Sign in Buddha’s palm 168 ปิดด่านฝึกตน! นภาชนที่เจ็ด!
“ไม่มีใครเทียบ?”
หลีหว่านเงยหน้าขึ้นมองซูฉิน นางอายุเพียงสิบขวบปีเท่านั้นและไม่เคยออกจากวังตลอดชั่วชีวิต แน่นอนว่านางไม่เข้าใจว่าไม่มีใครเทียบ”หมายถึงอะไร
ในตอนนี้หลีหว่านรู้เพียงว่าลุงสามของนางนั้นยอดเยี่ยมมากเก่งกว่าเหล่าขันที่น่ารําคาญในวังเป็นไหนๆ
“เอาล่ะ”
“เลิกคุยจ้อได้แล้ว บอกมาเถิดว่าอย่างเรียนศาสตร์ใด”
ซูฉินส่ายหัวแล้วก้มมองหลีหว่าน
“เรียนอะไรดี…”
หลีหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและในที่สุดก็กล่าวว่า “ลุงสามข้าอย่างจะเรียนวิชาดาบ ข้าอย่างเป็นยอดนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก!”
ใบหน้าของหลีหว่านเต็มไปด้วยความปรารถนา
ตั้งแต่สมัยโบราณมา ทุกเท้าที่ย่างก้าวชโลมไปด้วยเลือดเมื่อนักดาบก้าวออกไปสิบก้าวจะต้องมีคนตกตายไปสักคนหนึ่งเสมอ ชื่อเสียงโด่งดังออกไปนับพันลี้หยั่งรากลึกลงไปในใจของผู้คนมาอย่างช้านาน เมื่อหลีหว่านนึกถึงเรื่องพวกนั้น นางก็ต้องการจะเรียนรู้วิชาดาบในทันที
“ดาบ?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉินแล้วจึงพูดอย่างสบายๆว่า “เจ้ารออยู่ที่นี่สักพักนึงก็แล้วกัน”
หลังจากที่พูดจบ ซูฉินก็หันหลังเดินเข้าไปในตําหนักชุนฝั่งขวา
หลังจากนั้นไม่นานซูฉินก็เดินกลับออกมาอีกครั้ง ถือไม้ขนาดเท่าฝ่ามือออกมาด้วย
“ลุงสาม นี่คือสิ่งใด”
หลีหว่านชี้ไปที่ไม่ในมือซูฉินและพูดอย่างสงสัย
“วิถีแห่งดาบที่เจ้าอยากเรียน”
ซูฉินมองไปที่ไม้ในมือตน ยกมือขวาขึ้นลูบเบาๆ
ทันใดนั้น
รอยดาบก็ปรากฏขึ้นบนผิวไม้
“มองไปที่รอยดาบนี้ มันจะสอนเจ้าให้รู้ว่าวิถีดาบคือสิ่งใด” ซูฉินมอบไม้ในมือให้หลีหว่าน
“ชิ้นไม้จะสอนข้าให้เรียนรู้วิถีดาบได้อย่างไร…” หลีหว่านเบิกตากว้างเกือบจะเอ่ยถามประโยคดังกล่าวออกไป แต่วินาทีต่อมาหลีหว่านก็เพ่งมองไปที่รอยดาบบนผิวไม้
ในชั่วพริบตา
หลีหว่านก็รู้สึกว่าทั้งโลกกลายเป็นภาพลวงตา มีเพียงรอยดาบตื้นๆอันนี้เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในสายตานาง
รอยดาบค่อยๆ สว่างขึ้น แยกออกจากเนื้อไม้ มีอิสระจากสวรรค์และโลกเหมือนกับแสงดาบนั้นไร้ที่เปรียบ ขนาดของมันใหญ่ขึ้น บริสุทธิ์ขึ้นและคมกริบขึ้นเรื่อยๆ เวลารอบตัวดูเหมือนจะช้าลงไป
หลังจากผ่านไปนาน
หลีหว่านก็กลับมากะพริบตาอีกครั้ง ใบหน้าดวงเล็กของนางเต็มไปด้วยความสับสน “ลุงสาม ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าไม้ชิ้นนี้จู่ๆ ก็มีชีวิตขึ้นมา?”
“กลับไปได้แล้ว”
ซูฉินยิ้ม โบกมือให้แล้วพูดขึ้นว่า “จําคําของข้าไว้ให้ดีจงหมั่นดูรอยดาบบนแผ่นไม้ชิ้นนี้อย่างสม่ําเสมอ”
“เจ้าค่ะ”
แม้ว่าหลีหว่านจะยังสงสัยอยู่ภายในใจ แต่นางก็ทําได้เพียงหันหลังจากไปหลังจากโค้งตัวคารวะ
ซูฉินยังคงยืนอยู่ตรงจุดนั้น ดวงตาของเขาลึกซึ้งไม่รู้ว่าเขากําลังคิดอะไรอยู่
รอยดาบบนแผ่นไม้ที่ซูฉินทิ้งเอาไว้ให้นั้นเป็นร่องรอยความเข้าใจของตัวเขาเองเกี่ยวกับวิถีดาบ
ถ้าหลีหว่านเข้าใจรอยดาบตื้นๆ อันนั้นได้ อาจจะยังไม่ต้องถึงขั้นตํานานยุทธ แต่อย่างน้อยการไปสู่ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่ หนึ่งขั้นสูงสุดก็คงไม่มีปัญหา
และที่สําคัญที่สุด รอยดาบรอยนั้นจะชี้ทางให้กับหลีหว่านในอนาคต เพื่อที่นางจะได้ไม่สับสนหรือสงสัยเกี่ยวกับการฝึกฝนของตน เองอีกต่อไปที่นางต้องทําก็แค่ต้องฝึกฝนและก้าวเดินไป ข้างหน้าด้วยกําลังทั้งหมดที่มี
นี่เป็นผลลัพธ์ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดของร่องรอยดาบอันนี้
แน่นอนว่าเมื่อยามที่ซูฉินมอบแผ่นไม้ที่มีรอยดาบนี้ให้แก่หลีหว่าน เขาได้เชื่อมโยงมันเข้ากับ “พลังศักดิ์สิทธิ์” ในร่างกายของหลีห ว่านแล้วยกเว้นแต่ตัวหลีหว่าน ทุกคนที่เห็นรอยดาบบนแผ่นไม้นี้ จะสัมผัสอะไรไม่ได้เลย
นอกเหนือจากการลงชื่อเข้าใช้ ฝึกฝน และให้คําแนะนําหลีหว่านเป็นครั้งคราวแล้วนั้น ซูฉินก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในโลก ใบนี้
ตามคํากล่าวของโม่จี ปราณฉีของพลังฟ้าดินก็เปรียบเสมือนกระแสน้ํา มีขึ้นมีลง ยามเมื่อมันจางหายไปการฝึกฝนวิทยายุทธก็ยากเย็นยิ่งและเมื่อมันมาถึงขาขึ้น กฎแห่งสวรรค์และผืนปฐพี่จะถูก เปิดเผย ปราณฉีจะมีอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์การบ่มเพาะจึงกลาย เป็นเรื่องง่าย
“กระแสแห่งปราณฉีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วทั้งโลก เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ต่อต้านไม่ได้”
ซูฉินนั่งขัดสมาธิ สัมผัสถึงความเร็วในการฝึกฝนที่เพิ่มขึ้นในระดับที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในระหว่างที่ฝึกฝนไป ความคิดบางอ ย่างก็แวบเข้ามาในใจ
ว่ากันว่าองค์ยูไลอาจจะมีฤทธิ์มีอํานาจที่ทําได้แม้กระทั่งย้อนกระแสปราณฉี แต่เห็นได้ชัดว่าซูฉินในตอนนี้ยังไม่มีความสามารถที่ จะทําเช่นนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]