เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 213

Sign in Buddha’s palm 213 ทําลายแนวค่ายกล เข้าสู่ ถ้ําเซียน

“นายท่าน….”

“นายท่านออกจากด่านฝึกตนแล้ว

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเดินเข้าไปหาซูฉินในทันที แล้วกล่าวถามสิ่งที่ตนสงสัยภายในใจออกมาอย่างระมัดระวัง “นายท่าน ท่านมาจากตระกูลอีกาทองคําเช่นนั้นหรือ?”

เมื่อครู่ ด้านในเปลวเพลิงจากดวงตาของซูฉิน นางเห็นร่องรอยอีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาล่องลอยอยู่จางๆ ซึ่ง คล้ายคลึงกับอีกาทองคําสามขาในตํานานอย่างมาก นางจึง รวบรวมความกล้าเพื่อถามออกมา

“ตระกูลอีกาทองคํา”

ซูฉินเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉี่ยน ส่ายศีรษะพร้อมกับ กล่าวว่า “ไม่ใช่”

แม้ว่าจะฝึกฝนแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาในภาพ สิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทําให้แปลงกายเป็นอีกาทองคําได้ ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากอีกาทองคําสามขาที่แท้จริงในตํานานสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เลย

ทั้งซูฉินยังได้ครอบครองพลังของอีกาทองคําสามขา และเชี่ยวชาญไม่น้อย

แต่ความจริงแล้วซูฉินก็ยังคงเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์

การแปลงกายเป็นอีกาทองคํานั้นเป็นเพียงเคล็ดวิชาอย่างหนึ่งเท่านั้น

“ไม่ได้เป็น………”

ร่องรอยความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิงชิวเฉียนเฉี่ยน

ถ้าซูฉินอยู่ในตระกูลอีกาทองคําจริงๆ บางทีนางอาจจะถูกปล่อยตัวไป เพราะนางเองก็อยู่ในเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร..

แต่ตอนนี้ซูฉินได้ปฏิเสธ

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนไม่คิดว่าซูฉินจะโกหก

ด้วยความแข็งแกร่งของซูฉิน เขาคงจะสังหารนางทิ้งตราบใดที่เขาต้องการ เขาจะโกหกนางไปทําไม?

“นายท่าน”

“ข้าจะพาท่านไปยังเคหาสน์ลับหลังนั้น”

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกล่าวด้วยความเคารพในทันที แล้วจึงเสนอตัวทําประโยชน์ให้แก่ซูฉิน

ไม่นานนัก

ซูฉินและชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็มาถึงส่วนลึกของเกาะหยิงโจว

ในความเป็นจริง แม้ว่าจะไม่มีชิงชิวเฉียนเฉี่ยน ซูฉินก็สามารถจับตําแหน่งที่ตั้งของถ้ําเซียนนี้ได้ เพียงแต่เกาะหยิงโจวค่อนข้างใหญ่ อาจจะต้องใช้เวลาสักครู่หนึ่ง

แต่อย่างไรก็ตามจิ้งจอกตระกูลชิงชิวได้ครอบครองสถานที่แห่งนี้มาเป็นเวลานาน และพวกเขาจะต้องรู้อะไรมากกว่าที่ซูฉินรู้

“นายท่าน”

“ถ้ําเชียนตั้งอยู่ที่นี่

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนชี้มือด้านหน้า ตรงจุดจุดหนึ่ง

ในส่วนลึกของเกาะหยิงโจว มีทะเลสาบขนาดใหญ่กว้างกว่าสิบลี้ น้ําในทะเลสาบใสสะอาดมาก และที่กึ่งกลางทะเล สาบมีเกาะเล็กๆ ลอยอยู่

เกาะแห่งนี้มีพื้นที่น้อยกว่าเกาะหยิงโจวมาก มีรัศมีเพียง ไม่กี่ลี้ แต่แอบสังเกตได้ว่าปราณฉีภายในเกาะหยิงโจว เข้า มารวมตัวกันอยู่ที่เกาะเล็กๆ แห่งนี้

“นายท่าน ทะเลสาบแห่งนี้ไม่สามารถดูแคลนได้ ถ้ามีสิ่งมี ชีวิตก้าวเข้าไปจะต้องประสบคราวเคราะห์ถึงแก่ชีวิต ต่อให้ มีนับสิบชีวิตก็ไม่รอดพ้นความตาย”

ความกลัวแฝงอยู่ในน้ําเสียงของชิงชิวเฉียนเฉี่ยน

“ค่ายกลสังหารอยู่ที่ก้นทะเลสาบอย่างนั้นหรือ?”

ซูฉินมองดูทะเลสาบด้วยความสนใจ เขาได้ใช้ดวงตาแห่ง สัจจะและวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดมองลงก็ไปก็พบว่ามีไอพลัง จางๆ ซ่อนอยู่ใต้ทะเลสาบผืนนี้

พลังนี้คลุมเครืออย่างยิ่ง และการใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิ ทธิ์ธรรมดาๆ จะไม่สามารถตรวจสอบพบ แม้ว่าจะใช้อาณาเขตเข้าปกคลุม แต่หากไม่ได้ดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็อาจจะไม่ทันสังเกตเห็น

เฉพาะซูฉินผู้ที่มีดวงตาแห่งสัจจะควบคู่ไปกับวิชาปราณฉีฟ้ากําหนดเท่านั้น ถึงจะรับรู้ถึงความผิดปกตินั้นได้

“จ้าวทะเลบูรพาจจ…”

ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่เคยพบจ้าวทะเลบูรพา แต่ด้วยค่ายกลสังหารใต้ทะเลสาบ ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะชอบกลั่นแกล้งผู้คนไม่น้อย

โดยทั่วไปแล้ว ค่ายกลที่ใช้ปกป้องคุ้มกันสถานที่ควรจะแสดงถึงพลังอันน่าหวั่นเกรง เพื่อให้คนที่มีความคิดรักตัวกลัวตายสามารถถอยหนีไปได้

แต่จ้าวทะเลบูรพานั้นรวมพลังปราณให้มาบรรจบกันอย่างถึงขีดสุด ด้วยวิธีเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว เมื่อได้เห็นปราณผีที่มากล้นก็จะรีบเข้าไปในทะเลสาบด้วยความปีติยินดี จากนั้นจึงถูกบีบรัดด้วยกลุ่มค่ายกลสังหาร

“นายท่าน”

“มีแนวค่ายกลสังหารถึงเก้าชั้นในทะเลสาบแห่งนี้ กลวิธีของจ้าวทะเลบูรพาเป็นรูปแบบเปลวเพลิง และค่ายกลสังหารทั้งหมดที่ตั้งไว้ส่วนใหญ่ก็เป็นรูปแบบเปลวเพลิงเช่นกัน”

“ค่ายกลชั้นแรกจะมีทะเลเพลิงท่วมสุดลูกหูลูกตา หากต้องการจะผ่านค่ายกลชั้นแรกไปให้ได้ ท่านต้องต่อต้านเปลวเพลิงเหล่านั้น”

“แต่มันก็เป็นไปไม่ได้”

“ทะเลเพลิงที่ก่อตั้งโดยจ้าวทะเลบูรพานั้น แม้เป็นขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ไม่อาจต้านทานได้”

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกล่าวด้วยเสียงต่ํา

จิ้งจอกตระกูลชิงชิวของพวกตนนั้นถูกสกัดกั้นด้วยค่ายกลสังหารอันนี้เป็นครั้งแรกเมื่อเกือบหมื่นปีก่อน แม้แต่เมื่อหกพันปีก่อน มีจิ้งจอกสี่หางกําเนิดขึ้นในตระกูล และมันต้องการจะเจาะทะลวงค่ายกลนี้ไป แต่ก็ถูกเผาทําลายจนสิ้น

รู้หรือไม่ว่า แม้ความแข็งแกร่งของจิ้งจอกสี่หางจะไม่ได้เทียบเท่าเซียนเทพปฐพี แต่ก็ไม่ได้ห่างไกลนัก แต่มันก็ยังอ่อนแอเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าค่ายกลสังหารชั้นแรก นั่นจึงแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของค่ายกลสังหารนี้

แน่นอนว่าด้วยเหตุผลนี้ บรรพบุรุษเผ่าจิ้งจอกจึงเชื่อว่าเกาะเล็กๆ กลางทะเลสาบนี้ต้องเป็นที่เก็บรักษาซึ่งสิ่งสําคัญของจ้าวทะเลบูรพาเป็นแน่

ไม่เช่นนั้น เหตุใดจ้าวทะเลบูรพาจึงต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อสร้างค่ายกลสังหารมากมายขนาดนี้ไว้ในทะเลสาบ

“เผ่าจิ้งจอกของเจ้าจะใช้วิธีใดจัดการกับค่ายกลสังหารแห่งนี้”

ซูฉินยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่เขาตรวจสอบทะลุลงไปยังกลุ่มค่ายกลสังหารใต้ทะเลสาบด้วยดวงตาแห่งสัจจะ

“นายท่าน เมื่อหลายพันปีก่อน บรรพบุรุษเผ่าจิ้งจอกของข้าค้นพบว่าพลังของค่ายกลสังหารนั้นอ่อนแอลง”

“ตามการคาดเดาของบรรพบุรุษในยุคนั้น จะต้องรอจนกว่าพลังของค่ายกลสังหารลดลงไปอีกระดับหนึ่ง………..”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็เผยสีหน้าที่ขมขื่นเล็กน้อย

ตั้งแต่ครั้งนั้น พวกเขาก็เฝ้ารอมาหลายพันปี และกระทั่งรอจนหลายพันปีผ่านไป เผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวก็ยังคงอยู่จุดเดิม ไม่สามารถฝ่าชั้นแรกของค่ายกลสังหารได้ด้วยซ้ํา……

“เป็นวิธีที่ไม่เลว”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

ค่ายกลสังหารแห่งนี้เป็นค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่

เนื่องจากเป็นค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ หากผู้เป็นเจ้าของไม่ได้บํารุงรักษาเป็นระยะเวลานาน มันก็จะเสื่อมโทรมลงและกลายเป็นค่ายกลที่พังทลายไปในที่สุด

ค่ายกลสังหารที่จัดตั้งโดยตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่หนึ่ง หรือชั้นที่สองจะสูญเสียประสิทธิภาพของมันภายในเวลาหลายสิบปี หรืออาจจะหลายร้อยปีเป็นอย่างมาก

ยิ่งความแข็งแกร่งของตํานานยุทธผู้ก่อตั้งยิ่งสูง การดํารงอยู่ของค่ายกลฟ้าดินก็จะยิ่งยาวนานขึ้น

ตัวอย่างเช่น ค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่จัดตั้งโดนตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เก้า สามารถคงอยู่ในโลกได้อย่างน้อยก็หลายพันปี

ในฐานะจุดสูงสุดของขอบเขตเซียนเทพปฐพี ค่ายกลสังหารที่ถูกจัดตั้งโดยจ้าวทะเลบูรพาก็คงไม่มีปัญหาหากผ่านไปนานหลายพันปี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]