บทที่ 84 เลี้ยงฉลองใบอนุญาต
ทั้งสองคนเถียงกันไปตลอดทางว่าใครจะเป็นฝ่ายเลี้ยงข้าวกันแน่ แต่สุดท้ายพวกเขาก็มาถึงภัตตาคารชานตงโดยไม่รู้ตัว
ในระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ซูเย่บอกอาจารย์หลี่ว่าจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ แต่ความจริงนั้นเขาแอบเดินไปที่โต๊ะคิดเงิน และจ่ายเงินค่าอาหารล่วงหน้า พร้อมกับสั่งอาหารมาเพิ่มอีกหลายอย่าง
เมื่อกลับมานั่งประจำที่ ซูเย่ก็หยิบใบอนุญาตในมือขึ้นมาดูด้วยความสงสัย “เมื่อผมมีใบอนุญาตการเป็นสมาชิกสมาคมแบบนี้แล้ว หมายความว่าผมสามารถเขียนใบสั่งยาให้กับคนทั่วไปได้แล้วใช่ไหมครับ?”
“รีบร้อนขนาดนั้นเชียว?”
หลี่เคอหมิงยิ้มด้วยความเอ็นดู
ซูเย่ยิ้มตอบกลับไปเล็กน้อย
หลี่เคอหมิงส่ายหน้า บอกว่า “ตอนนี้ยังไม่ได้”
“ยังมีกฎข้อบังคับอีกหลายอย่างที่เธอต้องผ่านไปให้ได้ ถ้าเธออยากจะรักษาคนได้แบบแพทย์แผนจีนทั่วไป เธอก็ต้องมีใบประกอบโรคศิลป์ก่อนเท่านั้น ส่วนใบอนุญาตที่เธอมีอยู่ตอนนี้ เปรียบเสมือนเป็นใบเบิกทางที่จะช่วยให้อนาคตของเธอราบรื่นมากขึ้น”
“และมันก็ยังมีอีกหนึ่งวิธี ซึ่งก็คือการทำให้สมาคมแพทย์แผนจีนยอมรับให้ได้ว่า เธอมีความสามารถอยู่ในระดับแพทย์รักษาโรค เมื่อเธอได้ครอบครองใบรับรองการเป็นแพทย์รักษาโรค เธอก็จะสามารถรักษาคนไข้ได้เหมือนหมอคนหนึ่งเช่นกัน”
“ใบรับรองการเป็นแพทย์รักษาโรคเหรอครับ?”
ซูเย่ชะงักไปเล็กน้อย
แต่นั่นเท่ากับว่าเขาต้องมีความเก่งกาจในระดับเดียวกับหลี่เคอหมิงเลยไม่ใช่หรือ?
นับว่าในประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวดเช่นนี้ การจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งนั้นก็ต้องผ่านการสอบแข่งขันให้ได้เสียก่อน
“ส่วนใบอนุญาตที่เธอถืออยู่ในมือนี้ มันเป็นการยืนยันว่าเธอมีคุณสมบัติดีพอที่จะเป็นผู้ช่วยแพทย์ได้แล้วล่ะ”
“ก็เหมือนกับการสอบใบขับขี่นั่นแหละนะ สิ่งที่เธอมีอยู่ในตอนนี้เป็นใบขับขี่สำหรับรถยนต์ทั่วไป แต่ถ้าเธออยากจะขับรถบรรทุก เธอก็ต้องไปสอบใบขับขี่รถบรรทุกให้ได้ แต่ในเมื่อเธอยังทำไม่ได้ สิ่งที่เธอทำได้ในตอนนี้ก็คือนั่งบนเบาะผู้โดยสารอยู่ข้าง ๆ คนขับรถบรรทุกไปก่อนเป็นเวลาสามปี”
หลี่เคอหมิงอธิบายอย่างตรงไปตรงมา “ต้องไม่ลืมว่าอัตราการรักษาคนไข้ของแพทย์ผู้เขียนใบสั่งยานั้น มีโอกาสผิดพลาดสูงมาก และถ้าเกิดเธอรักษาคนไข้ผิดพลาดขึ้นมา มันก็ยากที่จะแก้ไขอะไรได้อีก”
“หมายความว่าถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินเฉพาะหน้าขึ้นมา ผมก็ยังเข้าไปช่วยเหลือคนป่วยไม่ได้ใช่ไหมครับ?”
ซูเย่ขมวดคิ้วถาม
“ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียวหรอกนะ”
“หืม?”
ซูเย่มองหน้าผู้เป็นอาจารย์ด้วยความสงสัย
หลี่เคอหมิงตอบว่า “ถึงประเทศจีนจะเป็นดินแดนแห่งกฎระเบียบ แต่สำหรับในวงการแพทย์แผนจีนนั้น ใบอนุญาตที่เธอครอบครองอยู่ในตอนนี้ ก็ทำให้เธอสามารถรักษาคนไข้ได้ในกรณีฉุกเฉิน แต่หลังจากนั้นเธอจะต้องเขียนรายงานส่งทางสมาคม เพื่ออธิบายรายละเอียดทั้งหมดว่าเพราะเหตุใดจึงต้องรักษาคนไข้อย่างเร่งด่วน แล้วทางสมาคมก็จะส่งคนมาตรวจสอบ ถ้าพบว่าการรักษาของเธอเป็นไปอย่างถูกต้อง และสมเหตุสมผล ก็จะไม่มีปัญหาอะไรตามมา”
ดวงตาของซูเย่เป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที
คิดไม่ถึงเลยว่าในประเทศที่มีกฎระเบียบเข้มงวดอย่างเมืองจีน ก็ยังมีการอนุโลมอยู่บ้างเหมือนกัน
ถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเฉพาะหน้า…ก็สามารถรักษาคนไข้ได้อย่างไม่มีปัญหา
เพียงแต่ต้องเขียนรายงานหลังจากนั้นเท่านั้นเอง…ซูเย่หันกลับไปมองหน้าหลี่เคอหมิง
อาจารย์หมอท่านนี้เป็นผู้ที่มีใบรับรองการเป็นแพทย์รักษาโรคจากทางสมาคม
ซูเย่นึกสงสัยขึ้นมาว่าแล้วเขาต้องใช้เวลาสักเท่าไหร่กันนะ ถึงจะได้ใบรับรองนั้นมาครอบครองบ้าง?
ขณะนี้หนึ่งในสิบเมนูอาหารขึ้นชื่อของภัตตาคารชานตง ก็ถูกนำมาเสิร์ฟถึงโต๊ะพอดี
ทั้งลูกศิษย์ และอาจารย์ต่างก็หิวโหย พวกเขาหยิบตะเกียบขึ้นมา และเริ่มต้นรับประทานพร้อมกับพูดคุยกันไปด้วย
บนจานอาหารคือปูตัวใหญ่ที่อยู่ในน้ำแกงรสหวาน
ซูเย่จ้องมองก้ามปูที่อยู่ในถ้วยแกง แล้วเขาก็นึกสงสัยในอะไรบางอย่าง
ตอนนี้ตัวเขาสามารถรักษาคนไข้ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ขอแค่คนไข้คนนั้นอยู่ในสภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นั่นหมายความว่าถ้าระดับพลังลมปราณของซูเย่เพิ่มมากขึ้น เขาก็จะสามารถช่วยเหลือคนไข้ได้มากขึ้นนั่นเอง
และที่สำคัญก็คือ การรักษาคนไข้ด้วยพลังลมปราณ สามารถทำผ่านรูปแบบการฝังเข็มได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นถ้าเขามีทักษะในการฝังเข็ม ซูเย่ก็จะสามารถรักษาคนไข้ได้สะดวกมากขึ้น
“อาจารย์หลี่ครับ”
ซูเย่เงยหน้าขึ้นมาถาม “ผมขอเรียนวิชาฝังเข็มกับอาจารย์ได้ไหมครับ? สมมุติเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน ถ้าผมไม่ได้พกยาติดตัว หรือมียาที่ไม่เหมาะกับสภาพของคนไข้ในขณะนั้น ผมก็น่าจะฝังเข็มช่วยบรรเทาอาการคนไข้ได้บ้างไม่มากก็น้อย”
หลี่เคอหมิงยิ้มมุมปากอย่างเป็นปริศนา “เธอลืมไปอย่างหนึ่งนะ”
ซูเย่เบิกตาโตด้วยความพิศวง
“ปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงซึ่งเป็นอาจารย์ของฉัน ท่านเป็นผู้ชำนาญด้านการฝังเข็ม และการขับพิษมากที่สุดแล้ว แม้ว่าอาจารย์ฮั่วจะมีชื่อเสียงในเรื่องของความรอบรู้ทางด้านแพทย์แผนจีน แต่ทักษะที่โดดเด่นที่สุดของอาจารย์นั้น ก็คือเรื่องของการฝังเข็มนี่แหละ!”
“ถ้าอาจารย์ของฉันยอมรับเธอเป็นลูกศิษย์ เธอก็สามารถขอเรียนวิชาฝังเข็มจากท่านได้เลย”
ดวงตาของซูเย่เป็นประกายแวววาวมากกว่าเดิม
ฮั่วเหรินเซิงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝังเข็มอย่างนั้นหรือ?
ถ้างั้นก็หมายความว่าเขากำลังจะได้เรียนวิชาฝังเข็มจากคนที่เก่งที่สุดเลยน่ะสิ
โอกาสดีมาถึงแล้ว!
“ช่วงนี้เธอก็รอฟังข่าวจากฉันหน่อยแล้วกัน เอาไว้ถ้าฉันจัดการทุกอย่างเรียบร้อยเมื่อไหร่ เดี๋ยวจะพาไปหาท่านอาจารย์เอง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]