Sign in Buddha’s palm 2 คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น! โอสถเสริมศักยภาพ!
“ปรากฏว่ามันก็คือ ‘ฝ่ามือยูไล‘ นี่เอง!”
แม้ในใจของเขาจะตื่นเต้นอย่างหนัก แต่ไม่มีการแสดงออกหลุดรอดมาทางสีหน้าแต่ประการใด
นี่คือวิชายุทธ์ระดับพระเจ้าที่แข็งแกร่งที่สุดของวัดเส้าหลิน เป็นที่รู้กันว่าคือวิชาที่สืบทอดมาจากองค์ยูไล น้อยคนบนโลกนักที่จะมีความสามารถเทียบเคียงองค์ท่านได้
อย่างไรก็ตาม ซูฉินได้ยินข่าวคราวมาว่ากว่าเก้าร้อยปีแล้วที่วิชาฝ่ามือยูไลได้สูญหายไป
วัดเส้าหลินสูญเสียวิชายุทธ์ระดับพระเจ้าที่นับว่าแข็งแกร่งที่สุดวิชานี้
ความคิดของซูฉินผกผันไปมา
ในฐานะ อดีตนายน้อยสามแห่งตระกูลซู แม้จะไม่มีพรสวรรค์ทางด้านวิทยายุทธ์แต่ความรู้ในเรื่องราวในใต้หล้าก็มิใช่คนธรรมดาจะเทียบถึง
ทั้งวัดเส้าหลินเอง และตระกูลซูต่างก็ตั้งอยู่ในผืนแผ่นดินเดียวกัน นั่นคือ ‘ต้าถัง‘
เหล่าพรรคมารในต้าถังต่างก็ห้ำหั่นคานอำนาจกันเอง
ทางเหนือของต้าถังเป็นเขตแดนของราชวงศ์ซ่งและราชวงศ์เหลียว ส่วนด้านนอกของอาณาเขตราชวงศ์เหลียวก็เป็นพื้นที่ทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูดหูลูกตาของพวกมองโกเลียแห่งอาณาจักรหยวน
ส่วนสุดทางตอนใต้ติดกับอาณาจักรหมิง นอกจากนี้แล้วก็ยังมีประเทศเล็กๆ อีกมาก อาทิ ต้าหลี่ และหนานเฉา
เรียกได้ว่า นี่คือโลกที่เหล่าโลกยุทธภพจำนวนนับไม่ถ้วนตามความทรงจำของซูฉินในชีวิตก่อนได้มารวมเข้าด้วยกันเป็นโลกใบนี้
ในไม่ช้าหลังจากนั้น ซูฉินก็กลับมาถึงลานจิปาถะ
หวึ่งง!
ความรู้สึกของซูฉินก่อตัวรวมเข้ามาที่หว่างคิ้ว รู้สึกได้ถึงองค์ยูไลทองคำยืนตระหง่านอยู่กึ่งกลางคิ้วของเขา ปลดปล่อยรังสีลมหายใจแห่งอมตะนิรันด์ออกมา
มันคือ‘ฝ่ามือยูไล‘!
ด้วยความแข็งแกร่งของร่างกายในปัจจุบันของซูฉินไม่สามารถฝืนแสดงอานุภาพอันสูงส่งของวิชาระดับพระเจ้าอย่างฝ่ามือยูไลได้ทั้งหมด ทำได้เพียงก่อรูปทองคำแห่งองค์ยูไลขึ้นมา แล้วเขาก็ค่อยๆ นึกขึ้นได้
เพื่อที่จะใช้ออกฝ่ามือยูไลได้อย่างเชี่ยวชาญ มีเพียงจะต้องไปให้ถึงความแข็งแกร่งที่มากสักระดับหนึ่งเท่านั้น
ก็เหมือนกับเด็กที่ได้ดาบศักดิ์สิทธิ์ไร้พ่ายไปนั่นแหละ อย่างแรกคือเด็กคนนั้นต้องมีแรงพอจะถือดาบให้ได้ก่อน ก่อนที่จะใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่างคล่องแคล่วได้
“โอเค ไม่ต้องรีบ ให้กาลเวลาเป็นตัวพาทุกอย่างไป”
ซูฉินปลอบใจตัวเอง
อย่างไรเสียวิชาฝ่ามือยูไลก็อยู่ในกำมือของเขาแล้ว ตราบเท่าที่ความแข็งแกร่งถึง การที่จะสามารถใช้ฝ่ามือยูไลได้ก็เป็นเรื่องที่แน่นอนแล้ว
นอกจากนั้นแล้ว นี่เป็นเพียงแค่รางวัลจากการลงชื่อเข้าใช้แค่ครั้งแรกเท่านั้นเอง
ในวัดเส้าหลิน แน่นอนว่าโถงประชุมใหญ่เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญ แต่จะไม่มีสถานที่อื่นอีกหรือที่เทียบเท่าโถงประชุมใหญ่
ตัวอย่างเช่น ลานตำหนักต่างๆ ศาลาพระคัมภีร์ หอคอยสะกดมาร เป็นต้น
ซูฉินตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าต่อแต่นี้ไปจะเข้าไปเยี่ยมชมทุกๆ ซอกทุกมุมภายในวัดเส้าหลินให้ได้ และแน่นอน ไม่ลืมที่จะลงชื่อเข้าใช้
…
วันรุ่งขึ้นซูฉินได้รับมอบหมายให้ไปกวาดลานที่ศาลาพระคัมภีร์
ศาลาพระคัมภีร์เป็นสถานที่เก็บเคล็ดวิชาเกือบทั้งหมดของวัดเอาไว้ ความสำคัญของมันถึงกับเหนือยิ่งไปกว่าโถงประชุมใหญ่
ถึงแม้ซูฉินจะได้รับอนุญาตให้เข้าออกศาลาพระคัมภีร์ได้อย่างอิสระ แต่ก็ถูกห้ามไม่ให้อ่านคัมภีร์วิชาใดในชั้นสอง
ความจริงแล้วนั่นย่อมเป็นเรื่องปกติ
ถ้าเพียงแต่ตัวตนอันต่ำต้อยเยี่ยงพระกวาดลานยังสามารถอ่านคัมภีร์ได้ ไม่ใช่หมายความว่าเส้าหลินนั้นล่มจมไปแล้วหรอกหรือ?
“ระบบ ฉันจะลงชื่อเข้าใช้”
ซูฉินกล่าวขึ้นเงียบๆ ขณะกวาดลานไปด้วย
[ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับวิชาฝึกตน ‘คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น‘]
[หมายเหตุ : นี่คือสถานที่ที่สามารถลงชื่อซ้ำได้ และโฮสต์สามารถลงชื่อได้วันละครั้ง]
เสียงระบบแจ้งเตือนอย่างเนิบช้า
“อี้จินจิง…คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น…”
ซูฉินถึงกับประหลาดใจ
ถึงแม้คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นจะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ากับ‘ฝ่ามือยูไล‘ แต่กล่าวได้เต็มปากเลยว่ามันคือสิ่งมหัศจรรย์ในใต้หล้า
ฝึกฝนเคล็ดวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นสามารถตัดเส้นเอ็นเปลี่ยนผ่านกระดูกได้อย่างง่ายดาย นี่มันสำคัญยิ่งกว่าฝ่ามือยูไลเสียอีกในสายตาของคนธรรมดาอย่างซูฉินที่ไม่มีแม้แต่พรสวรรค์ทางวิทยายุทธ์
แม้ฝ่ามือยูไลจะอยู่เกินระดับของคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นไปไกล แต่ถ้าไม่มีมันเพื่อเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ทางวิทยายุทธ์ของซูฉิน ก็ไม่มีทางคิดฝันเลยว่าเขาจะใช้ฝ่ามือยูไลได้ยังไงด้วยซ้ำ
ทันใดนั้นภาพความทรงจำมากมายเกี่ยวกับการฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นก็เข้ามาในจิตของซูฉิน
เวลาเดียวกันนั้น แก่นกระดูกของซูฉินก็ส่งเสียงดัง แกร็ก แกร็ก ไปเรื่อยอย่างช้าๆ
เห็นได้ชัดว่าการอบรมบ่มเพาะของระบบทำให้ซูฉินเข้าใจหลักการทั้งหมดและเชี่ยวชาญการบ่มเพาะวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นได้โดยตรง
…
หลังจากนั้นไม่นานซูฉินก็ลืมตาขึ้น
“น่ะ…นี่?”
ซูฉินจ้องที่มือทั้งสองข้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]