บทที่ 67 รักษาได้ใน 24 ชั่วโมง
“ทำตัวตามสบายนะครับ”
ซูเย่พูดกับชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียง
ชายหนุ่มขาหักพยักหน้า เขามองหน้าซูเย่อย่างมีความหวัง และหลับตาลง
ซูเย่ยื่นมือออกไปแตะที่ศีรษะของชายหนุ่ม เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น คนไข้ของเขาก็หมดสติไป
หลังจากนั้น ซูเย่ก็คลำบนตำแหน่งขาที่บาดเจ็บ รัศมีแสงสว่างแผ่ออกจากมือของเขาลงไปบนขาของคนไข้อย่างเชื่องช้า
แสงสว่างเหล่านั้นไหลเวียนไปทั่วต้นขาของผู้บาดเจ็บ ซูเย่กำลังทำการตรวจดูสภาพว่าชายหนุ่มคนนี้มีอาการบาดเจ็บรุนแรงอยู่ในระดับไหน
เขารู้ดีว่าหลี่เคอหมิงเป็นกังวลเรื่องอะไร และซูเย่ก็ทราบเช่นกันว่ามันเป็นเรื่องที่ควรค่าต่อการกังวล
ไม่เคยมีใครสามารถต่อกระดูกที่สมานตัวแล้วได้สำเร็จมาก่อน
ไม่ว่าใครก็ทำไม่ได้
เพราะขาข้างนี้ไม่สมควรใช้งานได้อีกแล้ว!
“กร๊อบ”
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงกระดูกสมานตัวจากตำแหน่งที่มือของซูเย่จับลงไปบนขาของผู้บาดเจ็บ
ไม่กี่อึดใจต่อมา ซูเย่ก็กำจัดรอยแตกร้าวและจุดที่เสียหายซึ่งเกิดขึ้นจากอาการบาดเจ็บเรื้อรังตลอดระยะเวลา 2 ปีได้หมดสิ้น
ได้ยินเสียง “กร๊อบ” ดังขึ้นอีกครั้ง
เป็นวินาทีเดียวกับที่ซูเย่รวบรวมสมาธิ และบริกรรมคาถาออกมาจากปาก
“เยียวยาผู้โชคร้าย สมานแผลทุกโมงยาม”
แสงสว่างวูบวาบ
เกิดคลื่นพลังที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าไหลรินลงไปสู่ขาข้างที่บาดเจ็บของผู้ป่วย
เมื่อโคจรพลังลงไปลงไปเป็นตัวกระตุ้น การสมานตัวของกระดูกก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น!
นี่คือผลลัพธ์ชนิดเดียวกับการผ่าตัดจัดกระดูกใหม่
แต่มีความรวดเร็วในการรักษามากกว่ากันหลายสิบเท่า
ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่น
ความผิดปกติเดียวคือซูเย่มีใบหน้าซีดเผือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ตอนนี้เขาใช้พลังลมปราณในร่างกายไปแล้วทั้งหมด 8 ใน 10 ส่วน
แสงสว่างในราชวังแห่งความทรงจำเลือนรางลงไป 3 ใน 5 ส่วน
รอยยิ้มฝืด ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากของเขา
“การเร่งความเร็ว 100 เท่าไม่สนุกเลยนะเนี่ย”
ครั้งก่อนเขาลองเร่งเวลาสิบเท่าก็แทบแย่แล้ว
ขณะนี้ ซูเย่เร่งเวลาร้อยเท่า ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นกับร่างกายของเขาอย่างชัดเจน
แต่ถึงมันจะผลาญพลังลมปราณไปเป็นจำนวนมาก ทว่าการช่วยรักษาผู้บาดเจ็บขาหักคนนี้คือสิ่งที่คุ้มค่า
คนดีสมควรได้รับการปกป้อง
เมื่อทำดีก็สมควรได้รับรางวัลตอบแทน!
ชายหนุ่มที่หมดสติอยู่บนเตียงเริ่มรู้สึกตัวแล้ว ซูเย่รีบนั่งขัดสมาธิโคจรพลังปรับระดับลมหายใจ เมื่อเขาร่ายคาถานี้ มันจะมีผลเป็นเวลาทั้งสิ้น 24 ชั่วโมง ดังนั้น ซูเย่จึงไม่ต้องวิตกกังวลเรื่องอื่นใดอีก
ด้านนอกบ้านพัก
ทุกคนกำลังรอคอยด้วยความร้อนใจ
โดยเฉพาะหญิงสาวผู้เป็นภรรยา เธอไม่สามารถละสายตาออกจากประตูบานนั้นได้แม้แต่ครั้งเดียว
หลี่เคอหมิงมองหญิงสาวคนนั้น ก่อนชำเลืองมองชาวบ้านที่ยืนอยู่รอบตัว
แล้วเขาก็แอบถอนหายใจออกมา
นายแพทย์ใหญ่ไม่อยากจะเห็นชาวบ้านเหล่านี้ต้องผิดหวังเลย
แต่คนเรายิ่งคาดหวังมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดหวังมากเท่านั้น
เขาเชื่อว่าซูเย่มีความสามารถในการรักษาผู้คนเหนือธรรมดา แต่สิ่งที่ซูเย่กำลังทำอยู่ในวันนี้ หลี่เคอหมิงก็ไม่กล้าคาดหวังมากเกินไป เพราะโอกาสที่จะรักษาขาของชายหนุ่มคนนั้นให้หายดี มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ขณะนี้ชาวบ้านทุกคนต่างรอคอยด้วยความหวัง แต่รอให้รู้เสียก่อนเถิดว่าการรักษาไม่สำเร็จ
ชาวบ้านจะต้องเสียใจมากแน่นอน!
“แอ๊ด”
ทันใดนั้น ประตูบ้านพักเปิดออก
ซูเย่เดินออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว ก้าวเดินของเขาดูค่อนข้างเหนื่อยล้า
ถึงเขาจะใช้เวลาพักใหญ่ปรับระดับพลังในร่างกาย แต่ร่างกายก็ยังไม่ฟื้นตัวอยู่ดี
“เป็นยังไงบ้างคะ?”
หญิงสาววิ่งเข้าไปถามซูเย่ด้วยความกระตือรือร้น
“น่าจะไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ”
ซูเย่ยิ้มตอบกลับไป “แต่ 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ห้ามเคลื่อนไหวคนเจ็บเด็ดขาดนะครับ เพราะมันเป็นเวลาที่กระดูกกำลังสมานตัว”
“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ! ขอบคุณคุณหมอมากจริง ๆ!”
น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปในบ้านพักเพื่อไปหาสามีของตนเอง
“ไหนโรงพยาบาลบอกว่ารักษาไม่ได้ไงล่ะ แล้วทำไมคุณหมอคนนี้ถึงใช้เวลารักษาแค่วันเดียวเอง เท่ากับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา โรงพยาบาลโกหกพวกเรางั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่นะ โรงพยาบาลบอกว่ารักษาได้ แต่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ต่างหาก”
“แต่คุณหมอไม่เห็นต้องผ่าตัดอะไรเลย แถมยังใช้เวลาพักฟื้นแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น”
ชาวบ้านที่ยืนจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่อยู่โดยรอบ พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่ตนเองได้ยิน
อันที่จริง พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าคุณหมอหนุ่มจะเก่งกาจถึงขนาดนี้ และก็ไม่คิดว่าการรักษาจะรวดเร็วเช่นนี้ด้วย
ซูเย่ไม่ได้สนใจเสียงกระซิบกระซาบด้วยความเหลือเชื่อที่ดังขึ้นรอบตัว เขาเดินตรงไปหาหลี่เคอหมิงพร้อมกับพูดว่า
“อาจารย์หลี่ครับ ผมว่าวันนี้เราพอแค่นี้ก่อนดีกว่า”
เมื่อหลี่เคอหมิงผู้กำลังตกใจกับใบหน้าขาวซีดของชายหนุ่ม ก็ให้เกิดความสงสัยอยู่ในใจหลายประการ แต่เขารู้ตัวดีว่ายังไม่ควรถามอะไรออกมาตอนนี้ จึงพยักหน้าตอบว่า “ได้สิ”
แต่ในใจของนายแพทย์ใหญ่ยิ่งเกิดความสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ
ใช้เวลาให้กระดูกสมานตัวแค่ 24 ชั่วโมงเนี่ยนะ?
มันจะเป็นไปได้อย่างไร?
ซูเย่ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมากดเรียกแท็กซี่ และแวะไปส่งหลี่เคอหมิงที่บ้านพักก่อน
หลังจากนั้น เขาก็ตรงดิ่งกลับไปที่หอพักนักศึกษาทันที
เมื่อกลับเข้าไปถึงห้องพัก ซูเย่ก็รีบสร้างค่ายอาคมดูดซับพลังปราณธรรมชาติอยู่บนเตียงของตนเองโดยเร็ว
“ร่างกายของเราในตอนนี้ ยังไม่พร้อมสำหรับการใช้คาถาที่เผาผลาญพลังลมปราณเป็นจำนวนมาก สงสัยเราต้องรีบหาวิธีหลอมโอสถเพิ่มปราณให้ได้เร็วที่สุดแล้วสิ…”
“ลูกวอลนัทพวกนั้นจะสุกดีก็สุดสัปดาห์นี้แล้ว คงต้องรีบไปเก็บมาก่อนดีกว่า”
“อีกอย่าง เราต้องรีบหาต้นโซวู 100 ปีให้เจอเหมือนกัน”
ซูเย่คิดระหว่างที่โคจรพลัง
ขณะนี้เขากำลังปูทางตนเองเข้าสู่วงการแพทย์แผนจีน เพราะอยากจะช่วยเหลือผู้คนพร้อมกับเก็บแต้มศีลธรรมไปด้วย นั่นหมายความว่าในอนาคตต่อจากนี้ ซูเย่ก็คงต้องใช้คาถาที่ดูดกลืนพลังลมปราณจำนวนมหาศาลอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง
และเพื่อไม่ให้ร่างกายเกิดความอ่อนล้าถึงขีดสุดเช่นนี้อีก เขาก็จำเป็นต้องรีบเลื่อนระดับพลังให้ได้โดยเร็ว
มีแต่แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ซูเย่ถึงจะทำอะไรได้มากกว่านี้!
รุ่งเช้าวันต่อมา
“เฮ้อ”
ซูเย่ระบายลมหายใจอย่างแรง หลังค่ำคืนแห่งการดูดซับพลังผ่านพ้นไป พลังในร่างกายของเขาก็ฟื้นฟูกลับขึ้นมาเต็มอัตรา
แสงสว่างในราชวังแห่งความทรงจำกลับมาสว่างไสวดังเดิม
ซูเย่เหยียดแขนเหยียดขาบิดขี้เกียจ ก่อนลุกขึ้นจากเตียง และเดินไปล้างหน้า
“คนที่ขึ้นถึงเลเวล 20 ยังมีอยู่แค่สองคนเหมือนเดิมว่ะ”
เสียงของซูชือลอยมาเข้าหูซูเย่ แต่เขาไม่ได้สนใจ ในเมื่อแผนที่ระดับ 20 ยังไม่เปิดให้เข้าเล่น ซูเย่ก็ไม่คิดที่จะกลับเข้าไปเล่นเกมนั้นอีก
ด้วยความที่เขามีพลังจิต และพลังลมปราณแข็งแกร่งมากกว่าผู้เล่นทั่วไป จึงทำให้ซูเย่สามารถเลื่อนระดับในเกมได้รวดเร็วกว่าคนอื่นถึง 50 เท่า
จึงไม่มีเหตุจำเป็นที่เขาจะต้องรีบร้อนเข้าไปเล่น
“ซูเย่ ฉันจะบอกข่าวดีให้ฟังนะ พวกเราขึ้นมาถึงเลเวล 19 แล้วนะเว้ย ไม่แน่คืนพรุ่งนี้เราอาจจะขึ้นถึงเลเวล 20 เลยก็ได้”
“ดีใจด้วยนะเพื่อน” ซูเย่พูดยิ้ม ๆ
“ทำไมพูดเหมือนขอไปทีแบบนั้นวะเนี่ย” ซูชือค่อนขอดเขาตามเคย
…
ในเวลาเดียวกันนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]