Sign in Buddha’s palm 201 เข้าสู่ระบบ! ทิพยอํานา จชนิดที่สามของซูฉิน!
ในช่วงเวลานี้
ศิษย์ทุกคนของตําหนักเทพเจ้าหิมะที่อยู่ในวังน้ําแข็งก็พลันรู้สึกได้ถึงความเย็นที่เสียดแทงลึกลงไปถึงกระดูก
“ไม่ดีแล้ว”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?”
“เจ้าตําหนัก เจ้าตําหนักโกรธเกรี้ยวอย่างหนักเลย”
ศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะรีบคุกเข่าลงอย่างเร่งรีบ มิกล้าที่จะเงยหน้าขึ้น
ในสายตาพวกเขา เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะเปรียบเสมือนเทพสูงส่ง ควบคุมชีวิตความเป็นความตายของศิษย์ทุกคนไว้ในกํามือ
หากเจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะโกรธเกรี้ยวก็ราวกับท้องฟ้าถล่มลงมาใส่พวกเขา
“ทําไมเจ้าตําหนักถึงโกรธขึ้นมา ในช่วงสิบปีมานี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในตําหนักเทพเจ้าหิมะของข้านี่นา…”
ศิษย์หลายคนงงงวย
“เป็นไปได้หรือไม่ที่มันเกี่ยวพันกับผู้สืบทอด?”
ใบหน้าของศิษย์บางคนเปลี่ยนแปลงไป ก่อนหน้านี้ เทพธิดาได้รับคําสั่งจากเจ้าตําหนักให้ไปสํารวจสถานที่พิพาทตามคําทํานายของสํานักชะตาฟ้า พร้อมๆกับศิษย์นิกายใหญ่อีกหลายคน
ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะก็โกรธเกรี้ยว ศิษย์หลายคนอดที่จะคาดเดาไม่ได้ว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกัน
บรรดาศิษย์ที่คาดเดาไปตามนี้ก็เริ่มไม่สบายใจกันยกใหญ่
ในส่วนลึกของวังน้ําแข็งเกือบจะกลายเป็นน้ําแข็งเกือบทั้งหมด ความหนาวเย็นเพิ่มขึ้นมหาศาล
“เจ้า…เจ้าตําหนักไว้ชีวิตด้วย…”
ศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะที่เข้ามารายงานเรื่องดวงไฟของเทพธิดามอดดับ รู้สึกว่าร่างกายของตนแข็งที่อ เลือดและแก่นแท้แห่งพลังไหลเวียนช้าลง แม้แต่สติก็เริ่มไม่ชัดเจน
แม้ว่าวิชาส่วนใหญ่ที่ศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะฝึกฝนจะเป็นธาตุน้ําแข็ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเพิกเฉยต่อความหนาวเย็นได้
“ท่านเจ้าตําหนัก ความแข็งแกร่งของเจ้าตําหนักเพิ่มขึ้นอีกแล้ว…” ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหันหน้ามองกัน ร่องรอยความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา
เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะในตอนนี้ เพียงแค่ไอพลังก็ทําให้เกิดผลกระทบมากถึงเพียงนี้ แม้จะยังไม่แตะระดับนภาชั้นที่เจ็ดขั้นสูงสุดในขอบเขตตํานานยุทธ แต่เกรงว่าคงอีกไม่ห่างไกล
“อื้ม!”
เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะเหลือบมองสาวกคนนั้น ไอพลังค่อยๆลดลง และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปเอาเทียนดวงไฟชีวิตของหลิงเอ๋อมา”
“เจ้าค่ะ”
ศิษย์ตําหนักเทพเจ้าหิมะตัวสันกลัว รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานหลังจากนั้น นางก็ถือเชิงเทียนที่ดูคล้ายจะทํามาจากผลึกน้ําแข็งเดินเข้ามา
“มันดับแล้วจริงๆ”
เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะมองดูแล้วนิ่งเงียบไป
เมื่อดวงไฟแห่งชีวิตดับลง หมายความว่าเจ้าของดวงไฟได้ดับสูญโดยสมบูรณ์ แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็มิรอดพ้น
“มันเป็นใคร มันเป็นใคร?!!”
แม้เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไร แต่คําพูดนั้นเผยจิตสังหารออกมาอย่างแผ่วเบา
เทพธิดาปิงหลิงเป็นลูกศิษย์ที่นางเลือกสรรเป็นการส่วนตัว เพื่อฝึกฝนให้เป็นเจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะคนต่อไป
อาจกล่าวได้ว่า เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะใช้ความพยายามอย่างมหาศาลไปกับปิงหลิง
แต่ตอนนี้ปิงหลิงกลับตายไปแล้ว?
“เจ้าตําหนัก”
ในเวลานั้น ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างก็กัดฟันและพูดขึ้นว่า “เทพธิดาได้บรรลุถึงจุดสูงสุดของนภาชั้นที่สามควบคู่ไปกับวิชาลับของตําหนักเทพเจ้าหิมะของพวกเรา แม้ว่าจะพบเข้ากับตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่สี่ทั่วๆไป การหลบหนีก็คงมิใช่ปัญหา…”
“ถ้าเข้าใจไม่ผิด ท่านเจ้าตําหนัก การที่สามารถสังหารเทพธิดาได้ อย่างน้อยๆ ความแข็งแกร่งก็ต้องใกล้เคียงกับระดับผู้นํานิกาย”
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งเปิดปากพูด วิเคราะห์ความเป็นไปได้
“ผู้นํานิกาย?”
เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะหรี่ตาลง ประกายแสงวาบผ่านดวงตา “หลิงเอ๋อมีสิ่งของช่วยชีวิตที่บรรพชนมอบให้ เมื่อถูกกระตุ้น แม้ว่าจะเป็นตํานานยุทธในระดับนภาชั้นที่เจ็ดก็ไม่สา มารถตามนางได้ทัน”
เสียงของเจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะดับไป
รูม่านตาของเหล่าผู้อาวุโสก็หดตัวลง
“ระดับนภาชั้นที่เจ็ด ใช่บรรพชนของนิกายใหญ่บางแห่ง ที่ตื่นขึ้นมาเพื่อลงมือกับเทพธิดาเช่นนั้นหรือ?”
“เป็นไปไม่ได้ คนเหล่านั้นอายุตั้งเท่าไหร่กันแล้ว หวงแหนชีวิตกันแค่ไหน? เป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมสูญเสียอายุขัยที่มีอยู่น้อยนิดเพื่อมาลงมือกับเทพธิดา”
“ถ้าอย่างนั้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไรกันเล่า?”
ผู้อาวุโสหลายคนเริ่มโต้เถียงกันในทันที
ในเวลานั้น ผู้อาวุโสที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่แรกก็กล่าวขึ้นมา “บางทีเทพธิดาอาจจะไม่มีเวลาใช้สิ่งของช่วยชีวิต?”
คําที่กล่าวออกมา
ผู้อาวุโสหลายคนมองหน้ากันและรู้สึกว่ามันก็เป็นไปได้มากเช่นกัน
“ไม่ทันได้ใช้?”
ดวงตาของเจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะเป็นประกาย
อันที่จริง ตัวนางเองก็คิดว่าเหตุผลนี้น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดหาได้ยากเย็นแค่ไหนกัน แม้ว่าตัวตนเช่นนี้จะเคลื่อนไหวจริง ก็ควรจะลงมือกับผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนาง ส่วนเทพธิดาปิงหลิงนั้น
ระดับของปิงหลิงยังไม่คู่ควรให้ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดลงมือเอง
“แต่ว่า”
“มันถึงขนาดสามารถทําให้หลิงเอ๋อใช้สิ่งของช่วยชีวิตได้ไม่ทันการณ์”
เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะครุ่นคิด
“เจ้าตําหนัก”
ผู้อาวุโสที่กล่าวเป็นคนสุดท้ายเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก แล้วจึงพูดออกมาอย่างระมัดระวัง “มีศิษย์หลายคนของนิกายใหญ่ที่ไปยังสถานที่แห่งนั้นพร้อมกับ เทพธิดา”
“หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับเทพธิดา พวกเขาย่อมรู้ดีกว่าเราแน่นอน แทนที่จะมัวแต่มาเดาว่าใครลงมือ ไปถามนิกายใหญ่สักสองสามแห่งดูไม่ดีกว่าหรือ…”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ดวงตาของเจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะเป็นประกาย ตบขาก้าวเท้าออกไป หายวับไปทันตา
ในช่วงเวลาที่เหล่านิกายใหญ่ในต่างดินแดนเกิดความวุ่นวายสับสนอยู่นั้น
ซูฉินเดินช้าๆ อยู่ภายในวังหลวง ตอนนี้เขาออกจากการปิดด่านฝึกตนแล้ว ซูฉินไม่ได้วางแผนจะกลับไปฝึกต่อในทันที
“กระแสปราณฉี…”
ซูฉินยกมือขวาขึ้น ค่อยๆ คว้าหมับจับเข้าไปที่อากาศที่ว่างเปล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]