เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 141

Sign in Buddha’s palm 141 เข้าสู่ระบบ! ธนูเก้าประกาย!

“เรื่องง่ายๆ”

“พวกเจ้าก็แค่ต้องต่อต้านจักรพรรดิถังโดยตรง”

คําที่กล่าวออกมา

องค์ชายทั้งสิบต่างตกตะลึงในทันที

“เจ้าคือใคร?”

ราชาชวอฟางยืดหลังตรงอย่างสง่างามแล้วมองไปรอบๆ

“อย่ากลัวไป”

“ข้าไม่ได้มาร้าย…”

ในขณะนั้น ชายคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีขาว ใบหน้าเฉยเมยค่อยๆ เดินออกมายืนต่อหน้าราชาหัวเมืองทั้งสิบ

“เจ้าเป็นใคร?”

“เจ้ารู้เกี่ยวกับสถานที่นี้ได้อย่างไร?”

ราชาชวอฟางมองไปที่ชายผู้ทําหน้าเฉยเมย เน้นคําพูดทุกพยางค์

เมืองเล็กๆ แห่งนี้เป็นที่รู้กันในหมู่ของราชาหัวเมืองทั้งสิบ รอบนอกก็ถูกป้องกันแน่นหนาไว้ด้วยคนสนิทของเหล่าองค์ชายและไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาได้

ชายหน้าตาเฉยเมยคนนี้สามารถแอบเข้ามาได้อย่างเงียบๆ อย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง

“พวกเจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าข้าเป็นใคร”

“แค่ต้องรู้ว่าข้ามาที่นี่เพื่อช่วยพวกเจ้า”

ชายที่ดูไม่แยแสสิ่งใดค่อยๆ ยกยิ้มแล้วกล่าวถ้อยคําเหล่านั้นออกมา

“ช่วยพวกเรา?”

องค์ชายทั้งสิบมองหน้ากัน ความคิดมากมายผุดขึ้นในหัวของพวกเขา

ถ้าเป็นคนอื่นที่กล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าราชาหัวเมืองทั้งสิบพระองค์ มันผู้นั้นคงถูกจัดการไปนานแล้ว

แต่ชายหน้าตาเฉยเมยผู้นี้สามารถมาปรากฏตัวที่นี้ได้ ในใจของราชาหัวเมืองต่างก็คิดความเป็นไปได้ต่างๆ นานา มีความเป็นไปได้สูงว่าอีกฝ่ายจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด

คนที่ทรงพลังอํานาจเท่านั้นที่จะพูดออกมาได้อย่างมั่นใจเช่นนี้

“จะช่วยพวกเรา?”

“ท่านจะช่วยพวกเราอย่างไร?”

ราชาชวอฟางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยถามง่ายมาก

ชายผู้เฉยเมยมองไปที่ราชาชวอฟาง “เหตุผลที่พวกเจ้าไม่กล้าต่อต้านจักรพรรดิถังนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าความกังวล เรื่องบรรพบุรุษตระกูลหลี่ที่อยู่ภายในพระราชวังถัง”

เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ชายผู้เฉยเมยก็หยุดไปครู่แล้วพูดต่อ “แต่บัดนี้ เมื่อข้ามาที่นี่แล้ว ก็ปล่อยเรื่องบรรพบุรุษเก่าแก่ ในวังหลวงให้เป็นหน้าที่ของพวกเรา”

“พวกเรา…”

ราชาชวอฟางเข้าใจคําว่า พวกเรา” จากปากของชายผู้เฉยเมยได้อย่างชัดแจ้ง

“จะเชื่อถือเจ้าได้อย่างไร?”

ราชาชวอฟางระมัดระวังตัวอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะคาดเดาบางสิ่งได้ แต่เขาก็ต้องการคําตอบที่ชัดเจนอยู่ดี

………

………

ภายในพระราชวังถัง

ในที่สุดซูฉินก็เดินออกมาจากตําหนักชุนฝั่งขวา

“ในสองปีมานี้ ข้าไม่เพียงแต่จะทําให้ระดับนภาชั้นที่ห้า มั่งคงมีเสถียรภาพขึ้นเท่านั้น แต่ยังก้าวหน้าขึ้นอีกด้วย แม้จะยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์ของนภาชั้นที่ห้า แต่ก็เกือบจะถึง แล้วเหมือนกัน”

ซูฉินเดินเข้าไปในพระราชวังตะวันออกอย่างไม่รีบร้อน คิดอยู่ภายในใจอย่างมีความสุข

“ดูซิว่าในช่วงสองปีมานี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง”

ซูฉินใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขากวาดไปทั่วทั้งเมืองฉางอันในชั่วพริบตา

“หืม?”

“ในที่สุดจักรพรรดิถังก็เรียนรู้ที่จะอดทนอดกลั้น?”

ซูฉินเพิ่งใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กวาดไปทั่วทั้งเมืองจึงทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าการที่จักรพรรดิถังถอนรากถอนโคนหูตาของราชาหัวเมืองในชั่วข้ามคืน

“สมกับเป็นจักรพรรดิได้อย่างเต็มภาคภูมิแล้ว”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิหลี่เชิงมีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าเมื่อใดควรอดทนเมื่อใดควรระเบิดอารมณ์

“ลุงสาม”

“ท่านออกมาแล้วหรือ?”

ในขณะนั้นเอง เมื่อองค์หญิงหลีหว่านมองเห็นซูฉินนางก็ตะโกนออกมาเสียงดัง

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ยกเว้นเรื่องการปิดด่านฝึกตน ซูฉินก็ลงชื่อเข้าใช้เพียงอย่างเดียว ส่วนถ้ามีเรื่องอื่นๆ เขาก็จะไม่สนใจอะไร แม้ว่าจักรพรรดิถังจะมาหาด้วยตัวเองในบางครั้งบางครา ก็ไม่สามารถที่จะเข้าพบตัวเขาได้

“ลุงสาม”

องค์หญิงหลีหว่านวิ่งเข้าไปหาซูฉิน โบกมือให้อย่างกระตือรือร้น แล้วพูดขึ้นอย่างภาคภูมิว่า “ลุงสาม ท่านรู้ไหม ข้าได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธระดับชั้นที่เก้าแล้ว…”

หากผู้พูดเป็นบุคคลอื่นภายในวังหลวง ผู้ฝึกยุทธระดับชั้นที่เก้าคงจะไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึง แต่องค์หญิงหลีหว่านนั้นอายุยังไม่ถึงสิบขวบปีเสียด้วยซ้ำ

นอกจากทรัพยากรที่สมบูรณ์พรั่งพร้อมแล้ว ก็เป็นเพราะพรสวรรค์และการฝึกฝนวิชายุทธอย่างหนักหน่วงขององค์หญิงหลีหว่านเองจึงกลายมาเป็นผู้ฝึกยุทธในวัยนี้

“ไม่เลว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]