Sign in Buddha’s palm 180 เหล่าตํานานยุทธ จากต่างดินแดน
ชายขอบของทวีป
ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินมีดวงตาที่มุ่งมั่นร้อนแรง
ผู้ฝึกยุทธในต่างแดนนั้นอยู่ในจุดรุ่งเรืองยิ่ง แต่ทรัพยากรสําหรับการฝึกฝนบ่มเพาะส่วนใหญ่ถูกควบคุมโดยเหล่าสุดยอดพรรค สําหรับผู้ฝึกยุทธธรรมดา ถึงแม้จะเข้าถึงขอบเขตตํานานยุทธเรียบร้อยแล้วแต่หากไม่เลือกเข้าร่วม ไม่เลือก ทํางานให้กับสุดยอดพรรค พวกเขาย่อมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบาก
“ที่ดี พวกนิกายใหญ่พวกนั้นไม่เชื่อถือคําทํานายจากผู้เห็นชะตาฟ้าคิดว่าต่อให้กระแสปราณญี่จะฟื้นคืนกลับมาพวกมันก็จะยังรักษาความรุ่งโรจน์ในต่างดินแดนเอาไว้ได้ ช่างน่าเวทนานัก…”
ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินส่ายหัวเล็กน้อย ร่องรอยความเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้า
ครั้งหนึ่งตัวเขาเคยมีโอกาสผ่านไปยังเกาะร้างแห่งหนึ่งและรู้ว่ากระแสปราณไม่ได้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกก่อน หน้านี้ในช่วงหมื่นปีพันปี หรือช่วงร้อยปี กระแสปราณฉีมีขี้ นมีลงอยู่เป็นครั้งคราว
และเมื่อใดก็ตามที่กระแสปราณีพุ่งสูงขึ้น จะมีพื้นที่ที่เป็นแกนหลักปรากฏขึ้นมา
แกนหลักแห่งนี้จะเหนือกว่าที่อื่นๆ ในโลก และแม้แต่ผู้ที่ทรงพลังในต่างดินแดนก็จะถูกปราบปราม ไม่อาจต่อกร
“อย่างไรก็ตาม พวกผู้อาวุโสในสุดยอดพรรค ในนิกายใหญ่ๆ เหล่านั้นไม่เชื่อถือ แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วมันช่วยแก้ปัญหาไปได้หลายอย่างที่เดียว”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายในชุดคลุมสีน้ําเงิน
เขาจะต้องปวดเศียรเวียนเกล้าแน่ๆ ถ้าเหล่าหัวหน้าสุดยอดพรรคในต่างดินแดนเชื่อถือในคําทํานายของผู้เห็นชะตาฟ้า แต่ยามนี้ยังไม่มีใครสนใจทวีปนี้ ในสายตาของชายชุดคลุมสีน้ําเงินมันจึงเป็นเรื่องที่ดียิ่ง
“ตราบใดที่ข้าครอบครองทวีปนี้ไว้ก่อนล่วงหน้า เริ่มวางรากฐานลงไปแม้ว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ปี แต่ผลประโยชน์ก็จะเท่ากับทํางานอย่างหนักหน่วงหลายสิบหลายร้อยปี”
ความคิดของชายในชุดคลุมสีน้ําเงินแปรเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเริ่มคิดหาวิธีพิชิตทวีปนี้โดยเร็วที่สุด
หากหลังจากผ่านช่วงเวลานี้ไปอีกหลายสิบหรือหลายร้อยปียามเมื่อทวีปนี้เปี่ยมด้วยพลังอันเปี่ยมล้นเต็มที่ เขาคงไม่กล้าจะคิดเรื่องพวกนี้อีกแล้ว
แม้ว่าจะเป็นพื้นที่แกนหลักของกระแสปราณฉี แต่ก็เหมือนกับน้ําในลําคลองที่ต้องอาศัยการเก็บสะสมจากหยาดฝนแม้จะมีบางอย่างไม่ธรรมดาภายในทวีปนี้ แต่ในสายตาของเขามันก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร
ในฐานะที่เป็นตํานานยุทธจากต่างดินแดนชายในชุดคลุมสีน้ําเงินย่อมมีความเย่อหยิ่งอยู่ในใจ
สถานที่ห่างไกลเช่นนี้ ห่างไกลจากต่างแดน เกรงว่าตํานานยุทธคงไม่กําเนิดขึ้นมาหลายร้อยปีแล้วกระมัง จะมาหยุดการพิชิตทวีปของเขาได้เยี่ยงไร
สิ่งเดียวที่ชายชุดคลุมสีน้ําเงินจะต้องคิดพิจารณาในตอนนี้คือวิธีใดที่จะพิชิตทวีปนี้ให้ได้เร็วที่สุด
“ข้าต้องรีบแล้ว ในเวลาช่วงสั้นๆ นี้ พวกสุดยอดพรรคสํานักระดับสูงอาจจะยังไม่เชื่อถือในคําทํานายชะตาฟ้า แต่เมื่อ เวลาผ่านไปกระแสปราณฉีจะยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เหล่ายอดยุทธอาวุโสที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดในต่างดิน แดนอย่างน้อยก็คนหรือสองคนจะต้องสังเกตเห็นบางอย่างแน่นอน”
หัวใจของชายชุดคลุมสีน้ําเงินถูกบีบรัดแน่นขึ้นในทันใด
ตัวเขาไม่เคยคิดว่าจะครองทวีปนี้ได้ตลอดไป
เมื่อเหล่ายอดยุทธจากต่างแดนตระหนักถึงเหตุการณ์ที่กําลังจะเกิดขึ้น ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็ทําได้แค่ยอมถอยเท่านัน
เมื่อคิดถึงเรื่องดังกล่าว ชายในชุดคลุมสีน้ําเงินก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าแล้วหายวับไปจากจุดเดิม
ในเวลาเดียวกัน
ซูฉันเดินเล่นภายในวังหลวงโดยไม่ได้รีบร้อนอะไร
“เอ๋?”
ซูฉินหยุดเดินและมองเข้าไปในศาลบรรพชนของวังหลวง
เมื่อยามที่ซูฉินมาถึงพระราชวังถังครั้งแรก เขารู้ว่าผู้ดูแลศาลบรรพบุรุษเป็นยอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุด และควรจะเป็นภูมิหลังอย่างสุดท้ายของพระราชวังถัง
“กําลังจะตายงั้นหรือ…”
ดวงตาของซูฉินสงบนิ่ง ความคิดผันผวนอยู่ภายใน
ในการรับรู้ของเขา ลมหายใจของผู้ดูแลในเวลานี้ก็เปรียบเหมือนเทียนไขท่ามกลางสายลม สามารถมอดดับได้ทุกเมื่อ
“ถึงขีดจํากัดของชีวิต…”
ซูฉินส่ายหัวเล็กน้อย
แม้แต่ยอดยุทธระดับนภาชนที่เจ็ดอย่างซูฉิน เรื่องขีดจํากัดของชีวิตก็เป็นปัญหาที่เลี่ยงไม่ได้
ถ้าซูฉันไม่สามารถไปถึงขอบเขตยอดอรหันต์ได้ เขาก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงเก้าร้อยห้าสิบปีเท่านั้น รอคอยเลือดเนื้อเสื่อมสลายและตายลงอย่างโดดเดี่ยว
“น่าเสียดาย”
ซูฉินถอนหายใจออกมา
ยามนี้ปราณีฟื้นฟูกลับมาแล้ว ถ้าผู้ดูแลยังมีชีวิตต่อไปอีกสักหลายสิบปี อาจจะทะลวงผ่านขั้นขึ้นมาได้
แต่ตอนนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]