เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 131

บทที่ 131 โชคดีจังเลยแฮะ

“หึหึ”

หลี่เคอหมิงอดหัวเราะและพูดหยอกเย้าไม่ได้ว่า “เธอเป็นนักศึกษาจากตระกูลใหญ่หรือไง เธอจะไปเอาคำแนะนำมาจากไหน?”

“อาจารย์ก็รู้นี่ครับว่าบ้านญาติผู้ใหญ่ของผมมีตำราโบราณฝังอยู่ใต้ดินมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีตำราการครองบัลลังก์ของจักรพรรดิด้วย”

ซูเย่ฉีกยิ้มและอธิบายต่อ “มันบอกเอาไว้ว่า…”

“พอเลย พอ!”

หลี่เคอหมิงต้องรีบยกมือห้าม “บ้านญาติผู้ใหญ่ของเธอเป็นขุมสมบัติเก่าหรือไง ทำไมถึงได้มีคัมภีร์โบราณมากมายเยอะแยะขนาดนี้ฮะ”

แต่เมื่อพูดจบแล้วและเห็นสีหน้าของซูเย่ยังคงมีความมุ่งมั่นดังเดิม ผู้เป็นอาจารย์จึงต้องกล่าวออกมาอีกครั้งหลังจากนิ่งคิดอยู่ครู่ใหญ่

“ในเมื่อเห็นเธอตั้งใจขนาดนี้ ฉันจะลองรับฟังดูก็ได้ ไหนว่ามาซิ”

“วิธีจัดการที่ง่ายที่สุดคืออาจารย์ต้องเอาชนะใจคนสามกลุ่มให้ได้ครับ”

ซูเย่เริ่มต้นอธิบายอย่างเป็นการเป็นงาน “ตอนนี้อาจารย์เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง กลายเป็นจุดสนใจของทุกคน ไม่ว่าใครต่างก็อยากรู้ว่าอาจารย์มีความสามารถมากแค่ไหน และจะมีรูปแบบการทำงานเป็นอย่างไร โดยกลุ่มคนเหล่านั้น อาจารย์สามารถแบ่งแยกออกได้เป็นสามกลุ่มคือ กลุ่มของนักศึกษา กลุ่มของคณะอาจารย์ และกลุ่มของผู้บริหาร”

“หากอาจารย์สามารถทำให้คนทั้งสามกลุ่มนี้พอใจได้ สถานการณ์ก็จะดีขึ้นอย่างรวดเร็วครับ”

เมื่อได้รับฟังคำแนะนำของซูเย่ หลี่เคอหมิงก็ต้องหันมาชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยความแปลกใจ

นี่คือการวิเคราะห์อย่างตรงไปตรงมา

“เพราะฉะนั้น คนกลุ่มแรกที่อาจารย์ควรเอาชนะใจให้ได้ ก็คือกลุ่มผู้บริหารครับ”

ซูเย่พูดมาถึงตรงนี้ก็เกิดความลังเลใจเล็กน้อย เขาไม่อยากจะยื่นมือเข้าไปแทรกแซงมากเกินไป แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลี่เคอหมิงช่วยเหลือเขาเอาไว้ไม่ใช่น้อย ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกล่าวต่อ “วิธีการนั้นง่ายมาก อาจารย์แค่ต้องไล่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตของคณบดีหยางออกไปให้หมด”

“และนี่จะเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวด้วยนะครับ”

ซูเย่อธิบายอย่างต่อเนื่อง “หลังจากที่อาจารย์ไล่บุคลากรทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตของคณบดีหยางออกไปหมดแล้ว กลุ่มอาจารย์ที่เหลืออยู่ก็จะรู้แล้วว่าหลี่เคอหมิงคนนี้มีความเอาจริงเอาจัง และสามารถจัดการคนโกงได้โดยไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น พวกเขาจะไว้วางใจในตัวอาจารย์หลี่มากขึ้น ผมรับรองได้เลยว่าไม่มีทางเกิดคลื่นใต้น้ำเด็ดขาด”

“ส่วนคนกลุ่มที่สามที่ต้องเอาชนะใจให้ได้ก็คือนักศึกษา”

พูดมาถึงตรงนี้ ซูเย่ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เดิมทีมหาวิทยาลัยของเราให้ความสำคัญกับเด็กคณะแพทย์แผนจีนมาเป็นอันดับหนึ่ง หลังจากนี้ ถ้าเราให้ความสนใจที่เด็กคณะอื่น ๆ บ้าง ก็น่าจะดีไม่น้อยเลยนะครับ”

ตอนแรกนั้น

หลี่เคอหมิงไม่ค่อยสนใจสิ่งที่ซูเย่พูดสักเท่าไหร่

เพราะตัวเขาเองไม่เคยเป็นผู้นำมาก่อน สิ่งที่อาจารย์อาวุโสเป็นกังวลมากที่สุดก็คือการรับมือกับบรรดาอาจารย์ตัวปัญหา ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม

แต่เมื่อได้รับฟังคำแนะนำของซูเย่แล้ว

หลี่เคอหมิงก็รู้สึกเหมือนกับว่าท้องฟ้าที่มีเมฆดำปกคลุม พลันปรากฏแสงตะวันสดใสสาดส่องลงมา

ยิ่งฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมากเท่าไหร่ หลี่เคอหมิงก็ยิ่งรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่มีเหตุผลมากเท่านั้น

และเป็นอีกครั้งที่หลี่เคอหมิงต้องหันมามองหน้าลูกศิษย์ของตัวเองด้วยความเหลือเชื่อ เมื่อพูดจบแล้ว ซูเย่ก็กลับไปมีสีหน้าราบเรียบดังเดิม ราวกับว่าก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ

เมื่อพวกเขากลับไปถึงมหาวิทยาลัย

“เรื่องคำแนะนำของเธอ เอาไว้คุยกันใหม่ตอนตรวจคนไข้รอบหน้านะ”

หลี่เคอหมิงซึ่งกำลังคิดหาทางแก้ปัญหาให้แก่ตนเองรีบพูดกับซูเย่ด้วยความเร่งร้อน หลังจากนั้น เขาก็โทรศัพท์เรียกประชุมผู้บริหารบางส่วนโดยทันที

ซูเย่คลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยระหว่างมองแผ่นหลังของหลี่เคอหมิงเดินหายลับไปจากสายตา

ชีวิตที่ดำเนินมากว่า 2000 ปีของเขาทำให้ซูเย่เคยพบเจอผู้คนที่ไม่คุ้นชินกับอำนาจอย่างหลี่เคอหมิงมานักต่อนัก

ความจริง ซูเย่ยังมีอีกหลายเคล็ดลับมากกว่าที่ได้แนะนำออกไป

อย่างเช่น การแต่งตั้งบุคคลผู้เป็นอาจารย์ต้นแบบและมอบรางวัลให้แก่อาจารย์ผู้ทำหน้าที่ดีเด่น

หรือไม่ก็เรียกประชุมลูกน้องเก่าของคณบดีหยาง ซึ่งไม่มีส่วนรู้เห็นกับการทุจริตด้วย แต่ก็อาจเป็นกังวลในความไม่มั่นคงทางหน้าที่การงานของตนเอง หน้าที่ของหลี่เคอหมิงก็คือการทำให้คนเหล่านั้นมั่นใจได้ว่าตนเองจะไม่ถูกไล่ออก ขอเพียงทำงานหนักต่อไปเท่านั้นก็พอ

รวมถึงการพบปะพูดคุยกับกลุ่มนักศึกษาให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในมหาวิทยาลัยหรือในเว็บบอร์ดโลกออนไลน์ก็ตาม

เมื่อนักศึกษามีความใกล้ชิดกับคณบดี ความสัมพันธ์ก็จะแน่นแฟ้นมากขึ้น

เช่นเดียวกับความไว้วางใจ

นี่คือเคล็ดลับที่สามารถนำมาใช้งานได้ทั้งหมด

แต่ว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]