ตอน ตอนที่ 169 เหมิงหยวนลงใต้ นานาชาติตื่นตกใจ จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 169 เหมิงหยวนลงใต้ นานาชาติตื่นตกใจ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
Sign in Buddha’s palm 169 เหมิงหยวนลงใต้ นานาชาติตื่นตกใจ
“ทุกสิ่งพร้อมแล้ว”
“ต่อจากนี้ ข้าจะปิดด่านฝึกตนเพื่อเข้าสู่นภาชั้นที่เจ็ด”
ซูฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในของโถงพระราชวังสูงตระหง่าน ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นอรหันต์ ตํานานยุทธ หรือราชาปีศาจแห่งโลกถ้ําปีศาจ ระดับนภาชั้นที่เจ็ดนั้นคือการเปลี่ยนแปลงคุณภาพครั้งใหญ่
การก้าวขึ้นสู่นภาชั้นที่เจ็ดนั้นเทียบเท่ากับการก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของขอบเขตนี้ มีโอกาสที่จะรวบรวมพลังบีบอัดเป็นอาณาเขตขนาดเล็ก” ซึ่งเหนือกว่าการใช้เพียงพลังฟ้าดินโดยสิ้นเชิง
แม้ว่าจะมีโอกาสที่จะสร้างอาณาเขต” ขนาดเล็ก”ได้ แต่การควบรวมพลังสร้างอาณาเขตขนาดเล็ก”ได้จริงๆ ก็เป็นคนละเรื่องกัน และผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในระดับนภาชั้นที่เจ็ดส่วนใหญ่และแม้แต่ในระดับชั้นที่แปดบางทีก็อาจจะไม่สามารถ ควบรวมอาณาเขต” ขนาดเล็ก” ขึ้นมาได้ก็เป็นได้
แต่ยังมีโอกาสอยู่ ถึงจะน้อยแต่ก็ยังมีหวัง
ความคิดของซูฉินมีผ่านมาแล้วก็หายไป หลับตาลงช้าๆ โคจรแก่นแท้แห่งพลังภายในร่างอย่างต่อเนื่อง ไอพลังที่ไม่สามารถหยั่งถึงก็ปกคลุมทั่วทั้งห้องโถงของพระราชวังอันสูงตระหง่าน
เหมิงหยวน
ณ ทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา
ราชครูแห่งอาณาเหมิ่งหยวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์
อุ่มมมม
พลังแห่งฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุดพุ่งเข้ามาบรรจบกัน บีบอัดอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ร่างของราชครูอาณาจักรเหมิงหยวน
และด้านล่างภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ผู้นําคนปัจจุบันของอาณาจักรเหมิงหยวนและขุนนางหลายคนกําลังรอคอยอย่างอดทน
“ผ่านมาปีกว่าแล้ว”
“ท่านราชครูยังไม่ออกมาจากที่นั่นแม้แต่ก้าวเดียวอย่างนั้นหรือ?”
ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนดูกังวลและบ่นพึมพําอยู่กับตนเอง
ถึงแม้ผู้นําเหมิ่งหยวนจะไม่เก่งเรื่องวิชายุทธ แต่เขารู้ดีว่าการพัฒนาขั้นในการฝึกฝนวิทยายุทธนั้นอาจจะไม่สําเร็จเสมอไป ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธจํานวนเท่าใดที่เสียชีวิตในช่วงพัฒนา ขั้นนี้ยังไม่พูดถึงว่าการพัฒนาขั้นของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนในครั้งนี้เป็นการก้าวจากวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้นไปสู่ขอบเขตที่สูงขึ้น?
แม้ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนจะมีความมั่นใจก็ตาม แต่ยามนี้ก็อดเป็นกังวลไม่ได้
“ท่านผู้นําอาณาจักรสามารถวางใจได้”
“ราชครูแห่งอาณาจักรอยู่ยงคงกระพัน จะต้องฝาอุปสรรคไปได้อย่างราบรื่นเป็นแน่”
ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านข้างกระซิบบอก
“ข้าก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนถอนหายใจออกมาเบาๆ
แม้ว่าภายในอาณาจักรเหมิงหยวน สถานะของราชครูจะสูงกว่าผู้นําอาณาจักรอย่างตนแต่ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ไม่ได้คิดอะไรมากความ
หากไม่ได้ราชครูแห่งเหมิงหยวนช่วยรวบรวมอาณาจักร ปานนี้อาณาจักรเหมิงหยวนทั้งหมดคงจะล่มสลายไปนานแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะมาเชิดหน้าชูคออยู่ท่ามกลางกลุ่มอํานาจต่างๆในโลกเช่นนี้?
นอกจากนี้เหตุผลที่เจ้าแผ่นดินอาณาจักรเหมิ่งหยวนสามารถนั่งตําแหน่งนี้ได้ก็เป็นเพราะอํานาจสนับสนุนอันแข็งแกร่งของราชครูแห่งอาณาจักร ด้วยกรณีดังกล่าวเจ้าแผ่นดินอาณาจักรเหมิงหยวนจะไม่สามารถประคองตําแหน่งเอาไว้ได้หากไม่มีราชครูแห่งอาณาจักรด้วยซ้ํา เขาจะมีความคิดเป็นอื่นได้อย่างไร
ระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น
พลังฟ้าดินที่พุ่งเข้ามาก็หยุดลงอย่างกะทันหันค่อยๆสงบลง ไม่รวมตัวกันเข้ามาที่ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป
“นี่คือ?”
ม่านตาของชายฉกรรจ์หดเล็กแคบ มองไปทางภูเขาอย่างไม่รู้ตัว
ผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนอาจจะไม่ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังฟ้าดิน แต่ในฐานะจอมยุทธในขอบเขตสามระดับบน เขาสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังฟ้าดินอยู่เล็กน้อย
เมื่อเห็นท่าทีของชายฉกรรจ์ผู้หยาบกร้านด้านข้าง ผู้นําแห่งเหมิ่งหยวนก็จ้องมองตามอีกฝ่ายไปยังยอดเขาศักดิ์สิทธิ์
“นั่นคือ?”
ใบหน้าของชายหยาบกร้านเปลี่ยนไป
ไม่รู้ว่าเมื่อใด แต่เห็นร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวขึ้น ร่างนั้นค่อยๆเดินลงมาจากภูเขา
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าเหลือเชื่อคือทุกย่างก้าวที่ชายร่างสูงดําเนินไป ก้าวข้ามระยะทางหลายร้อยเมตร ภายในเวลาครู่เดียวร่างนั้นก็มาถึงตีนภูเขา
“ท่านราชครู”
“ท่านราชครู ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว”
ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนมองด้วยความยินดีและรีบวิ่งไปที่ร่างสูงด้วยความเคารพ
“รวบรวมกําลังพลเรียบร้อยแล้วในตอนนี้ อาณาจักรเหมิ่งหยวนของเรารวบรวมทหารม้าหนึ่งล้านนาย และกองกําลังภาคพื้นอีกสี่ล้านนาย เพียงรอคําสั่งของท่านราชครูเท่านั้นก็จะเคลื่อนพลลงใต้ได้ทันที”
เจ้าแผ่นดินอาณาจักรเหมิ่งหยวนคํานับพร้อมกล่าวคํา
ทหารม้าหนึ่งล้าน และกองทัพภาคพื้นอีกสี่ล้าน เรียกได้ว่าเป็นรากฐานทั้งหมดของอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็ว่าได้
ทหารม้าหนึ่งล้านนายถูกสร้างขึ้นโดยอาณาจักรเหมิงหยวนเป็นเวลาหลายร้อยปี จนในที่สุดก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
ส่วนกองทัพภาคพื้นอีกสี่ล้านนาย คือไพร่พลที่อาณาจักรเหมิ่งหยวนเกณฑ์มาจากอาณาจักรเล็กๆ รอบข้างหลายสิบแห่งในช่วงยี่สิบสามสิบปีที่ผ่านมา
เมื่อเทียบกับทหารม้านับล้าน กองทัพภาคพื้นจํานวนสี่ล้านนายไม่น่านํามากล่าวถึง แต่ไม่ว่าจะอ่อนแอเพียงใด เมื่อมีจํานวนถึงสี่ล้านมันก็น่ากลัวไม่แพ้กัน
“เช่นนั้นพวกเราจะเดินทางไปยังทิศใต้ ภายในเวลาอันสั้นกองทหารของพวกเราจะเข้าประชิดเมืองฉางอัน” ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนเอามือไพล่หลัง กล่าวคําอย่างแผ่วเบา
“เมืองฉางอัน?”
ผู้นําอาณาจักรเหมิ่งหยวนตกตะลึง
“ท่านราชครู แล้วตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน…” ผู้นําอาณาจักรเหมิงหยวนกล่าวอย่างระมัดระวัง
“สบายใจได้”
ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนเหลือบมองไปที่ผู้นําอาณาจักร ท่าทางของเขาไม่เปลี่ยนแปลงไปสักนิดแล้วกล่าวว่า “แม้ว่าข้าจะเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธ แต่เรื่อ งการโจมตีนั้นเป็นสิ่งที่ข้าถนัด ควบคู่ไปกับพรแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนเรา ทําให้ความสามารถในการต่อสู้ของข้านั้นใกล้เคียงกับตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่สอง”
“ถึงแม้จะไม่ได้เทียบเท่าตํานานยุทธภายในเมืองฉางอัน แต่ก็ง่ายที่จะสกัดอีกฝ่ายเอาไว้ เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าก็สามารถบุกทะลวงเมืองฉางอันได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าเสียงของราชครูแห่งอาณาจักรเหมิงหยวนจะเบา แต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง
“ขอรับ”
เมื่อได้ยินคํากล่าวนั้น ผู้นําแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็โค้งคํานับในทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ข่าวจากอาณาจักรเหมิ่งหยวนก็แพร่กระจายไปทั่วดินแดนในทันที
“ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนก้าวกระโดดครั้งใหญ่ กลายเป็นตํานานยุทธ
“อาณาจักรเหมิ่งหยวนระดมกําลังพลกว่าห้าล้านนาย ต้องการจะบุกลงทางตอนใต้”
ทั่วทั้งโลกกําลังสั่นสะท้าน นานาชาติต่างตกตะลึง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]