ตอนที่ 91 เดี๋ยวคนอื่นจะผิดสังเกต – ตอนที่ต้องอ่านของ เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]
ตอนนี้ของ เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 91 เดี๋ยวคนอื่นจะผิดสังเกต จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 91 เดี๋ยวคนอื่นจะผิดสังเกต
ซูเย่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
ผ่านไปสักพักถึงนึกได้ว่าตนเองสั่งหมวก VR เอาไว้เมื่อเดือนที่แล้ว
ดังนั้น ตามกฎหมายจึงระบุว่าซูเย่ควรเดินทางไปที่สถานีตำรวจท้องถิ่นพร้อมกับบัตรประชาชน เพื่อไปกรอกรายละเอียดส่วนตัวสำหรับการรับหมวกมาเล่นเกม
เมื่อเดินทางไปรับหมวก VR เรียบร้อยแล้ว ซูเย่ก็เดินทางกลับไปที่หอพัก และพบว่าเพื่อนร่วมห้องทั้งสองคนยังไม่กลับมา
เขานำหมวก VR ทั้งสองใบมาวางไว้คู่กัน
พวกมันมีลักษณะเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว
“ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้เลยนะว่าใบไหนถูกขโมยมา แต่ดูเหมือนว่าเราคงต้องซ่อนหมวกใบแรกเอาไว้ก่อน คืนนี้เราจะใช้หมวกใบใหม่เข้าไปเล่นเกม และลองสำรวจดูซิว่าแผนที่ระดับ 20 เปิดให้เข้าเล่นแล้วหรือยัง ส่วนหลังจากนั้น จะเอายังไงต่อก็ค่อยว่ากันอีกที”
ซูเย่นำหมวก VR ที่เขาขโมยมาเดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของหอพัก และซ่อนมันไว้ในกองข้าวของเหลือใช้ที่นักศึกษานำมาวางทิ้งเอาไว้กองพะเนิน
เรียบร้อยดีแล้ว เขาก็เดินกลับลงมาหาของรับประทานที่ด้านล่างหอพัก
หลังรับประทานอาหารจนอิ่มท้อง ซูเย่ก็เดินกลับขึ้นหอพักไปอีกครั้ง แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจที่พบว่าซูชือกับจินฟานยังคงไม่กลับมา
“เจ้าสองคนนั้นมัวไปทำอะไรอยู่นะ?”
…
“บ้าเอ๊ย ใครจะไปนึกวะว่าคณบดีเป็นคนอยู่เบื้องหลังแผนการขัดขวางความสำเร็จของซูเย่ คิดมาลองดีกับเด็กคณะวิจัยสมุนไพรอย่างพวกเรา คณบดีหยางก็ต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง! ว่าแต่นายดูจนแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าคณบดีจะไม่โผล่มาจับพวกเรากลางคันน่ะ?”
ความมืดมิดแผ่ปกคลุมรอบตัว บัดนี้เป็นเวลาย่ำค่ำแล้ว ซูชือกับจินฟานแอบย่องเข้าไปในลานจอดรถของตึกฝ่ายบริหาร ในมือของพวกเขาถืออุปกรณ์สำหรับเปิดจุกลมยางอยู่คนละชิ้น
ดวงตาของสองหนุ่มกวาดมองรอบบริเวณอย่างระมัดระวัง
“แน่ใจสิ ว่าแต่นายเถอะ จัดการกล้องวงจรปิดหมดแล้วใช่ไหม?”
“ไม่มีเหลือ! รับรองว่าไม่มีกล้องตัวไหนจับภาพพวกเราได้แน่ ฉันถนัดเรื่องแบบนี้ยิ่งกว่าอะไรดี แถมตอนนี้เรายังสามารถใช้พลังลมปราณได้ด้วย จะบอกให้ว่าฉันคล่องตัวมากกว่าเดิมอีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ว่าแต่นายหาป้ายทะเบียนเจอแล้วหรือยัง?”
“เจอแล้ว ไม่ต้องห่วง”
“งั้นพวกเราลงมือเลยดีกว่า!”
ซูชือกับจินฟานเคลื่อนไหวไปในความมืดของลานจอดรถด้วยความปราดเปรียว เพียงเวลาพริบตาเดียว พวกเขาก็พบรถเก๋งยี่ห้อโฟล์คสวาเกนสีดำคันหนึ่งจอดนิ่งอย่างสวยเด่นเป็นสง่า
“แน่ใจนะเว้ยว่าเป็นคันนี้?”
ซูชือกระซิบถามจินฟาน ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์
จินฟานยื่นมือออกไปเทียบเลขบนแผ่นป้ายทะเบียนกับเลขที่เขียนอยู่บนฝ่ามือของเขา
“ใช่ คันนี้แหละ!”
“เออ งั้นเล่นแม่งเลย!”
สองหนุ่มคุกเข่าลง แยกเป็นซ้ายขวา คลานไปที่ล้อรถคนละข้าง จากนั้น พวกเขาก็ใช้อุปกรณ์เปิดจุกล้อยางรถยนต์ด้วยความฉับไว
“ฟี้”
เสียงลมระบายออกมาจากด้านในตัวล้อดังขึ้นทันที
แม้ว่าอัตราลมยางที่ถูกปล่อยออกมาจะไม่รวดเร็ว แต่ก็เห็นได้ชัดเจนว่าระดับความสูงของรถยนต์หยางเหวินป๋อก็กำลังลดลงอย่างเชื่องช้า เมื่อปล่อยลมยางทั้งสองล้อเสร็จแล้ว ซูชือกับจินฟานก็ไม่ปล่อยให้อีกสองล้อเหลือรอด
เมื่อปล่อยลมยางครบทั้งสี่ล้อเสร็จแล้ว สองหนุ่มสุดแสบก็หายตัวไปในความมืดพร้อมกับรอยยิ้มมีความสุขบนใบหน้า
สิบนาทีต่อมา หยางเหวินป๋อที่วันนี้มีประชุมล่วงเวลาเดินมาถึงลานจอดรถ และเปิดประตูขึ้นรถโดยไม่พบความผิดปกติใด ๆ
เขาสตาร์ทเครื่องยนต์ และขับรถออกไป
แต่แผงหน้าปัดของรถยนต์ก็ขึ้นสถานะคำเตือนอย่างกะทันหัน
“ยางแบนได้ยังไงนะ?”
หยางเหวินป๋อจอดรถเข้าข้างทาง และเดินลงมาดูล้อยางซึ่งแบนหมดทั้งสี่ข้างด้วยความพิศวง
จนเจ้าตัวต้องยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
“หรือว่าจะมีคนแอบมาปล่อยลมยาง?”
ต้องมีคนเจตนากลั่นแกล้งเขาแน่นอน
“อย่าให้รู้นะว่าเป็นฝีมือใคร!”
…
“พวกนายหายไปไหนมา?”
เมื่อซูชือกับจินฟานกลับมาถึงหอพักตอนเวลา 22:00 น. ซูเย่เพิ่งเห็นหน้าก็รับรู้เลยว่าระดับพลังลมปราณในตัวเพื่อนทั้งสองเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
เจ้าแสบสองคนนี้คงแอบไปนั่งดูดซับพลังปราณธรรมชาติที่ไหนมาแน่ ๆ
“ชาวนากับงูเห่า”
“ฟ้าใสหัวใจชื่นบาน”
“ปูแดงตะแคงขาเดิน”
“เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือหลังคายังมีแผ่นกระเบื้อง”
แต่ทุกชื่อที่ชายหนุ่มตั้งไป กลับมีข้อความแจ้งเตือนว่า
“ชื่อนี้มีผู้ใช้งานแล้ว กรุณาตั้งชื่อใหม่”
“เวรกรรม ทำไมถึงตั้งชื่อยากเย็นขนาดนี้ฮะ?”
“ติ๊ง! ยืนยันชื่อตัวละครของคุณคือ ‘เวรกรรม ทำไมถึงตั้งชื่อยากเย็นขนาดนี้ฮะ’ หรือไม่?”
ซูเย่ได้แต่ถอนหายใจ
เขาตัดสินใจกดยืนยันเพื่อตัดปัญหา
จากนั้นจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ส่วนที่ยากที่สุดในเกมนี้สำหรับเขาได้ผ่านพ้นไปแล้ว ถึงชื่อจะยาวไปสักหน่อย แต่รับรองว่ามันคงเป็นชื่อที่ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใครแน่นอน
“ระบบกำลังนำพาคุณเข้าสู่โลกแห่งเกม…”
หลังปฏิบัติตามกฎทุกอย่างครบถ้วน ในที่สุด ซูเย่ก็กำลังจะได้เข้าสู่โลกแห่งเกม Fantasy Dream อีกครั้ง
คราวนี้ เขาไม่ได้สวมใส่หน้ากาก แต่เลือกที่จะเดินตรงไปยังหมู่บ้านเริ่มต้นอย่างเปิดเผย
ชายหนุ่มกดรับดาบที่เป็นอาวุธเริ่มต้นของผู้เล่นทุกคน จากนั้นจึงมองประกาศแจ้งเตือนที่อยู่หน้าหมู่บ้าน เขาไม่เสียเวลาหยุดคิดแม้แต่น้อย ซูเย่เดินถือดาบขนาดใหญ่ ตรงไปยังพื้นที่การล่าสัตว์ประหลาดระดับสูงโดยทันที
ถ้าอยากจะอัพเลเวลให้เร็วที่สุด ก็มีแต่ต้องสังหารพวกสัตว์ประหลาดระดับสูงให้เยอะที่สุดเท่านั้น
เมื่อเขามาถึงเขตแผนที่ระดับ 3 ซูเย่ถึงได้พบว่ามีกลุ่มผู้เล่นกำลังรอคอยให้สัตว์ประหลาดระดับบอสในแผนที่ปรากฏตัวออกมาอย่างใจจดใจจ่อ
เขาแฝงตัวเข้าไปยืนในกลุ่มคนด้วยความแนบเนียน
ไม่มีใครทันสังเกตด้วยซ้ำว่าซูเย่เป็นเพียงผู้เล่นเลเวล 1
Related
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]