แม้พันดาวจะไม่สนิทกับผู้อาศัยที่อยู่ในชั้นเดียวกันหลายครัวเรือนนัก แต่เข้าออกทุกวันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะพบหน้ากัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเจอทิศเหนือเลย
และห้องข้างๆ นี้ เธอก็จำได้ว่าก่อนหน้านี้มีคนอยู่ คล้ายกับว่าเป็นครอบครัวสามคน มักจะเห็นว่ามีเสื้อผ้าเด็กตากอยู่บนระเบียงบ่อยๆ
หรือว่าเป็นครอบครัวที่เป็นญาติของทิศเหนือ หรือจะบอกว่า…เดิมก็เป็นครอบครัวของทิศเหนือ เพียงแค่แต่ก่อนเธอไม่รู้?
คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เมื่อพันดาวกลับไปในห้องตัวเอง ก็วิ่งไปที่ระเบียงทันที แล้วแอบสังเกตมองระเบียงฝั่งตรงข้าม
จนใจที่ระเบียงฝั่งตรงข้ามปิดผ้าม่าน นอกจากสามารถมองเห็นแสงสว่างน้อยนิดที่ส่องออกมา ก็ไม่เห็นอะไรอีก
สังเกตมองอย่างละเอียดครู่หนึ่ง สารพัดสิ่งของที่วางกองอยู่เต็มระเบียงก่อนหน้านี้ล้วนไม่มีแล้ว เธอจำได้ว่ามีรถเข็นเด็กทารกคันหนึ่ง ตอนนี้ระเบียงกลับว่างเปล่าไม่มีอะไรแล้ว
หรือว่าผู้อาศัยครอบครัวนั้นจะย้ายไปแล้ว?
แต่ย้ายบ้านมีเสียงดังขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่รู้เลย
ย้ายออกไปภายในวันเดียว ในช่วงเวลาที่เธอทำงานวันนี้?
ยังไงก็ไม่เข้าใจว่า ทิศเหนือกลายมาเป็นเพื่อนบ้านเธอได้อย่างไร แต่เธอรู้ว่า หลังจากนี้จะเข้าจะออก ก็ต้องระวังหน่อยแล้ว
โชคดีที่ครั้งนั้น หลังจากพูดกับเขาชัดเจนแล้ว เขาก็ไม่ได้หน้าด้านตามตื๊อเธออีก อนาคตก็ไม่น่าจะมีเรื่องอะไร
พูดความจริง ตอนนี้คนที่เธอกลัว ไม่ได้มีแค่ทิศเหนือ แต่กลัวภาคินยิ่งกว่า เธอมักจะรู้สึกว่า ภาคินส่งคนมาสะกดรอยตามเธอ ไม่อย่างนั้น ไม่ว่าเรื่องอะไร เขาก็ดูเหมือนจะรู้ไปหมด
ขณะที่เหม่อลอย ผ้าม่านระเบียงฝั่งตรงข้ามพลันเปิดออก ต่อมาก็เห็นทิศเหนือเดินออกมา
แม้ว่าจะถูกกั้นด้วยระยะห่างหนึ่งเมตร พันดาวก็แน่ใจว่าทิศเหนือเห็นเธอแล้ว ทำให้เธอตกใจจนต้องวิ่งกลับเข้าห้องอย่างร้อนตัว ลงกลอนประตูกระจกตรงระเบียง แล้วดึงผ้าม่านปิดมิดชิด
หากไม่ใช่ว่าปลูกดอกไม้ที่ระเบียง หลังจากนี้เธอก็ไม่คิดจะไปที่ระเบียงอีก
อาบน้ำเสร็จ ก็หยิบกระดาษกับปากกาไปนั่งข้างโต๊ะหนังสือในห้องนอน แต่กลับไม่มีความคิดและแรงบันดาลใจสักนิด นั่งอยู่ชั่วโมงกว่าๆ ตรงหน้าก็ยังคงเป็นกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง
เหลือบมองเวลา ใกล้จะห้าทุ่มแล้ว เธอเก็บของเรียบร้อยแล้วก็เอนตัวลงบนเตียง คุยวีแชทกับเพื่อน
ก่อนหน้านี้ระยะหนึ่ง แมวบ้านเพื่อนคลอดลูกแมว เธอตั้งใจจะไปอุ้มมาเลี้ยงตัวหนึ่ง บ้านนี้เงียบเหงาโดดเดี่ยว หลังจากนี้ อย่างน้อยก็มีแมวตัวหนึ่งรอเธอกลับบ้าน
เช้าวันรุ่งขึ้น พันดาวเก็บของเรียบร้อยแล้ว ก็ออกจากบ้าน และหวาดหวั่น กลัวว่าจะพบกับทิศเหนือ
ยืนอยู่ในลิฟต์โดยสารแล้ว เธอถึงได้โล่งใจ นึกว่าตัวเองโชคดีหลบพ้นแล้ว จะรู้เสียที่ไหนว่า เมื่อลิฟต์โดยสารมาถึงชั้นหนึ่ง ประตูเปิดออก จะเห็นทิศเหนือที่สวมชุดวอร์มยืนอยู่หน้าประตู เหมือนจะเพิ่งออกกำลังกายเสร็จ จอนผมยังชื้นเหงื่ออยู่
ทั้งคู่ล้วนประหลาดใจเล็กน้อย เขาย่อมเอ่ยปากก่อนอย่างใจกว้าง “อรุณสวัสดิ์”
พันดานเก็บงำสายตา ก้มหน้าก้าวเท้ายาวออกจากลิฟต์โดยสาร เดินผ่านเขาไปโดยไม่ได้หยุด ปากก็พึมพำว่า “อรุณสวัสดิ์บ้าอะไร! โชคร้ายชะมัด!”
ก้มหน้าหาเศษเหรียญในกระเป๋า เตรียมไปนั่งรถประจำทาง เมื่อเห็นกุญแจรถในกระเป๋า ถึงได้รู้สึกตัวขึ้นมาว่า ตัวเองมีรถแล้ว
คิดแล้วก็น่าสนุก จึงเดินไปยังทิศทางลานจอดรถ
พันดาวนั่งบนรถใหม่ของตัวเอง และโยนเรื่องไม่สบอารมณ์เมื่อครู่ทิ้งไปนานแล้ว
เพียงแต่ไม่ได้แตะรถนานแล้ว อุปกรณ์ภายในรถ ก็ไม่เหมือนกับรถหัดขับของนักเรียนตอนเรียนขับรถ หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาค้นหาในอินเทอร์เน็ตหาอยู่นานสองนาน ถึงได้เคลื่อนตัวรถ
ไม่คุ้นมือไปนานแล้ว พอลงมือปฏิบัติขึ้นมาก็งุ่มง่ามอยู่บ้าง แต่จะขับไปนั้นไม่เป็นปัญหา เพียงแต่ช้าหน่อยเท่านั้นเอง
ออกจากเนินขึ้นของลานจอดรถ เธอขับช้ามาก และในตอนนี้ก็มีรถปอร์เช่คันหนึ่งขับผ่านเธอไปอย่างรวดเร็ว นำรถเธอไป ผ่านเนินไปได้อย่างสบายมาก
เดิมเธอยังอิจฉาฝีมือการขับรถคันนี้อยู่บ้าง ต่อมา เมื่อคิดได้ว่ารถคันนี้เป็นของใคร ก็เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “ขับรถเป็นแล้วเก่งนักรึไง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหนือดาวยังมีเรา