เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 211

บทที่ 211 รางวัลมหาศาล ผู้บัญชาการมาเอง

“ทุกคนจะไปไหนกันล่ะ?” จางจงหมิงยิ้มร่าพลางเอ่ยถาม

“เราจะไปฟันมอนสเตอร์เพื่อเลื่อนเลเวลกัน” ซุนชือเดินยิ้มออกมาพลางกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

“มันเจ๋งขนาดนั้นเลยเหรอ?” จางจงหมิงกวาดสายตามองทุกคนอย่างระมัดระวังแล้วพบว่าบนศีรษะของทุกคนมีชื่อพรรคเดียวกันปรากฎอยู่

เขาจึงพูดขึ้นทันที “หวังผายเฟยหังหยวน(นักบินอวกาศป้ายทอง) ขอเข้าร่วมด้วย”

เมื่อทุกคนได้ฟัง ก็หันมามองซุนชือทันที

“ได้สิ…อยากจะลากพวกคนรวยแบบนายเข้าร่วมด้วยนานแล้ว”

ซุนชือยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่งคำเชิญไปให้จางจงหมิงเพื่อดึงเขาเข้ากลุ่มทันที

“ไงพ่อคนรวย”

พอคนเข้ามา ซุนชือก็รีบโอบไหล่จางจงหมิงทันทีพลางกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ตอนนี้พวกเรายังสร้างพรรคไม่ได้ ดังนั้นเลยทำได้แค่เพิ่มเข้ากลุ่ม ต่อไปเงินตั้งพรรคของพวกเราก็คงต้องพึ่งนายแล้ว”

“พยายามไปด้วยกัน ก้าวหน้าไปด้วยกัน”

จางจงหมิงก็พูดรับไปตามน้ำ ไม่ได้เอาคำพูดซุนชือคิดเป็นจริงเป็นจัง อยู่ใต้ชายคาบ้านผู้อื่น กอดกันเพื่อความอบอุ่นไว้ก่อน เงินค่อยพูดถึงกันทีหลัง

ขณะที่พูดคุยกันทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังเขต 33

ในขณะเดียวกัน ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ก็กำลังถูกผู้ล่าจำนวนมากตามไล่ฆ่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปเขตฝึกฝนเลย…แค่หาที่หลบภัยได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว

ส่วนผู้เล่นทั่วไปส่วนมากยังคงฟันมอนสเตอร์อัพเลเวลกันต่อ แต่ถ้าหากเห็นผู้ฝึกยุทธ์ปรากฏตัวก็จะรวมกลุ่มกันราวกับฝูงผึ้งไล่ฆ่าพวกเขาทันที

ตีมอนสเตอร์เป็นหลัก ตีเป้าหมายเป็นเรื่องรอง…

ยังไงซะเป้าหมายก็มีจำนวนน้อยนิดขนาดนั้น ไม่สู้เอาเวลาไปตั้งใจตีมอนสเตอร์ดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะได้เลื่อนขั้นเป็นอันดับต้น ๆ บนตารางการจัดอันดับก็ได้

ซูเย่ขี่เฉิงหวงอย่างสง่าผ่าเผยเดินนำทาง พาทุกคนมุ่งหน้าไปยังเขต 33

ผ่านเขต 31 ผู้เล่นหลายคนเห็นเฉิงหวง ก็รีบหลบโดยเร็ว…

มาถึงเขต 32 ความกล้าของผู้เล่นมีมากกว่าเล็กน้อย มองเฉิงหวงอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้หลบไป แต่ก็เพียงแค่ยืนมองอย่างชื่นชมอยู่ห่าง ๆ แล้วเดินออกไป

เขต 33 เขาที่มีคนอยู่เยอะที่สุดในตอนนี้

“ชื่อสีแดง!!!”

“ชื่อสีแดงมา…!”

ในขณะที่ผู้เล่นธรรมดาจำนวนมากกำลังฟันมอนสเตอร์อัพเลเวลกันอย่างดุเดือด ก็มีเสียงร้องดังขึ้น ทุกคนหันศีรษะไปมองตามเสียงทันที…

เห็นเพียงผู้เล่นชื่อสีแดงกลุ่มใหญ่ กำลังเดินมาทางนี้ โดยผู้ที่นำทางอยู่ด้านหน้าคือชายหนุ่มผู้ขี่เฉิงหวงอันแสนสะดุดตา…

“เจ้าเวรกรรม?”

“แย่แล้ว…ทำไมเขาพาคนมาเยอะขนาดนั้น?!”

“นี่พวกเขามาฆ่าคนหรือว่ามาตีมอนสเตอร์อัพเลเวลเหรอ?”

“โหมดไล่ฆ่ายังกล้ามาตีมอนสเตอร์อีกงั้นเหรอ เขาดูไม่หวาดกลัวพวกเราเลย…”

ผู้เล่นเขต 33 ต่างรู้สึกตกตะลึงกันเล็กน้อย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงออกว่าหวาดกลัว แต่เมื่อเห็นเจ้าเวรกรรมเดินนำคนหลายสิบคนเข้ามา หลายคนก็เริ่มถอยหลังโดยสัญชาตญาณ…

คนผู้นี้ ชั่วชาสามานย์ ชื่อฉาวโฉ่ระบือไกล

ทุกคนเห็นพ้องต้องกันในบอร์ดสนทนา ฆ่าเขายังไงก็ได้ไม่คุ้มเสีย ดังนั้นถ้าเจอก็ให้เลี่ยงไปจะดีกว่า

แต่การที่เขามาตีมอนสเตอร์อัพเลเวลมันก็ออกจะดูยโสโอหังเกินไปหน่อยไหม?

“รวมตัวกันแล้วฆ่าพวกเขาดีไหม?”

ทุกคนมองหน้ากันไปมา ต่างคนต่างมองทะลุไปถึงความลังเลใจในดวงตาของอีกฝ่าย ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ ว่าภายใต้คมดาบของเจ้าเวรกรรมพวกเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่!

ในเวลาไม่นาน ผู้เล่นที่กำลังตีมอนสเตอร์อยู่ในเขต 33 ต่างถอยหลังออกไป

“ช่างเถอะ เงยหน้าไม่เห็นก้มหน้าก็เจอ วันนี้หลบไปก่อน วันหน้าเผื่อมีโอกาสได้ทำความรู้จักกันดี ๆ พื้นที่กว้างใหญ่ขนาดนี้…ที่ตรงนี้ก็ให้พวกเขาเถอะ!”

หลังจากนั้นไม่นาน ซูเย่และคนอื่น ๆ ก็ได้รับพื้นที่เลื่อนเลเวลที่สะดวกสบาย

คนอื่นย้ายไปอยู่ไกล ๆ เพื่อจะต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่ออัพเลเวล..

“รู้กันได้ยังไง?”

ซูเย่พูดด้วยความงุนงง “ฉันกำลังคิดที่จะเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาอย่างมีเหตุผลอยู่เลย!”

ซุนฉีและคนอื่น ๆ ก็ยิ่งฉงนมากกว่าเดิม นี่มันยอดเยี่ยมเกินไปไหม?!

ตัวยังเดินไปไม่ถึง ในเขตที่ว่าก็มีคนถอยออกไปเองเสียแล้ว…

ชื่อเสียงของซูเย่ช่างน่าอัศจรรย์!

“เฮ้อ”

ซูเย่ถอนหายใจเบาๆ เมื่อซุนฉีเห็นเข้า เขาก็รีบตะโกนทันที

“ทุกคนขอทางหน่อย เสี่ยวเย่จะโชว์เทพแล้ว!”

ซูเย่ยังคงเงียบ ไป๋จือหรานและไป๋จือเหยียนเองก็มองไปที่ซูเย่ด้วยแววตาแปลกประหลาด

“ไปเลื่อนเลเวลกันเถอะทุกคน…”

ซูเย่กล่าวอย่างหมดวาจา

บ่ายวันถัดมา…

หวังเหาได้รับข้อความให้เขารีบไปที่หน่วยใหญ่ทันที! และเมื่อเขาไปถึง หัวหน้าหน่วยย่อยทั้งแปดหน่วยในเมืองจี้หยางล้วนมาถึงแล้ว

ณ ห้องประชุมที่ฐาน

“สถานการณ์ครั้งนี้ ช่างทำให้ผิดหวังจริงๆ”

เกาหรงเฉิงนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะประชุมเหลือบมองหวังเหาและคนอื่น ๆ ทั้งสองด้านแล้วกล่าวว่า “เพียงแค่คืนเดียวมีผู้ฝึกยุทธ์เหลืออยู่เพียง 300,000 คนจากผู้ฝึกยุทธ์กว่า 1 ล้านคน ดูจากสถิตินี้แล้ว คุณภาพของผู้ถูกเลือกช่างน่าเป็นห่วงเสียจริง!”

หัวหน้าของทีมย่อยพากันพยักหน้าทีละคน พวกเขาทุกคนล้วนติดตามสถานการณ์ของโหมดฆ่าครั้งนี้อยู่ตลอดเวลา

ตอนแรกที่เห็นผู้ฝึกยุทธ์ถูกคัดออก พวกเขาก็ค่อนข้างตื่นเต้น…

แต่ทว่า…เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ถูกคัดออกมากขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของพวกเขาก็ค่อย ๆ เคร่งเครียดมากขึ้น

ก็ใครจะไปคิดว่าผู้ฝึกยุทธ์ล้านคน ภายในคืนเดียวจะตกรอบไปถึง 70%

สถิตินี้ดูยังไงก็…ไม่น่ามองอย่างยิ่ง!

“คืนนี้ หัวหน้าระดับสูงจะมาสังเกตการณ์โหมดไล่ฆ่าด้วยตัวเอง ไม่เพียงแต่ผู้บัญชาการเขตฮัวตงโจว(เขตตะวันออก)ของพวกเราเท่านั้น แต่ผู้บัญชาการเขตอื่น ๆ ใน ตงเป่ยโจว(เขตตะวันออกเฉียงเหนือ) ฮัวเป่ยโจว(เขตเหนือ) จงหนานโจว (เขตกลางใต้) ซีหนานโจว (เขตตะวันตกเฉียงใต้) และซีเป่ยโจว (เขตตะวันตกเฉียงเหนือ) จะเฝ้าสังเกตการณ์ตลอดช่วงเวลา”

เกาหรงเฉิงพูดอย่างจริงจัง “ดังนั้น พวกเราจะต้องพยายามกันให้มากขึ้น”

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของหวังเหาและคนอื่น ๆ ก็ปรากฏแววเคารพยำเกรง

ทีมสืบสวนแห่งชาตินี้แบ่งออกเป็นหกเขตหลัก…และผู้บัญชาการของเขตทั้งหกนี้ต่างมาด้วยตนเอง

เห็นได้ชัดว่าโหมดไล่ฆ่าครั้งนี้มีความสำคัญมาก!

“ผู้บัญชาการเขตฮัวตงโจวของพวกเราบอกเองกับปากว่าให้ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกเลือกในแต่ละเขตตั้งใจแสดงฝีมือให้ดี ผู้ที่มีผลงานดีจะมีรางวัลให้อย่างงามแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]