บทที่ 68 เก็บผลวอลนัท
“ขาที่หักไปแล้วถึงสองปีสามารถรักษาได้ด้วยเหรอ?”
“การรักษาด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีนสร้างปาฏิหาริย์ได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”
“ถ้าเขาไม่ได้เป็นคนในหมู่บ้านเรา แล้วถ้าพวกเราไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง เรื่องแบบนี้ถ้ามีคนอื่นมา
บอก พวกเราก็คงไม่เชื่อแน่ ๆ”
“อัจฉริยะ คุณหมอคนนี้เป็นอัจฉริยะ!”
ชาวบ้านที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่โดยรอบมองหน้าซูเย่ด้วยแววตาเคารพเลื่อมใส
ถือเป็นโชคดีของพวกเขาแล้วจริง ๆ!
เมื่อมีคุณหมออัจฉริยะมาคอยตรวจให้ถึงหมู่บ้านทุกเย็น ก็ไม่มีโรคร้ายใด ๆ จะคุกคามพวกเขาได้อีกแล้ว
ว่าแต่คุณหมอหนุ่มทำได้อย่างไร?
หลี่เคอหมิงหันกลับมามองหน้าซูเย่ด้วยความไม่อยากเชื่อ
ถึงเขาจะดีใจที่ซูเย่สามารถรักษาคนไข้ได้สำเร็จ แต่มันก็เป็นเรื่องอธิบายได้ยากอยู่ดี
แม้หลี่เคอหมิงจะมีความสามารถอยู่ในระดับแพทย์รักษาโรค แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้คำตอบเช่นกันว่าซูเย่สามารถรักษาคนไข้ขาหักคนนี้ได้อย่างไร?
หลี่เคอหมิงหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถพ่วงข้างด้วยความสงสัย
ใบหน้าที่หมดหวัง และอมทุกข์ของชายหนุ่มเมื่อวานนี้สลายหายไปหมดสิ้น
วันนี้ชายหนุ่มมีหน้าตาแจ่มใส และดูมีความหวังกับการใช้ชีวิตในการสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้คน
เห็นดังนั้น หลี่เคอหมิงก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
รักษาได้อย่างไรไม่สำคัญอีกแล้ว สำคัญที่ว่าซูเย่สามารถรักษาได้สำเร็จก็แล้วกัน
“พวกเรายังจะรออะไรอยู่อีก? รีบเข้าแถวให้คุณหมอตรวจกันเถอะ!”
พลัน มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากกลุ่มชาวบ้าน
ทุกคนได้สติรีบวิ่งเข้ามาต่อแถวหน้าโต๊ะตรวจคนไข้ทันที
พวกเขาไม่รู้เลยว่าคุณหมอหนุ่มจะยังมาตรวจให้ฟรี ๆ ที่หมู่บ้านอีกนานเท่าไหร่
ในเมื่อยังมีโอกาสได้รับการตรวจฟรีอยู่ ก็ต้องรีบตรวจซะ!
ผู้เฒ่าหลี่รับหน้าที่คอยจัดระเบียบผู้คนให้ยืนต่อคิวกันภายใต้ความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ชาวบ้านทุกคนให้ความเคารพต่อชายชราเป็นอย่างดี
ไม่มีใครยิ้มแย้ม และหัวเราะให้ผู้เฒ่าหลี่มานานมากแล้ว
“สู้ ๆ นะ”
หลี่เคอหมิงพูดกับซูเย่
ในขณะนี้ บรรยากาศเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง ชาวบ้านยืนต่อแถวเข้าคิวรอรับการตรวจจากซูเย่ด้วยความตื่นเต้น
ชายหนุ่มพยักหน้ารับกำลังใจ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงไปบนเก้าอี้หลังโต๊ะประจำตำแหน่ง และเริ่มต้นตรวจคนไข้อย่างเป็นทางการ
ขั้นตอนทุกอย่างยังคงดำเนินไปเหมือนเมื่อวานนี้ ซูเย่จะตรวจสอบอาการขั้นพื้นฐาน หลังจากนั้นก็เขียนใบสั่งยาให้หลี่เคอหมิงตรวจดู หลี่เคอหมิงจะแก้ไขรายละเอียดเล็กน้อย และคอยชี้แนะว่ามีจุดไหนในใบสั่งยาที่ซูเย่ต้องแก้ไขอีกบ้าง
การตรวจดำเนินไป ความมืดมิดครอบคลุมท้องฟ้าด้านบน
ยิ่งได้รับคำชี้แนะในการเขียนใบสั่งยาจากหลี่เคอหมิงมากเท่าไหร่ ซูเย่ก็ยิ่งมีความชำนาญในการคำนวณปริมาณยามากขึ้นเท่านั้น
การตรวจคนไข้คนสุดท้ายจบลงตอน 21:30 น.
ซูเย่ และหลี่เคอหมิงร่ำลาชาวบ้าน
จากนั้น พวกเขาก็เดินออกมาจากหมู่บ้าน
“วันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์”
หลี่เคอหมิงพูดระหว่างเดินกลับไปยังเขตที่พักของมหาวิทยาลัย “ฉันมีเรื่องต้องทำนิดหน่อย ตอนกลางวันถ้าเธอมีเวลาก็ควรศึกษาตำราโบราณเหล่านั้นให้แตกฉานมากขึ้น แล้วก็อย่าลืมทบทวนว่าตลอดการตรวจชาวบ้านสองวันที่ผ่านมา เธอได้ความรู้อะไรกลับไปบ้าง”
“เราเหลือเวลาก่อนสอบใบอนุญาตของเธออีกสัปดาห์เดียวเท่านั้น ถ้าเธอคว้าโอกาสนี้เอาไว้ไม่ได้ ก็ต้องรอไปถึงปีหน้าเลยเชียวนะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
ซูเย่พยักหน้า เพราะวันพรุ่งนี้เขาก็ไม่ว่างไปเรียนเช่นกัน
ซูเย่ตั้งใจจะเข้าไปเก็บผลวอลนัทวิเศษในป่าย่านชานเมือง
ส่วนเรื่องการสอบใบอนุญาตนั้น
ซูเย่ค่อนข้างมีความมั่นใจมากทีเดียว
วันต่อมา
ซูเย่รู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ 5:00 น. เขาลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตา รับประทานขนมปังหนึ่งแผ่น เรียบร้อยก็เดินทางเข้าป่าตรงไปยังจุดที่พบเจอต้นวอลนัทต้นนั้นครั้งสุดท้าย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เป็นเวลา 6:00 น.
“ฮ่าฮ่า…”
ในห้องพักนักศึกษา ซูชือระเบิดเสียงหัวเราะอย่างผู้ชนะ
“อีกไม่นานฉันจะครองโลก!”
จินฟานก็ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาเช่นกัน
“ในที่สุด พวกเราก็ขึ้นมาถึงเลเวล 20 ได้สำเร็จสักที! ความพยายามของพวกเราสัมฤทธิผลแล้ว ซูเย่โว้ย ซูเย่ พวกเราขึ้นมาถึงเลเวล 20 แล้วนะ!”
ซูชือถอดหมวก VR ออก และเรียกหาซูเย่ แต่กลับพบว่าเพื่อนร่วมห้องไม่ได้นอนอยู่บนเตียงอีกแล้ว
“มันออกไปไหนตั้งแต่เช้าวะเนี่ย”
ซูชือถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
พอไม่มีคนให้แบ่งปันข่าวดีด้วย ความน่ายินดีเหล่านั้นก็ลดทอนคุณค่าลงไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
“ก๊อกก๊อกก๊อก…”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น
“นั่นใครน่ะ?”
จินฟานก้าวลงจากเตียงเดินไปเปิดประตู
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าประตูก็คือเสี่ยวจุน ซึ่งสวมใส่ชุดเครื่องแบบนายตำรวจเต็มยศ และกำลังแสดงบัตรประจำตัวตำรวจอยู่ในมือ
“สวัสดีครับ ผมเป็นตำรวจ นี่คือบัตรประจำตัวของผม”
“มีเรื่องที่ทางเราอยากรบกวนขอความร่วมมือจากพวกคุณสักเล็กน้อย ได้โปรดนำหมวก VR ของคุณ ตามผมไปที่สถานีตำรวจด้วยครับ”
…
เชิงเขาในป่าย่านชานเมือง
ซูเย่เดินเข้าป่ามาด้วยความไม่รีบร้อน แต่เมื่อไปถึงต้นวอลนัทต้นนั้น เขากลับพบว่าผลของมันยังไม่สุกดี
“แต่อีกไม่นานก็สุกแล้วล่ะ เย็นวันนี้คงกลับมาเก็บได้พอดี”
“เราใช้เวลาระหว่างนี้ออกตามหาต้นโซวู 100 ปีก่อนดีกว่า”
ซูเย่หมุนตัว และเดินเข้าไปในป่าลึกมากขึ้น
ในไม่ช้า ร่างของชายหนุ่มก็กลืนหายเข้าไปในผืนป่า
เหล่านกกาบินหนีขึ้นท้องฟ้าด้วยความตกใจที่มีคนแปลกหน้าเดินเข้ามาในอาณาเขตของพวกมัน
ซูเย่เดาไม่ออกเลยว่าภูเขาลูกนี้มีอายุเก่าแก่มากแค่ไหน
เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงตอนเย็นย่ำ
ชายหนุ่มสามารถสำรวจผืนป่าในภูเขาลูกนี้ได้ถึงหนึ่งในสามส่วนแล้ว
ซูเย่เดินวนกลับมาที่ต้นวอลนัทต้นเดิมอีกครั้ง เขายืนอาบแสงแดดยามเย็นพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า
เขายังหาต้นโซวู 100 ปีไม่พบ จึงทำได้เพียงวาดแผนที่เก็บเอาไว้ในราชวังแห่งความทรงจำ ว่าพื้นที่ไหนในป่าแห่งนี้บ้างที่ไม่มีต้นโซวูขึ้นอยู่เลย
ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามถูกเก็บเอาไว้ในราชวังแห่งความทรงจำ มันก็จะอยู่ในนั้นตลอดไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]