เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 140

Sign in Buddha’s palm 140 จุดเริ่มต้นของคลื่นลม

“ไม่เลว”

“หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่ห้า แก่นแท้แห่งพลังร่างกาย และจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังขึ้นไปอีกสองเท่า”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย กําลังใช้ความคิด

การพัฒนาจากนภาชั้นที่สี่ไปเป็นนภาชั้นที่ห้านั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากเท่านภาชั้นที่สามไปนภาชั้นที่สี่ แต่มันก็ทําให้ซูฉินพึงพอใจอย่างมาก

รู้หรือไม่ว่าการที่จะพัฒนาขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ยากยิ่งแล้ว นับประสาอะไรกับการก้าวข้ามระดับในหนึ่งช่วงใหญ่?

“หลังจากนภาชั้นที่ห้า ก็เป็นนภาชั้นที่หก ส่วนระดับนภาชั้นที่เจ็ดที่อยู่เหนือนภาชั้นที่หกนั้นถือว่าเป็นขั้นสุดยอดของขอบเขตอรหันต์…”

ซูฉินแตะปลายคางของตน มีท่าทีผ่อนคลาย

ตามที่ร่างเงาในชุดชาววังหรือเทพจันทรา” ที่สถิตอยู่ ณ วิหารแห่งลัทธิบูชาจันทร์ได้บอกกับซูฉินมา แม้แต่ในส่วนลึกของดินแดนโพ้นทะเลอันไม่มีที่สิ้นสุด ระดับนภาชั้น ที่เจ็ดก็หาได้ยากยิ่งนัก ถึงจะมีตัวตนอยู่จริงแต่พวกเขากำลังไล่ตามวิถีทางที่จะขึ้นไปสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี จึงไม่มาปรากฏตัวให้บุคคลภายนอกได้เห็น

“ว่ากันว่าหลังจากไปถึงขอบเขตอรหันต์ระดับนภาชั้นที่เจ็ดเท่านั้นจึงจะมีหวังที่จะควบแน่น อาณาเขต” ขนาดเล็กของตนเองขึ้นมาได้”

ซูฉินครุ่นคิดอยู่เงียบๆ

ไม่ว่าจะเป็นอรหันต์หรือตํานานยุทธ ความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นคือการควบคุมพลังฟ้าดิน

อย่างไรก็ตามพลังของฟ้าดินนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต แม้แต่อรหันต์ระดับนภาชั้นที่เก้าผู้อยู่ยงคงกระพันก็ยังไม่สามารถควบคุมพลังฟ้าดินได้ทั้งหมด

ดังนั้นการฝึกฝนในช่วงปลายทางของขอบเขตอรหันต์คือ การบีบอัดและควบแน่นพลังฟ้าดินทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง ให้อยู่ภายใต้การควบคุมของตนเองจนกลายเป็น “อาณาเขต” ขนาดเล็กขึ้นมา

“อาณาเขต” ขนาดเล็กอาจเทียบไม่ได้กับความกว้างใหญ่ ในการควบคุมพลังฟ้าดินในระยะหลายสิบลี้ แต่คุณภาพนั้นเหนือกว่าการควบคุมพลังฟ้าดินแบบปกติไปมาก

แต่การที่พยายามบีบอัดและควบแน่นพลังฟ้าดินก็เท่ากับใช้พลังของตนต่อต้านฟ้าดิน คิดดูว่ามันจะยากเพียงไรกัน?

แม้ว่าจะเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่เจ็ดก็มีเพียงความหวังอันน้อยนิดที่จะสามารถควบแน่น อาณาเขต ขนาดเล็กออกมาได้

ส่วนความสําเร็จในการที่จะควบแน่นออกมาได้นั้นก็ขึ้นนอยู่กับว่ารากฐานแข็งแกร่งพอหรือไม่

ผู้ครอบครอง “อาณาเขต” ขนาดเล็กจะต้องเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่เจ็ด

แต่อรหันต์ระดับนภาชั้นที่เจ็ดไม่จําเป็นจะต้องมี “อาณาเขต” ขนาดเล็ก

“ช่างมันก่อนเถอะ ข้าคิดว่านี่มันยังเร็วเกินไป”

ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อยและทอดถอนหายใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์

ตอนนี้เขาเพิ่งเข้าสู่นภาชั้นที่ห้า อยู่ห่างไกลจากนภาชั้นที่หกอีกมากนัก ไม่ต้องพูดถึงนภาชนที่เจ็ดเลย

“อืม ดูเหมือนว่าจักรพรรดิถังจะฟื้นตัวดีขึ้นนะ”

ซูฉินเงยหน้าขึ้นมองไปยังโถงชีวิตนิรันดร์

ในเวลานี้จักรพรรดิถังหลี่เชิงกําลังเสวยอาหารที่จัดเตรียมโดยห้องเครื่องส่วนพระองค์อย่างสบายใจ เห็นได้ชัดว่าพระองค์หายจากการคิดใคร่ครวญแต่กับเรื่องราวในราชสํานักแล้ว

เมื่อซูฉินเห็นดังนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

แม้ว่าจักรพรรดิถังหลี่เชิงจะเป็นน้องเขยของซูฉิน แต่เขาก็ยังเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ถังด้วย

ซูฉินเห็นแก่น้องสาวของตน ซูเยว่หยุน เมื่อเห็นจักรพรรดิหลี่เชิงตกอยู่ในอันตรายถึงแก่ชีวิต เขาจึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

แต่เรื่องอื่นๆ ซูฉินไม่ได้อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเท่าไหร่

ไม่เช่นนั้นหากต้องช่วยจักรพรรดิถังในทุกเรื่องเมื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น แล้วเขาจะเอาเวลาไหนไปบ่มเพาะเล่า?

มีคนเป็นร้อยล้านคนในอาณาจักรถัง มีทั้งตัวตนที่ยิ่งใหญ่และบุคคลที่เล็กจ้อย ถ้าซูฉินต้องมาจัดการเรียงตัวเกรงว่าเขาจะไม่สามารถบ่มเพาะจนถึงขั้นเซียนเทพปฐพี ได้ และคงตายไปเมื่ออายุมากขึ้น

ซูฉินอยู่ในพระราชวังนี้เดิมทีก็เพราะความเงียบสงบสะอาดเอี่ยมของสถานที่และไม่มีใครมารบกวนตัวเขา หากไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองการปกครองมันจะไม่ขัดกับความประ สงค์ของเขาหรอกหรือ?

นอกจากนี้ สิ่งที่ซูฉินทําลงไปก็เพียงพอแล้วกับจักรพรรดิหลี่เชิง

ถ้าไม่ใช่เพราะซูฉิน จักรพรรดิถังหลี่เชิงคงจะสิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่เจอมือลอบสังหารครั้งเมื่อเดินทางไปยังตระกูลซูแล้ว ยังไม่ได้พูดถึงการก่อกบฏขององค์ชายเฉิน ซูฉิ นก็เป็นคนลงมือปราบเอง

ซูฉินช่วยชีวิตจักรพรรดิถังหลี่เชิงไว้ถึงสามครั้งสามครา ส่งเสริมให้เขาได้ขึ้นครองบัลลังก์ ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอสําหรับการยืมใช้สถานที่ภายในวัง

“ช่วงเวลาหลังจากนี้ ข้าจะปิดด่านฝึกตน เพื่อปรับสภาพให้ระดับนภาชั้นที่ห้ามั่นคงขึ้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]