บทที่ 51 ไม่ยอมรับแอดนางฟ้า
“ให้ตายสิ!”
“นี่มันอะไรกัน…” เมื่อได้ยินคำถาม ซูชือก็ลุกขึ้นยืนด้วยความเดือดดาล จินฟานต้องรีบดึงเพื่อนให้กลับลงมานั่งตามเดิม เพราะนี่ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาจะมีเรื่อง
ทั้งสองหนุ่มได้แต่ทนอดกลั้นความหงุดหงิดใจเอาไว้และจ้องมองไปยังฝ่ายผู้ท้าชิง
ชาวเน็ตก็เดือดดาลไม่แพ้พวกเขาเช่นกัน
ไม่มีคำถามไหนจะไร้ยางอายมากไปกว่านี้อีกแล้ว!
มันไร้ยางอายยิ่งกว่าคำถามหลายคำตอบก่อนหน้านี้หลายเท่า!
จะมีใครตอบได้บ้าง?
ไม่ว่าคนเก็บขยะจะเคยดูการ์ตูนเรื่องแมวกับหนูหรือไม่ แต่เขาย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่าตัวละครเจ้าของบ้านปรากฏตัวออกมาในตอนที่เท่าไหร่!
“นี่มันคำถามบ้าบออะไรกันเนี่ย?”
“เขาเข้าใจหรือเปล่าว่าการถามคำถามที่แท้จริงมันคืออะไร?”
“ชักจะไร้สาระขึ้นไปทุกทีแล้ว คำถามแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน?”
“ถามแบบนี้มันไม่อยากให้อีกฝ่ายตอบถูกนี่หว่า ถ้าจะเล่นกันถึงขนาดนี้ไม่ถามเลยล่ะว่าตัวละครเจ้าของบ้านมีขนหน้าแข้งทั้งหมดกี่เส้น!”
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าลูกพี่จะเป็นคนหน้าด้านขนาดนี้ เล่นสับขาหลอกว่าคำถามที่แล้วมีหลายคำตอบก็ว่าชั่วมากแล้วนะ แต่พอเจอคำถามนี้เข้าไป นี่มันนิสัยของพวกขี้แพ้ชวนตีนี่หว่า”
ชาวเน็ตที่รับชมการถ่ายทอดสดพร้อมใจกันพิมพ์ข้อความต่อว่าเจ้าของบัญชี “คำพูดที่ไม่เคยคิด ที่จริงก็คือยาพิษ” อย่างสามัคคี
แต่ในเวลาเดียวกันนี้ สายตาทุกคู่ก็จ้องมองไปที่ซูเย่
คำถามถูกถามออกมาแล้ว ถึงด่าทอต่อไปก็ไร้ประโยชน์
สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ล้วนขึ้นอยู่กับคนเก็บขยะเท่านั้น
เขาจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้งหรือไม่?
ซูเย่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อชิ้นสุดท้ายเข้าปาก หยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความใจเย็น
เขายิ้มให้อีกฝ่าย
“ตอนที่ 21”
เมื่อตอบออกมาแล้ว ซูเย่ก็ไม่รอช้าเอื้อมมือไปกวาดเงิน 300,000 หยวนนั้นเข้ามาหาตัว
หลังจากนั้น เขาก็เดินออกไปจากร้านอาหารพร้อมด้วยซูชือและจินฟาน
ขณะนี้มีเพียงเน็ตไอดอลหนุ่มแต่เพียงคนเดียวที่ยังนั่งอึ้งอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง
ในหัวของเขามีเพียงคำถามเดียวเท่านั้นว่า
หมอนั่นตอบถูกได้ยังไง?
หมอนั่นรู้คำตอบได้ยังไง?
ในเพจถ่ายทอดสด
คนดูกว่า 400,000 คนต่างก็พร้อมใจกันส่งคอมเมนต์เข้ามารัว ๆ
“เชี่ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย? เขาตอบถูกได้ยังไง?”
“สรุปว่าตอบถูกจริง ๆ ใช่ไหม?”
“ให้ตายสิ คำตอบคือตอนที่ 21 จริง ๆ ด้วย ฉันลองหาข้อมูลในเน็ตดูแล้ว คำตอบคือตอนที่ 21 จริง ๆ ว่าแต่คนเก็บขยะรู้คำตอบได้ยังไงกันนะ?”
“แบบนี้มันเก่งเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำถามเกี่ยวกับแวดวงดาราศาสตร์ ธรณีวิทยา วงการบันเทิง วิทยาศาสตร์ หรือกฎหมาย ทั้งหมดนี้ไม่มีคำถามไหนจะหยุดยั้งเขาได้เลย!”
“คนอะไรวะเก่งถึงขนาดนี้!”
ชาวเน็ตผู้รับชมการถ่ายทอดสดต่างก็ตกตะลึงไปกับความเก่งกาจของซูเย่
ในตอนแรกนั้น
พวกเขามั่นใจว่าเจ้าของบัญชี “คนเก็บขยะ” จะต้องเป็นหุ่นยนต์คอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็เป็นคนวงในของทางรายการที่ปลอมตัวเข้ามาเล่นเกมนี้เสียเอง
แต่เมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวในคืนแห่งการเดิมพันครั้งนี้ ข่าวลือเรื่องที่ว่าเขาเป็นหุ่นยนต์คอมพิวเตอร์นั้นก็เป็นอันปัดทิ้งไปได้หนึ่ง
ทีนี้ก็เหลือแต่ว่าเขาเป็นคนวงในของทางรายการที่ปลอมตัวเข้ามาเล่นเกม
แต่แล้วชายหนุ่มกลับสามารถตอบคำถาม 10 ข้อแรกของ “คำพูดที่ไม่เคยคิด ที่จริงก็คือยาพิษ” โดยไม่ผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าของบัญชีคนเก็บขยะก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ใช่คนวงในของทางรายการ และเขาไม่เคยรู้คำตอบล่วงหน้า แต่ที่เขาสามารถตอบคำถามได้ทั้งหมด ล้วนมาจากความสามารถของเขาเอง
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
ในการตอบคำถามรอบที่ 2 ชายหนุ่มได้เลื่อนระดับขึ้นจากเทพเจ้าแห่งเกมตอบคำถาม
กลายเป็นสารานุกรมที่มีชีวิต!
ไม่ว่าคำถามนั้นจะเกี่ยวข้องกับสิ่งใด หรือวงการไหน เขาก็ตอบถูกต้องหมดทั้งสิ้น!
ยอดเยี่ยม!
ยอดเยี่ยมที่สุด!
ข้อความชื่นชมคนเก็บขยะยังคงปรากฏขึ้นในเพจถ่ายทอดสดอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดเจ้าของนามแฝงก็สามารถสลัดความมึนงงออกไปได้
ห้องอาหารในขณะนี้ว่างเปล่าแล้ว
เขารีบวิ่งออกไปตะโกนไล่หลังซูเย่ด้วยความไม่ยอมแพ้
“ฉันยังไม่ได้หักค่าภาษีเลยนะ!”
ซูเย่ใช้มือข้างที่ถือปึกเงินยกขึ้นบ๊ายบายอีกฝ่าย เขายิ้มแย้มและเดินลงจากภูเขาไปโดยไม่พูดคำใด
เขาจะเอาเงินไปบริจาค จะต้องหักค่าภาษีทำไมล่ะ
“ซูเย่ นายโคตรเจ๋งเลยว่ะ!” เมื่อเดินลงมาจากภูเขาได้ครึ่งทาง ซูชือก็หลุดออกจากภวังค์แห่งความตกตะลึง และยกมือตบไหล่ซูเย่ด้วยความตื่นเต้น “นายรู้คำตอบพวกนั้นได้ยังไง?”
จินฟานก็กำลังมองหน้าซูเย่ด้วยความสงสัยเช่นกัน
“ฉันเป็นคนอ่านหนังสือเยอะ ก็เลยจำเรื่องพวกนี้ได้แบบอัตโนมัติน่ะ”
ซูเย่ตอบกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“โม้อีกแล้ว”
ซูชือตบไหล่ซูเย่อีกครั้ง จากนั้นจึงพูดว่า “หลังจากนี้ถึงตอนที่ต้องสอบเมื่อไหร่ ฉันขอนั่งข้างนายนะ จะได้ทำคะแนนออกมาสูง ๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง”
แต่เมื่อพูดจบ จินฟานก็รีบส่ายหน้าทันที “ไม่ได้! นายอย่าลืมสิว่าพวกเราเรียนเกี่ยวกับการช่วยชีวิตผู้คน จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนให้ได้เยอะ และแม่นยำที่สุด นี่คือความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และผู้ป่วยในอนาคตของพวกเราเชียวนะ”
หลังจากนั้นจินฟานก็หันมามองหน้าซูเย่ “ทำไมพวกเราถึงไม่เจอนายให้เร็วกว่านี้วะ”
“จะเจอหรือไม่เจอมันก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว เรามองถึงอนาคตข้างหน้าดีกว่า ซูเย่เราไปหาอะไรกินกันดีมะ”
ดวงตาของจินฟานเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำชักชวนของซูชือ
“ระหว่างที่นายแข่งตอบคำถามเมื่อกี้ ฉันต้องทนดูพวกนายนั่งกินหม้อไฟกันตาละห้อย ตอนนี้รู้สึกหิวชะมัดเลยว่ะ ได้เงินมาตั้งเยอะ พาพวกฉันไปเลี้ยงข้าวหน่อยสิ” ซูชือพูดพร้อมกับกระโดดโลดเต้นด้วยความร่าเริง
“ไม่มีปัญหา” ซูเย่พยักหน้า “ว่าแต่พวกนายอยากกินอะไร?”
ซูชือกับจินฟานหันมองหน้ากันและตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียง “กุ้งเผาข้างมหาลัย!”
ซูเย่รู้ดีว่าเพื่อนทั้งสองกำลังพูดถึงอะไรอยู่ เขาจึงตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้าง “ไปกันเถอะ”
แล้วทั้งสามหนุ่มก็รีบลงมาจากภูเขา ทันโบกรถแท็กซี่ได้คันหนึ่งก็โดยสารตรงไปยังร้านกุ้งเผาที่ตั้งอยู่ข้างมหาวิทยาลัย
ระหว่างทาง คนขับรถได้แต่จ้องมองปึกเงินในอ้อมแขนของซูเย่ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหวาดระแวง เขาได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่กล้าถามออกมา เพราะกลัวว่าสิ่งที่คิดมันจะเป็นความจริง
ชายหนุ่มทั้งสามคนนี้ไปปล้นเงินคนอื่นมาใช่หรือไม่?
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงย่านการค้าข้างมหาวิทยาลัย
ซูเย่ ซูชือ และจินฟานตรงดิ่งไปยังแผงรถเข็นขายกุ้งเผาที่ตั้งอยู่ข้างถนน
ร้านกุ้งเผาที่ขายข้างทางร้านนี้เป็นที่โด่งดังไปทั่วเมืองจี้หยาง หากใครได้ลองรับประทานสักครั้ง ก็ต้องกลายเป็นลูกค้าประจำทันที
เมื่อชายหนุ่มทั้งสามคนไปถึง
ก็มีคนจำนวนมากยืนต่อแถวเข้าคิวรอรับประทานกุ้งเผาสูตรพิเศษอยู่ยาวเหยียด
กลุ่มคนเหล่านั้นมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนใหญ่อยู่ในวัยนักศึกษา
สายตาของทุกคนหันมาจ้องมองปึกเงินในอ้อมแขนของซูเย่เป็นตาเดียว
ให้ตายสิ มากินกุ้งย่างต้องพกเงินเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?
สามสหายไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง เมื่อพวกเขาสั่งอาหารเรียบร้อย ก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะประจำ
“แม่งเอ๊ย พวกเรากลายเป็นคนดังตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย” ซูชืออุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งและเปิดโทรศัพท์มือถือเช็คข่าวในแอป Weibo
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]