เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 167

Sign in Buddha’s palm 167 ไม่มีใครเทียบข้าได้!

“แผ่นดินที่กว้างกว่า นภาที่สูงขึ้น”

ซูฉินมีสีหน้าเคร่งขรึม ร่ายวจีออกมาหนึ่งบท

หากยืนอยู่บนผืนดิน แม้แต่ซูฉินก็แทบจะไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย เพราะเมื่อเทียบกับโลกนี้ตัวเขาช่างเล็กน้อยเหลือเกิน

แต่ตอนนี้ซูฉินยืนอยู่บนผืนฟ้า เขาค้นพบว่าโลกทั้งใบกําลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ

“นี่คือกระแสปราณฉีที่ว่า?”

ซูฉินเชื่อคําพูดของโม๋จีเกือบทั้งหมดแล้วในตอนนี้

ถ้าแค่เรื่องปราณฉีมีปริมาณเพิ่มขึ้น อาจจะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญได้ แต่ตอนนี้โลกทั้งใบกําลังเปลี่ยนแปลงไป คงต้องปักใจเชื่อเรื่องกระแสปราณฉีกําลังเปลี่ยนผันจากปากคําของโม๋จีเสียแล้ว

“โลกหล้ากําลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก”

ซูฉินกลับไปที่พระราชวังถัง

คราวนี้เขาไม่ได้กลับไปโถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้ผืนดิน แต่ยืนอยู่หน้าตําหนักขุนฝั่งขวา

“มียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดอีกคนหนึ่งอยู่ภายในวัง”

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดเอาไว้ และพบว่าแม่ทัพแห่งวังหลวงได้แปรสภาพกําลังภายในจนก้าวเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นสูงสุดเรียบร้อยแล้ว

ถ้าเป็นเมื่อก่อนซูฉินก็คงไม่คิดว่ามันผิดปกติอะไร แม่ทัพแห่งวังหลวงอยู่ในระดับชั้นที่หนึ่ง ห่างจากการแปรสภาพเพียงแค่ก้าวเดียว ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าวันหนึ่งจะตัดผ่านไปได้

แต่หลังจากตระหนักถึงการคงอยู่ของกระแสแห่งปราณฉี ซูฉินก็ไม่คิดเช่นนั้นอีกต่อไป

“ยอดยุทธภายในเมืองฉางอันก็คงเพิ่มขึ้นเช่นกัน”

จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของซูฉินแผ่ขยายออกไปครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งเมืองฉางอัน

“ถ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป อย่างมากที่สุดภายในเวลาไม่กี่ปีตํานานยุทธคงได้ถือกําเนิดขึ้นอีกครั้ง…”

ซูฉินคาดเดาอยู่ภายในใจ

พลังปราณฉีภายในโลกกําลังเปลี่ยนแปลงไป และง่ายขึ้นมากสําหรับยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดในการเข้าใจถึงพลังฟ้าดิน ในกรณีนี้อาจจะมีบางคนสามารถใช้ประโยชน์จากกระแสพลังดังกล่าวได้จริงๆ จนเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธ

“ในเมื่อมันเป็นผลดีสําหรับจอมยุทธคนอื่นๆ แล้ว สําหรับข้าทําไมมันจะไม่ดีเล่า?”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

หากกระแสปราณไม่เพิ่มขึ้นและยังคงอยู่ในยุคตกต่ำ แม้ว่าซูฉินจะมีโอสถเป็นจํานวนมาก ก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆ ยี่สิบกว่าปีถึงจะเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่หกขั้นสมบูรณ์

ส่วนการจะทะลวงจากระดับนภาชั้นที่หกไปสู่ชั้นที่เจ็ดนั้น เกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักสิบถึงยี่สิบปี

แต่ยามนี้

“สองปี”

“อย่างน้อยสองปี ข้าจะสามารถทะลวงผ่านไปยังนภาชั้นที่เจ็ดได้”

ซูฉินคาดคิดในใจ

เมื่อมาถึงระดับที่เป็นอยู่นี้ ความเข้าใจในตนเองของเขานั้นถือว่าแม่นยําที่สุดแล้วและสามารถสัมผัสได้ถึงทุกอย่างที่ละเอียดอ่อนภายในตน ไม่ใช่แค่ความก้าวหน้าในการฝึกตน

“นภาชั้นที่เจ็ดในสองปี นภาชั้นที่แปดอีกสิบปี และนภาชั้นอีกเก้าอีกสามสิบปี”

“จากการคาดคะเนนี้ อย่างน้อยสุดก็ห้าสิบปี ข้าจะไปอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตนภาทั้งเก้าชั้น และจะทะยานสู่ขอบเขตยอดอรหันต์ได้?”

สีหน้าของซูฉินแสดงให้เห็นถึงความสุขล้น

ห้าสิบปียาวนานหรือไม่เล่า?

บางที่สําหรับคนธรรมดาห้าสิบปีอาจจะเป็นครึ่งหนึ่งของทั้งชีวิต

แต่ในสายตาของอรหันต์เช่นซูฉินที่มีอายุขัยกว่าหนึ่งพันปีห้าสิบปีก็เป็นเพียงหนึ่งในยี่สิบส่วนของอายุขัยทั้งหมด

“มาดูสรรพคุณของผลไม้แก่นปีศาจเสียหน่อย”

ซูฉินอยู่ในอารมณ์ที่ดี จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของตัวเขาผสานเข้ากับคลังของระบบและจ้องไปที่ผลแก่นปีศาจที่คล้ายหัวใจสีดํากําลังเต้นตุบๆ

ก่อนหน้านี้เขากําลังจดจ่ออยู่กับปัญหาเรื่องกระแสปราณฉี จึงละเลยการตรวจสอบผลไม้แก่นปีศาจจากโลกถ้ำปีศาจใต้พิภพไปเสียสนิท

“จากพลังที่ผันผวนอยู่ภายใน มันเทียบเท่าได้กับผลไม้สีแดงหนึ่งร้อยผล”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

ถ้าเขาต้องการลงชื่อแล้วได้รับผลไม้สีแดงร้อยผล เขาจะต้องลงชื่อเข้าใช้แท่นบูชาเทพธรณีฯ อย่างต่อเนื่องอย่างน้อยก็หนึ่งเดือน

แต่ตอนนี้ผลไม้แก่นปีศาจผลเดียวก็ช่วยแก้ปัญหานั้นได้แล้ว

“หากมีผลไม้จิตวิญญาณเช่นนี้อีกเป็นพันๆ ผล ก็คงเพียงพอสําหรับการฝึกฝนของข้าในระดับนภาชั้นที่เจ็ดแล้ว”

ซูฉินค่อนข้างพึงพอใจ

องค์ประกอบภายในของผลไม้แก่นปีศาจผลนี้ไม่ใช่พลังฟ้าดิน แต่เป็นปราณปีศาจปริมาณมหาศาลจากโลกถ้ำปีศาจใต้พิภพ

เมื่ออยู่ต่อหน้าตํานานยุทธคนอื่นๆ ผลไม้แก่นปีศาจก็ไม่ต่างไปจากพิษร้ายและไม่สามารถดูดซับเข้าไปได้

แต่สําหรับซูฉินก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเพียงใช้ร่างทองมารพุทธะเพื่อแปรเปลี่ยนปราณปีศาจภายในผลไม้แก่นปีศาจให้กลายเป็นแก่นแท้แห่งพลัง ซึ่งก็ลําบากขึ้นอีกนิดหน่อยเท่านั้น

“เก็บไว้ก่อนแล้วกัน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]