีครรภ์!

"คุณลืมไปแล้วหรอว่าท้องไส้ยังไม่หายดี? ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้" พูดพลางยื่นมือไปแย่งขวดไวท์ในมือเขา

หนานกงเฉินกลับคว้ามือเธอไว้ วางแก้วไวท์ใส่มือเธอ: "หากไม่ใช่จะต้องดูแลเธอ ผมจะดื่มเหล้าขาว"

พูดจบ เขายกแก้วไวท์อีกใบขึ้น ชนแก้วกับเธอแล้วเงยหน้ากระดกจนหมดแก้ว

มองเขารินไวท์ลงแก้วอีกครั้ง ไป๋มู่ชิงรู้ว่าตนไม่สามารถห้ามเขาได้อีก จนแล้วจนเล่า เธอทนการรบเร้าของเขาไม่ไหวจึงใช้ริมฝีปากสัมผัสไวท์เบาๆ เป็นพิธี

เป็นไวท์แดงชั้นเลิศที่ผ่านการบ่มมานานหลายปี แต่ไม่ว่าไวท์จะรสชาติดีแค่ไหน ถ้าดื่มต่อเนื่องแบบเขาก็เสียสุขภาพได้เหมือนกัน

"พอเถอะ อย่าดื่มอีกเลย" เธอแย่งแก้วไวท์จากเขา จ้องเขาแล้วพูดว่า: "แค่ผู้หญิงคนเดียวไม่ใช่หรอ? ดูสภาพคุณตอนนี้สิ"

"เธอไม่รู้อะไรหรอก"

"ฉันไม่รู้อะไรล่ะ ฉันใช่ว่าจะไม่เคยถูกผู้ชายทิ้งสักหน่อย แต่คุณดูเถอะมีใครบ้างที่ปล่อยให้ตัวเองดูแย่ขนาดนี้เหมือนคุณ?"

ครั้งนี้ หนานกงเฉินไม่ได้แย่งแก้วไวท์คืนไปอีก เขาเอียงหัวพิงขอบหน้าต่าง ยิ้มด้วยสีหน้าเศร้าๆ : "ไม่ว่ายังไงเธอก็ทิ้งผมไปแล้ว จะปล่อยตัวจนเป็นยังไงก็ไม่เป็นไรหรอก? เหอๆ จริงๆเลยนะ แม้แต่เธอก็กลัวผม เธอเคยบอกว่าไม่กลัวนี่นา.....ไหนว่าไม่กลัว......"

พูดจบ เขาลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างกระทันหัน บีบไหล่เธอด้วยมือทั้งคู่: "เธอเคยลิ้มรสการถูกผู้คนหวาดกลัวถูกผู้คนรังเกียจไหม? ไม่เคยแน่ๆ? แต่ผมเคย ผมโตมาด้วยความรู้สึกแบบนี้ ตอนนั้นก็ที่ฝั่งตะวันตกของเมืองหยานนี่แหละ เพื่อนใหม่ที่เล่นกับผมอย่างสนุกสนานพอได้ยินว่าผมเป็นโรคประหลาดเท่านั้นแหละก็วิ่งหายไปหมดเลย จากนั้นผมก็หลงทาง ตากฝนจนอาการกำเริบ กว่าจะได้เจอคนที่ไม่รังเกียจผมไม่กลัวผม ผมคิดว่าชีวิตนี้จะมีแค่เธอรักแต่เธอ แต่ท้ายสุดแล้ว ก็แค่การเพ้อฝัน......."

"หยุดพูดเถอะ" ไป๋มู่ชิงพุ่งตัวเข้าไป กอดเขาแน่น: "คุณไม่ใช่คนที่ไม่มีใครต้องการหรอก อย่างน้อยคุณยังมีฉัน ฉันไม่กลัวคุณ ไม่รังเกียจคุณ"

"เธอไม่กลัวผม?" หนานกงเฉินยิ้มเย็นๆ

"ค่ะ ฉันยอมรับว่าตอนแรกฉันก็กลัว เพราะว่าฉันไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน และข่าวลือข้างนอกก็เกินความจริงไปมาก แต่ตอนนี้ฉันไม่กลัวแล้วนะ ต่อไปก็จะไม่กลัวอีก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้คุณจะมีฉันร่วมฝ่าอุปสรรคด้วยกัน คุณเชื่อฉันเถอะนะ"

"ถ้าเป็นเมื่อสองเดือนก่อน เธอจะยังพูดแบบนี้ไหม?" หนานกงเฉินหัวเราะเย็นๆ อีกครั้ง "ไม่พูดแบบนี้ถูกไหม?"

ไป๋มู่ชิงชะงักไปเล็กน้อย เธอรู้ว่าหนานกงเฉินหมายถึงก่อนที่เธอจะรู้ว่าตัวตนของเขาคือใคร แต่เธอกล้าสาบานกับสวรรค์ เธอไม่ได้ตัดสินใจจะใช้ชีวิตกับเขาเพราะได้เห็นหน้าตาของเขาหรือรู้ว่าเขาไม่ได้มีดวงกินเมีย

ตั้งแต่วินาทีที่เธอถูกบังคับแต่งงาน เธอก็ปลงและยอมรับชะตากรรมทั้งหมดแล้ว!

แต่ก็ไม่แปลกที่เขาจะคิดแบบนี้ ตั้งแต่ที่เขาปรากฏตัวในงานเลี้ยงของตระกูลหนานกง มีสาวๆ มากมายที่รู้สึกเสียดายอย่างมาก แม้แต่คุณหนูอย่างไป๋ยิ่งอันยังฝันอยากจะเป็นภรรยาของเขา

หนานกงเฉินไม่ได้ผลักเธอออก และเหนื่อยจนไม่มีแรงผลักเธอออก เลยปล่อยให้เธอกอดตัวเองไว้อย่างนั้น

ไป๋มู่ชิงสูดหายใจเข้าเบาๆ และยิ้มอย่างขมขื่นในอ้อมกอดเขา: "ถ้าฉันจะพูดว่า ฉันไม่เหมือนกับพวกเธอ คุณก็คงไม่เชื่ออย่างแน่นอน และไม่มีเหตุผลที่จะทำให้คุณเชื่อ"

เธอปล่อยเขาในที่สุด ประเมินเขาแล้วพูดว่า: "ระบายพอหรือยัง? ถ้าพอแล้วก็รีบไปอาบน้ำเถอะ ฉันทำโจ๊กไว้ ไปเอามาให้นะ"

ตอนมื้อเย็นเขาไม่ค่อยได้กินอะไร ทั้งคืนที่ผ่านมามัวแต่หาตัวคุณหนูจู ก็คงไม่มีกะจิตกะใจหาอะไรกิน

ก่อนออกจากห้องนอน ไป๋มู่ชิงยังเข้าไปในห้องน้ำเปิดน้ำลงอ่างอาบน้ำให้เขา

หลังจากเธออุ่นโจ๊กเสร็จนำขึ้นมา หนานกงเฉินก็หลับอยู่ริมหน้าต่าง

เธอเดินเข้าไป แตะแขนของเขาและเรียกเบาๆ : "คุณชายใหญ่คะ คุณไม่อาบน้ำไม่เป็นไร แต่ต้องกินโจ๊กนะ ไม่งั้นคืนนี้คุณหิวแน่ๆ "

เมื่อกี้นี้หนานกงเฉินดื่มไวท์ไปเกินครึ่งขวด ซึ่งไวท์แดงจะออกฤทธิ์ช้า ตอนนี้เริ่มมีอาการเมาเล็กน้อย

หนานกงเฉินหิวแล้วจริงๆ เขาพยายามทรงตัว รับโจ๊กจากมือเธอแล้วกินอย่างรวดเร็ว

หลังกินเสร็จ ไป๋มู่ชิงพยุงเขามาที่เตียง น่าจะเพราะขยับตัวมากเกินไป เขารู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนอย่างรุนแรง พุ่งตัวไปข้างหน้า โจ๊กที่เพิ่งกินเข้าไปถูกอ้วกออกมา โดนตัวไป๋มู่ชิง

ไป๋มู่ชิงหลบไม่ทัน ชุดนอนที่เพิ่งเปลี่ยนไม่นานเลอะเทอะไปหมด แต่เธอไม่ได้สนใจมากนัก รีบเข้าไปถามหนานกงเฉินด้วยความห่วงใย: "คุณชายใหญ่ คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?"

หนานกงเฉินฟุบลงข้างเตียง อ้วกออกมาอีกระรอกหนึ่ง จนเกลี้ยงกระเพาะ จึงรู้สึกดีขึ้น

เขาล้มตัวลงบนเตียงด้วยสีหน้าอ่อนเพลีย มองไป๋มู่ชิงที่สภาพมอมแมมแต่เธอไม่ได้สนใจสักนิด เขารู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาโบกมือไปมาอย่างยากลำบาก เป็นการบอกว่าอย่าสนใจเขาเลย

ไป๋มู่ชิงรินน้ำอุ่นให้เขาแก้วหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ: "ดูสิ บอกแล้วว่าอย่าดื่มเยอะ"

หลังจากดูแลเขาดื่มน้ำแล้ว เธอถามต่อว่า: "โจ๊กที่กินเข้าไปอ้วกออกมาหมดเลย ให้ฉันไปตักให้อีกสักถ้วยไหม?"

"ไม่ต้องแล้วล่ะ" แม้จะหิวมาก แต่ก็กินไม่ลงแล้วจริงๆ

ไป๋มู่ชิงดูออกว่าเขาไม่อยากอาหารแล้ว จึงไม่บังคับอีก เดินเข้าห้องน้ำไปชำระล้างตัวเอง หลังอาบน้ำ เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีชุดนอนแค่ชุดเดียว ซึ่งเลอะอ้วกไปหมดแล้วจึงต้องใช้ผ้าเช็ดตัวพันตัวไว้

โชคดีที่หนานกงเฉินหลับไปแล้ว ไม่ได้เห็นเธอในสภาพพันผ้าเช็ดตัว

หลังจัดการตัวเองเสร็จ ก็จัดการเช็ดถูพื้นจนสะอาด จากนั้นก็รองน้ำอุ่นใส่กะละมังแล้วยกมาข้างเตียง ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าให้หนานกงเฉิน

ผ้าอุ่นๆ ที่สัมผัสโดนหน้านั้นทั้งสบายและอบอุ่น หลังเช็ดหน้าให้เขาเสร็จ ไป๋มู่ชิงกำลังจะเลื่อนผ้าออกจากหน้าเขา จู่จู่มือที่จับผ้าก็ถูกมือของเขาจับไว้

เธอชะงักไป รีบใช้มืออีกข้างจับผ้าเช็ดตัวที่พันตัวไว้ให้แน่น ขณะที่กำลังหาวิธีหลุดจากพันธนาการ กลับถูกเขารวบแน่นขึ้น

"นอนเป็นเพื่อนผม......แปปนึง" เขาพึมพำเสียงต่ำ

ไป๋มู่ชิงหมุนมืออย่างสุดแรง พูดด้วยน้ำเสียงขัดขื่นอย่างน้อยใจ: ฉันบอกหลายครั้งแล้ว ฉันไม่ใช่จูจูของคุณ!"

"ผมรู้" เขายังคงละเมอ

เขารู้? ไป๋มู่ชิงหยุดขัดขืน ประเมินเขาด้วยความประหลาดใจ เขารู้จริงๆ หรอ? ไม่ได้เห็นเธอเป็นคุณหนูจู?

แม้ว่าเขาที่อยู่ตรงหน้าจะน่าสงสาร น่าเห็นใจ แต่จะให้เธอเป็นตัวแทนของคุณหนูจูเธอก็ไม่ชอบใจเช่นกัน นี่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรีพื้นฐาน!

"งั้นคุณ......ตอบฉัน ฉันชื่ออะไร?" เพื่อรักษาระยะห่าง เธอจงใจอ้อยอิ่งอยู่ข้างเตียง แต่เธอยังไม่ทันได้คำตอบว่าจะทำยังไงดี หนานกงเฉินก็กระชากเธอมายังเตียง โอบเธอไว้ในอ้อมกอด

เมื่อถูกเขากระชาก ผ้าเช็ดตัวหลุดออกจากตัวไป๋มู่ชิงในที่สุด เมื่อสัมผัสร่างเปลือยเปล่าของเธอ หนานกงเฉินใช้มือแตะเล็กน้อย และยันตัวขึ้นมองเธอ แววตาเยาะเย้ยอย่างชัดเจน

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าเขาเข้าใจเธอผิดแน่ๆ รีบแก้ตัว: "ฉันมีชุดนอนแค่ชุดเดียวและเลอะอ้วกคุณไปแล้ว"

"ขอโทษ......" ไป๋มู่ชิงกลัวว่าเขาจะมีความต้องการซึ่งเธอรับไม่ไหว จึงรีบจับมือเขาไว้ จ้องเขาพลางขอร้องว่า: "ดูแลคุณมาทั้งคือ ฉันเหนื่อยมากเลย วันอื่นได้ไหม?"

พูดมาขนาดนี้แล้ว เธอไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอ

หนานกงเฉินได้ยินคำพูดของเธอจึงหยุดล่วงเกินเธอ ลดมือมากอดเธอไว้แทน"

เหนื่อยมาทั้งคืน เขาเองก็เพลียมากเช่นเดียวกัน

วันรุ่งขึ้นไป๋มู่ชิงตื่นแต่เช้า ออกไปหาซื้อวัตถุดิบง่ายๆ แถวๆ โรงแรมกลับมาเตรียมอาหารเช้า

เมื่อเธอมาถึงห้องนอน หนานกงเฉินลุกขึ้นนั่งพอดี

"ตื่นแล้วหรอ?" ไป๋มู่ชิงประเมินเขา

หนานกงเฉินมองเธอ แล้วนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตัวเอง

เมื่อคืนตนนั้นทำอะไรลงไป?!

ทำเรื่องขาดสติเพื่อผู้หญิงคนนึงที่ไม่มีวันหวนคืนมาทั้งคืน ดื่มจนเมาเละเทะ หนานกงเฉินที่เป็นแบบนี้แม้ตัวเขายังเกลียดตัวเอง

"เมื่อคืน......ลำบากเธอแล้ว" เขาพูดกับเธออย่างอ่อนโยน

ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงคิดว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นเรื่องที่เธอพึงกระทำ เพราะเธอเป็นภรรยาที่เขาซื้อมา เขาไม่เคยมองเธอด้วยสายตาที่เท่าเทียมกัน เพราะไร้ยางอาย

คงเป็นเพราะเวลาผ่านไป เขาค่อยๆ พบว่าเธอกับคนอื่นๆ ไม่ค่อยเหมือนกันจริงๆ จึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเธอ

อย่าว่าแต่เขาเลย กระทั่งไป๋มู่ชิงที่ได้ยินเขาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแบบนี้ก็รู้สึกไม่ชิน แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอก็รู้สึกดูถูกเขาอยู่เหมือนกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด