Sign in Buddha’s palm 163 ในรัชสมัยของเขา ถ้าข้าได้เป็นจักรพรรดิชิง
เมื่อครู่
ด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉิน เขาได้ตรวจสอบร่างกายของซูเยว่หยุนเรียบร้อยแล้ว
“ข้าพอจะรู้แล้วว่าต้องทําเช่นไร…”
ซูฉินพึมพำและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
หากซูฉินเข้าใจถูก ซูเยว่หยุนกําลังทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งอยู่ในขณะนี้ มันคือโรคมะเร็ง เดียวกันกับที่มีอยู่ในชีวิตก่อนหน้านี้ของซูฉิน
ไม่ว่าใครจะเป็นก็ตาม ไม่ว่าจะอดีตหรือในปัจจุบัน “มะเร็ง” เป็นโรคที่รักษาไม่หาย และไม่มีวิธีรักษา
แต่ในสายตาของซูฉินตอนนี้ ตราบใดที่ซูเยว่หยุนยังไม่อยู่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต มันก็ยังพอจะมีทางรักษาอยู่
“พระมาตุลา”
“ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
“พระนางและฝ่าบาทยังรอคอยอยู่”
เมื่อเห็นชูฉินไม่ตอบ ขันที่ผู้น้อยที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
“ไม่ต้องเป็นกังวล นําข้าไปเถิด” ชูฉินเหลือบมองขันทีแล้วพูดอย่างสบายๆ
“ขอรับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น วันที่ชั้นผู้น้อยก็วิ่งเหยาะๆ นําซูฉินไปในทันที
ไม่ช้านาน
ซูฉินก็มาถึงพระราชวังคุนหนิง
“พี่สาม”
จักรพรรดิถังลุกขึ้นในทันทีแล้วเดินมาหาซูฉิน
“หยุนเหนียง นาง…” น้ำเสียงของจักรพรรดิถังมีแววขมขื่นอยู่เล็กน้อย แต่มองมาที่ซูฉินอย่างมีความหวัง
ในตอนนี้ซูฉินเป็นเพียงความหวังเดียวของเขา ถ้าซูฉินไม่สามารถช่วยซูเยว่หยุนได้ จักรพรรดิถังก็ไม่รู้จะทําอย่างไรแล้ว
ซูฉินเดินตรงไปที่แท่นบรรทม และตรวจดูซูเยว่หยุนอย่างละเอียดอีกครั้ง
แม้ว่าก่อนหน้าเขาจะตรวจสอบร่างกายของซูเยว่หยุนด้วยจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่เพื่อป้องกันความผิดพลาด เขาต้องตรวจสอบด้วยตนเองอีกครั้ง
“พี่สาม”
“หยุนเหนียงนางเป็นอย่างไรบ้าง?”
จักรพรรดิถังรออยู่ครู่ใหญ่ และในที่สุดก็อดที่จะเอ่ยปากขึ้นมาไม่ได้
ซูฉินกําลังจะตอบว่า “ไม่เป็นอะไร” แต่ซูเยว่หยุนพูดขัดขึ้นมาอย่างร้อนรน
“ฝ่าบาท ข้าต้องการอยู่กับพี่สามตามลําพังสักครู่”
ซูเยว่หยุนมองไปที่จักรพรรดิถังด้วยใบหน้าที่แสดงถึงการร้องขอ
ซูเยว่หยุนกังวลว่าถ้าแม้แต่ซูฉินก็พูดว่า “มันรักษาไม่หาย” จักรพรรดิถังคงจะจมลงสู่ความสิ้นหวังอย่างแท้จริง
เมื่อได้ฟังคําขอของซูเยว่หยุน จักรพรรดิถังก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าตกลง “ตกลง ข้าจะพาคนอื่นๆ ออกไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากนั้นไม่นาน
ก็เหลือเพียงซูฉินและซูเยว่หยุนเท่านั้นที่ยังอยู่ภายในพระราชวังคุนหนึ่ง
ซูฉินไม่ได้พูดอะไร เขาแผ่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาอีกครั้ง และเริ่มคิดหาวิธีที่จะใช้รักษาซูเยว่หยุนให้ได้ผลดีที่สุด
ถ้าเป็นคนอื่น ซูฉินจะไม่ต้องเก็บมาคิดวุ่นวายและจะรีบทําลายแหล่งกําเนิดของ “มะเร็ง” โดยใช้แก่นแท้แห่งพลังของตนเอง และแน่นอนว่าอีกฝ่ายจะต้องเจ็บปวดทรมานมากแน่ๆ
เพียงแต่ว่าซูเยว่หยุนเป็นน้องสาวของซูฉิน ซูฉินจึงต้องการวิธีรักษาที่ดีที่สุด
เมื่อซูเยว่หยุนเห็นซูฉินไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร ตรวจสอบนางหลายต่อหลายรอบ จู่ๆ ภายในใจนางก็จมดิ่ง สุดท้ายก็พยายามฝืนยิ้มแล้วพูดออกมา “พี่สาม ข้าอยากให้ท่านได้ดูสวนต้องห้าม”
สวนต้องห้ามเป็นสถานที่สําหรับปลูกดอกไม้มากมายหลายพันดอกภายในวังหลวงเพื่อให้จักรพรรดิและฮองเฮาได้เชยชม
ตั้งแต่ที่ซูเยว่หยุนขึ้นเป็นฮองเฮา ยามที่นางไม่มีอะไรทํานางก็จะมาที่สวนต้องห้ามนี้เพื่อเพลิดเพลินกับดอกไม้นานาพันธุ์
ภายในสวนต้องห้าม
ซูฉินและซูเยว่หยุนค่อยๆ ก้าวเดินอย่างช้าๆ
เนื่องจากนี่เป็นฤดูหนาว ดอกไม้ในสวนต้องห้ามจึงเหี่ยวเฉา แลดูแล้วให้ความรู้สึกเปลี่ยวเหงา
ไม่ว่าจะอย่างไร หมอหลวงเองย่อมมีความสามารถไม่น้อย แม้ว่านางจะเป็น “มะเร็ง” แต่หมอหลวงก็ยังสามารถช่วยให้ซูเยว่หยุนอาการดีขึ้นถึงขนาดที่อย่างน้อยก็เดิน เห็นไปในที่ต่างๆ ได้
“พี่สาม ท่านเหมือนเดิมมาตลอดหลายปีแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย แต่ขากลับกลายเป็นหญิงชราไปเสียแล้ว…”
ซูเยว่หยุนมองไปที่ซูฉินแล้วกล่าวคําเบาๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]