เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 12

สรุปบท ตอนที่ 12: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

ตอนที่ 12 – ตอนที่ต้องอ่านของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

ตอนนี้ของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 12 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

Sign in Buddha’s palm 12 ร่างเงา

ซูฉินแลกเปลี่ยนวาจากับหัวหน้าตำหนักลานจิปาถะจากนั้นจึงค่อยจากไป

ก่อนจะจาก ซูฉินถามหัวหน้าตำหนักว่าช่วงนี้มีอะไรที่เขาอยากจะทำเป็นพิเศษหรือไม่

เพราะซูฉินได้เห็นแล้วว่าเวลาของหัวหน้าตำหนักลานจิปาถะล่วงเลยจนถึงบั้นปลายชีวิตแล้ว

ในโลกยุทธภพนี้ ช่วงชีวิตของชาวยุทธนั้นแน่นอนว่ายาวนานกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่ตราบใดที่ยังไม่เข้าถึงระดับตำนานยุทธหรือระดับอรหันต์ แม้แต่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งก็มีอายุขัยไม่เกินไปกว่าสองร้อยปี

แล้วสองร้อยปีนั้นก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาอย่างนานที่สุด ความเป็นจริงคือ มีผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่หนึ่งจำนวนมากยังห่างไกลจากการมีชีวิตอยู่ได้จนถึงอายุสองร้อยปี

เนื่องจากผู้ฝึกวิทยายุทธทุกคนล้วนมีอาการบาดเจ็บตกค้างภายในกายกันทั้งนั้นไม่มากก็น้อย ซึ่งนั่นเองที่เป็นเหตุทำให้อายุขัยสั้นลง

“ทุกสิ่งอย่างยังคงเดิม เปลี่ยนไปก็เพียงแค่ผู้คน…”

ซูฉินเดินเชื่องช้าไปตามทางเดินสีเขียวอันร่มรื่นของวัด ครุ่นคิดลึกซึ้งในอารมณ์

หัวหน้าตำหนักลานจิปาถะสามารถพูดได้เลยว่าเป็นผู้แนะนำของเขา เป็นผู้นำทาง หากไม่มีหัวหน้าตำหนักคนนี้ล่ะก็ ซูฉินจะไม่แม้แต่พำนักอยู่ที่วัดเส้าหลินได้

แต่ตอนนี้ สิบปีให้หลัง หัวหน้าตำหนักใกล้ที่จะมรณภาพเต็มที

“ว่ากันว่าตราบใดที่ขึ้นไปถึงระดับอรหันต์หรือก้าวเข้าสู่ขอบเขตตำนานยุทธ จะเป็นหนุ่มสาวไปตลอดโดยที่ระบบการทำงานในร่างกายจะย้อนกลับคืนสู่จุดสูงสุดและมีช่วงชีวิตยาวนานถึงห้าร้อยปี”

บัดนั้นซูฉินก็นึกถึงบันทึกในคัมภีร์

คำนึงถึงองค์ความรู้เหล่านี้ ต้องยกย่องวัดเส้าหลินในฐานะสุดยอดพรรคในยุทธภพ มีข้อมูลลับสุดยอดมากมายเกี่ยวกับวิชายุทธที่หาอ่านได้ในวัดเส้าหลินนี่เอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้อมูลเกี่ยวกับระดับ ‘อรหันต์‘

“อรหันต์” ของเส้าหลินเทียบเท่ากับตำนานยุทธ ในยุทธภพ

ข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับเหล่าตำนานยุทธเก็บเป็นความลับสุดยอดของสุดยอด

“อายุยืนยาวถึงห้าร้อยปี…”

ซูฉินรู้สึกอิจฉามากทีเดียว

ถึงแม้ว่าซูฉินจะฝึกฝน [กายาวัชระคงกระพัน] จนถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ กายเนื้อของเขาคงสภาพอยู่ในระดับสูงสุดตลอดเวลาและเขายังเป็นหนึ่งในยอดปรมาจารย์ส่วนน้อยที่สามารถมีอายุยืนถึงสองร้อยปีได้จริงๆ แต่อายุยืนสองร้อยปีจะไปเทียบอะไรได้กับห้าร้อยปีกันเล่า

อย่างหลังมันมากกว่าสองเท่าของอย่างแรกอีกนะ

“ระดับอรหันต์อย่างนั้นสินะ…”

ความคิดของซูฉินเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง

ตลอดมาตั้งแต่ที่ซูฉินเข้าสู่ระดับชั้นที่หนึ่ง มันเห็นได้ชัดว่าความเร็วในการฝึกตนได้ลดต่ำลง

“ช่างมันประไร”

“ค่อยเป็นค่อยไปดีกว่า”

“ข้าอายุเพียงยี่สิบปีในยามนี้ ยังมีชีวิตได้อีกตั้ง 180 ปี ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะไม่สามารถข้ามผ่านไปได้”

ซูฉินขบคิดเงียบงัน

จังหวะนั้นเองซูฉินก็ได้เข้ามาในศาลาพระคัมภีร์

[ระบบ ลงชื่อเข้าใช้ที่นี่]

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้งานสำเร็จ ได้รับเคล็ดวิชา “ดัชนีลงทัณฑ์ไร้สภาพ”]

“ดัชนีลงทัณฑ์ไร้สภาพ?”

ซูฉินดีใจมาก

ท่ามกลางเคล็ดวิชาในวัดเส้าหลิน [ดัชนีลงทัณฑ์ไร้สภาพ] เป็นเคล็ดวิชาที่ดีมากสำหรับการสังหาร เมื่อฝึกฝนจนเข้าสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ มันสามารถบีบอัดพลังของทัณฑ์ทรมานและฆ่าคนจากระยะไกลแสนไกลได้ผ่านอากาศ

หวึ่ง!

ฉับพลัน ความเข้าใจในวิชา [ดัชนีลงทัณฑ์ไร้สภาพ] ก็เข้ามาในมโนจิตของซูฉิน

[ดัชนีลงทัณฑ์ไร้สภาพ] ไม่ได้แข็งแกร่งเท่า [ฝ่ามือยูไล] ดังนั้นด้วยความแข็งแกร่งของซูฉินที่เป็นถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง มันก็ง่ายสำหรับเขาที่จะบรรลุวิชา [ดัชนีลงทัณฑ์ไร้สภาพ] ไปถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

“ไร้รูป ไร้เสียง”

“สังหารได้เพียงพริบตา”

“ช่างน่าสงสัยในจิตใจของศิษย์พี่ผู้คิดค้นเคล็ดวิชาจริงๆ ว่ามันเป็นอย่างไร…”

ซูฉินยิ้มน้อยๆ มีพลังเจือจางอยู่ระหว่างนิ้วของเขา ตราบที่ซูฉินมีความตั้งใจจะทำ เขาสามารถสังหารผู้คนที่อยู่ห่างไกลออกไปเป็นพันลี้ด้วยใช้ออกเพียง [ดัชนีลงทัณฑ์ไร้สภาพ]

ตอนที่เขากำลังชื่นชมกับทักษะยุทธอันใหม่ พลันรับรู้บางสิ่ง

ในตอนนั้น

การแสดงออกของซูฉินก็เปลี่ยนไป

“มีคนแอบย่องเข้ามาในวัดเส้าหลินรึ?”

ในเวลาเดียวกัน

แต่เสียงถอนหายใจก็ดังขึ้นมาข้างหู

“นี่คือพื้นที่หลักของวัดเส้าหลิน ประสกลอบเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาตและละเมิดกฎเกณฑ์”

“นั่นใครพูดน่ะ?”

เสียงดังหึ่งๆ ในหูของร่างเงาและบังคับดึงเขาออกจากสถานะลอบเร้น ร่างเงาถึงกับตื่นตระหนก

น่าเหลือเชื่อที่มีใครสามารถดึงเขาออกจากการลอบเร้นเพียงใช้เสียง

ระดับชั้นที่สาม?

ระดับชั้นที่สอง?

หรือว่า…

ร่างเงาไม่อาจกล้าจะคิดต่อไปอีก

อย่างไรก็ตาม

สิ่งที่ทำให้ร่างเงาเหลือเชื่อขึ้นไปอีกนั่นก็คือพระจีวรเทาที่กำลังกวาดพื้น ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ดวงตาของทั้งคู่สบกัน

“เป็นท่าน?!”

ร่างเงาหน้าเปลี่ยนสีจ้องมองตรงไปที่พระกวาดลาน

ร่างเงานั้นสามารถรู้สึกได้ว่าพระกวาดลานตรงหน้าตนนั้นแสนจะธรรมดา ไม่มีความผันผวนของกำลังภายใน

ถ้าเป็นก่อนหน้า ร่างเงาคงคิดว่าพระรูปนี้เป็นคนธรรมดาจริงๆ

แต่ตอนนี้มันไม่มีความคิดนั้นเลย

คนธรรมดาจะมองผ่านการลอบเร้นของเขางั้นหรือ?

คนธรรมดาจะสามารถบังคับดึงเขาออกจากสถานะลอบเร้นได้หรือ?

หนังศีรษะของร่างเงาชาวาบ และเกือบจะวิ่งหนีไปด้วยความผวาแล้ว

ซูฉินรู้สึกว่ามันช่วยไม่ได้

ถ้าร่างเงาเพียงเข้าศาลาพระคัมภีร์มาโดยตรง ซูฉินจะทำเป็นว่าไม่เห็นอะไร

ตราบที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ทำลายศาลาพระคัมภีร์ ซูฉินหน่ายเกินกว่าจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยว

แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือซูฉินนั้นไม่ต้องการเข้าไปยุ่งแต่ร่างเงายังคิดที่จะฆ่าเขาแบบนี้…..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]