จินเกาหยางอายุได้สามสิบแปดปีและฝูซิ่นฮวาอายุสามสิบเอ็ดปี ในขณะที่ทั้งสองออกท่องเที่ยวด้วยกัน
การเดินทางของฮ่องเต้และฮองเฮานั้นจะเรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวเสียทีเดียวก็คงไม่ถูก เพราะทั้งคู่ต่างมีจุดหมายในการเดินทางเพื่อเยี่ยมเยียนชาวบ้าน มีขุนนางและองครักษ์ยอดฝีมือติดตามมาด้วยจำนวนไม่น้อย ในขณะที่เมืองหลวงมีฝูซิ่นเล่อคอยรักษาการแทน
จินเกาหยางและฝูซิ่นฮวาเคยวางแผนร่วมกันไว้นานแล้วว่า สักวันจะออกเดินทางผจญภัยขึ้นเขาลงห้วยไปด้วยกัน ทว่าภาระหน้าที่อันหนักอึ้ง ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสนั้นเสียที กระทั่งจินเกาหยางถึงเวลาต้องออกเยี่ยมเยียนราษฎรทั้งหลายแห่งต้าจิน จึงถือโอกาสนี้ชวนฝูซิ่นฮวาไปเที่ยวชมขุนเขาหลังเสร็จธุระทั้งหลาย
เขาฟางเซียนคือสถานที่ที่จินเกาหยางพาฝูซิ่นฮวามาพัก ใครจะคาดคิดว่าภายใต้ขุนเขานั้นยังมีกระท่อมหลังเล็กซึ่งสร้างจากหิน ภายในมีเครื่องเรือนที่สลักจากหยกและหินจำนวนมาก ส่วนด้านนอกก็รายล้อมด้วยทิวทัศน์ตามธรรมชาติ โดยมิต้องแต่งเติมสวนใด ๆ เพิ่ม
เดิมทีกระท่อมหินแห่งนี้เป็นกระท่อมที่เสด็จปู่ของจินเกาหยางสร้างไว้เพื่อมาพักอาศัยในบั้นปลายชีวิตร่วมกับฮองเฮาของพระองค์ หลังสละราชบัลลังก์ให้พระบิดาของจินเกาหยาง สถานที่แห่งนี้จึงได้รับการดูแลโดยคนในหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งหากจะพูดกันตามจริง คนในหมู่บ้านแห่งนั้นไม่ว่าชายหรือหญิง ล้วนเป็นองครักษ์แห่งราชสำนักที่อยู่เพื่อถวายการอารักขาฮ่องเต้และเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์ที่เสด็จมาประทับที่นี่
“งดงามมากเจ้าค่ะ” ฝูซิ่นฮวาเอ่ยชมขณะมองไปยังทะเลสาบเบื้องหน้าที่โอบล้อมด้วยขุนเขาสีเขียวชอุ่ม ราวกับเป็นกำแพงธรรมชาติที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้เอาไว้
“ข้าดีใจที่เจ้าชอบ” จินเกาหยางเข้ามาสวมกอดฝูซิ่นฮวาจากด้านหลัง พลางเอาคางเกยไหล่ของนางไว้
“ท่านพี่ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” หญิงสาวเตือน
“ใครจะมาเห็น ที่นี่ไม่มีใครเสียหน่อย” จินเกาหยางว่า “ข้าให้คนอื่น ๆ ไปพักในหมู่บ้านหมดแล้ว”
“แต่องครักษ์เงายังอยู่นี่เจ้าคะ”
“อยู่แล้วอย่างไร เจ้าเป็นภรรยาข้า ข้าจะกอดเจ้าก็เป็นสิทธิ์ของข้ามิใช่หรือ?”
ฝูซิ่นฮวาคร้านจะเถียง การมีลูกถึงสี่คนกอปรกับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ทำให้เขาและนางไม่ค่อยได้แสดงความใกล้ชิดเช่นนี้ต่อกัน ใครว่าวัยยิ่งมาก ความรักจะยิ่งลดน้อยลง เพราะยิ่งนับวันความรักของทั้งสองก็ดูเหมือนจะไม่เคยลดน้อยลง ทั้งยังมีความผูกพันที่เพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วัน
“เช่นนั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะเจ้าค่ะ” ฝูซิ่นฮวาพูดเสียงนุ่ม ทว่าสามีของนางกลับยิ้มกรุ้มกริ่ม
“นี่เจ้ากำลังเชิญชวนข้าอยู่หรือ”
“ท่านนี่!” ฝูซิ่นฮวาตีแขนสามีเบา ๆ
“อยากมีลูกคนที่ห้าหรือไม่เล่า” จินเกาหยางถามอย่างเจ้าเล่ห์
“ไหนว่าท่านกินยาสิ้นทายาทแล้ว เพราะไม่อยากให้ข้ามีครรภ์อีก”
“ข้าเป็นโอรสสวรรค์ หากข้าสั่งให้ลูกข้ามาเกิด เขาก็ต้องมาเกิด”
ฝูซิ่นฮวาเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
“ถึงกระนั้นเราก็มีลูกคนที่ห้าไม่ได้อยู่ดีเจ้าค่ะ เพราะท่านเคยสัญญากับเจียวเหมยไว้ว่าจะให้นางเป็นลูกคนเล็ก และจะรักนางให้มากกว่าใคร”
“นั่นสินะ” จินเกาหยางหัวเราะ “หากเจียวเหมยรู้ว่าจะไม่ได้เป็นน้องเล็กของทุกคนอีกต่อไป คงเสียใจน่าดู”
ฝูซิ่นฮวาถอนหายใจเมื่อคิดถึงลูก ๆ ของตนที่อยู่ในวังหลวง
“จะว่าไปข้าเองก็ชักจะคิดถึงเด็ก ๆ ขึ้นมาแล้ว ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นเช่นไรบ้าง”
“ป่านนี้คงตัวกลมกว่าเดิม เพราะไม่มีใครคอยห้ามไม่ให้กินขนมก่อนกินข้าว” จินเกาหยางตอบ ทำเอาฝูซิ่นฮวาหัวเราะออกมา
“กลับไปจะเอาอะไรไปฝากเด็ก ๆ ดีเจ้าคะ”
“ตอนแรกข้าตั้งใจจะเอาน้องคนที่ห้าไปฝาก แต่ในเมื่อมีสัญญากับเจียวเหมยแล้วก็เห็นทีจะไม่ได้” ผู้เป็นพ่อครุ่นคิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหมยฮวาบัญชาการ