เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 212

Sign in Buddha’s palm 212 ดวงตะวันขนาดมหึมา

“ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

ใบหน้าของซูฉินพลันแข็งค้างไป

สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ราวกับเป็นเทพเจ้าที่อยู่ในตํานานมาโดยตลอด ไม่มีตัวตนจริง และสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทุกชนิดก็แสดงถึงอํานาจอันสูงสุดในแต่ละสาย

ขณะที่ซูฉินกําลังคิดถึงเรื่องนี้

ข้อมูลมากมายที่เกี่ยวข้องกับ “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์” ก็ปรากฏขึ้น

“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน”

ซูฉินกวาดตามองชิงชิวเฉียนเฉี่ยนแล้วนั่งขัดสมาธิลงหน้า แผ่นศิลาสีดํา ก่อตั้งค่ายกลสังหารสามชั้นในรัศมีสามจ้างรอบตัว

ค่ายกลสังหารสามชั้นนี้อาศัยการบังคับจากแผ่นศิลาสีดํา แม้ว่าชิงชิวชิงหลิงจะเกิดใหม่อีกครั้ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทําลายมันด้วยพละกําลัง

“เจ้าค่ะ”

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนโค้งคํานับพร้อมกับกล่าวคํา

แม้ว่านางจะสงสัยเล็กน้อยว่าทําไมซูฉินจึงไม่ไปยังถ้ํา ในส่วนลึกของเกาะหยิงโจว

แต่ในตอนนี้ คําพูดของซูฉินต่อชิงชิวเฉียนเฉี่ยนก็ไม่ต่างไปจาก ‘คําสั่งศักดิ์สิทธิ์” นางผู้ไม่รีรอที่จะปฏิบัติตาม จะกล้าตั้งคําถามได้อย่างไร?

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนคุ้มกันซูฉินอยู่ในระยะสิบเมตร คอยดูแลไม่ให้มีสิ่งมีชีวิตใดเข้าไปรบกวนซูฉิน

บนเกาะหยิงโจวไม่ได้มีเพียงเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวเป็น สิ่งมีชีวิตชนิดเดียว แต่ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆด้วย แต่สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นเป็นสัตว์ร้าย แม้แต่ภูมิปัญญาก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา

ในเวลาเดียวกัน

ซูฉินนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าแผ่นศิลาสีดํา

“ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

ภายในจิตใจของซูฉิน ปรากฏแผ่นภาพหินสลัก แผ่นหินทั้งสิบสองชิ้นฝังอยู่ภายในจิตใจของเขา ค่อยๆหมุนตัว ปลดปล่อยบรรยากาศที่แสนโบราณและปาเถื่อนออกมา

“ภาพสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองแผ่นนี้ แม้จะไม่ได้ดีเท่ากับฝ่ามือยูไล แต่ก็เทียบได้กับคัมภีร์มารเก่าวิถี”

ซูฉินรู้สึกทิ้ง

นี่คือเหตุผลที่เขารีบนั่งลงในทันทีเพื่อทําความเข้าใจกับ “ภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์

ซูฉินไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้แล้วได้รับเคล็ดวิชาชั้นสูง ที่ใกล้เคียงกับฝ่ามือยไลมานานถึงสิบปีแล้ว เมื่อได้พบมันแล้วแน่นอนเขาต้องรีบทําความเข้าใจมันในทันที

ส่วนเคหาสน์ลับในส่วนลึกของเกาะหยิงโจว ยังไงก็ยังอยู่ ตรงนั้นไม่หนีไปไหน จะไปตอนนี้หรือไปตอนไหนก็ไม่ต่างกัน

จิ้งจอกตระกูลชิงชิวรอมาได้เป็นหมื่นปี ฉะนั้นซูฉินไม่จําเป็นต้องสนใจเรื่องเวลาแต่ประการใดเลย

“อย่างไรก็ตาม จากแผ่นหินทั้งสิบสองชิ้นนี้ มีเพียงแผ่นแรกเท่านั้นที่มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน ส่วนอีกสิบเอ็ดภาพที่เหลือ…”

สายตาของซูฉินมองกวาดภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ไปทุกแผ่น โดยที่แผ่นหินสิบเอ็ดแผ่นปกคลุมไปด้วยม่านหมอก ไม่ว่าจะใช้ตามองหรือใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ พวกมันก็ไม่สามารถมองฝ่าชันหมอกเข้าไปได้

“ดูเหมือนว่าหลังจากฝึกฝนแผ่นหินภาพแรกสําเร็จแล้ว จึงจะสามารถเห็นแผ่นหินต่อไปได้ชัดเจน”

ซูฉินแตะปลายคาง ใบหน้าแลดูครุ่นคิด

เมื่อคิดเรื่องราวต่างๆแล้ว สายตาของซูฉินก็เพ่งไปที่แผ่นหินรูปแรก

แผ่นหินนั้นโบราณเก่าแก่อย่างมิอาจประมาณ ราวกับว่ามันผ่านระยะเวลามายาวนานนับอนันต์ บนแผ่นหินมีดวงตะวันขนาดมหึมาอยู่หนึ่งดวง กําลังลุกไหม้อย่างช้าๆ เหมือนกับมันกําลังเผาโลกทั้งใบ

“นี่เป็นแผ่นหินแผ่นแรกในภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ภาพดวงตะวันขนาดมหึมา?”

ซูฉินซึมซับมันเข้ามา ชิ้นส่วนความรู้ความเข้าใจของแผ่นหินนี้ไหลเข้ามาในจิตของซูฉิน

“เดี๋ยวก่อนนะ ดวงตะวันขนาดมหึมานี้เกี่ยวอะไรกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์”

ทันทีที่ความสงสัยผุดขึ้นในใจของซูฉิน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดอันน่าหวาดกลัวของภาพดวงตะวันขนาดมหึมาพุ่งเข้ามา ดูดกลืนจิตใจของเขาเข้าไปจนหมด

“ที่นี่คือ?”

ใบหน้าของซูฉินเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ในตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ภายในจิตใจตนเองอีกแล้ว แต่เป็นสถานที่เวิ้งว้างว่างเปล่า

และด้านหน้าก็มีลูกไฟขนาดมหึมากําลังลุกโชน

“นี่ข้าถูกดึงเข้ามาอยู่ในภาพสลักแผ่นหินงั้นหรือ?”

ซูฉินเข้าใจสถานการณ์ของตนได้ในทันที

ขณะที่ซูฉินคิดว่าจะทําอะไรต่อไปดี

“แกว้ก!!”

เป็นเสียงร้องคํารามที่แสนน่ากลัว

เห็นเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ อีกาสามขาในส่วนลึกของดวงตะวันขนาดมหึมา อีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาโบยบินออกมาพร้อมด้วยเปลวเพลิงท่วมทั้งตัวดูน่าหวาดกลัวยิ่ง เปลวไฟบนตัวมันเผาอากาศธาตุจนทิ้งรอยสีดําเป็นปั่นไปตามทางที่มันบิน

แต่กระนั้นรอยร้าวสีเทาดําเหล่านั้นก็ยังคงลุกไหม้ต่อไป ราวกับว่าต่อหน้าอีกาสามขานี้ สิ่งมีชีวิตใดๆในโลกก็ล้วนสามารถถูกมันเผาผลาญจนสิ้นได้

เมื่อนํามาเทียบกับอีกาศักดิ์สิทธิ์สามขานี้ เคล็ดเก้าสุริยันของซูฉินกลายเป็นบอบบางราวกับแสงเทียน

เคล็ดเก้าสุริยันเมื่อฝึกจนถึงจุดสูงสุด ก็สามารถสร้างลูกไฟขนาดยักษ์ได้เพียงเก้าลูกเท่านั้น มันจะมาเทียบกับดวงตะวันขนาดมหึมาที่แท้จริงได้อย่างไร

“นี่คืออีกาทองคําสามขาที่ร่ําลือกันว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีเปลวไฟที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างนั้นหรือ?”

ซฉินจ้องไปที่อีกาศักดิ์สิทธิ์สามขาอย่างชิดใกล้ พร้อมกับพึมพําอยู่กับตนเอง

อีกาทองคําสามขา เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีเปลวไฟ แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ตํานานสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ถือกําเนิดขึ้น จากใจกลางดวงตะวันขนาดมหึมา สามารถแปลงร่างเป็นดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างไปทั่วทั้งสามโลก

เปลวเพลิงจากดวงตะวันขนาดมหึมาของอีกาทองคําสามขา สามารถเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างได้ แม้ว่าจะเป็นหมู่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ด้วยกัน ก็มีเพียงไม่กี่ประเภทเท่านั้นที่จะมีเปลวเพลิงเทียบเท่าอีกาทองคําสามขาได้ อาทิ หงส์เพลิง

“แผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมานี้เป็นคัมภีร์วิธีการฝึกฝนของอีกาทองคําสามขา ตราบใดที่ข้าบ่มเพาะ ตามวิธีการข้างต้น และทําตามขั้นตอนของแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมานี้อย่างละเอียด ข้าก็จะได้รับพลังของอีกาทองคําสามขามา”

ซูฉินไม่ทันได้คาดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เดิมที่เขาคิดว่าภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะเป็นบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตํานาน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าแผ่นหินดวงตะวันขนาดมหึมาซึ่งเป็นแผ่นหินแผ่นแรกนี้ หลังจากฝึกฝนตาม จะทําให้เขากลายเป็นอีกาทองคําสามขาได้จริงๆ ช่างน่าตกใจอย่างยิ่ง

ต้องรู้ก่อนว่าการจะเปลี่ยนแปลงพลังครั้งนี้ของซูฉินไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆ มันมีรูปแบบรูปร่างของมัน และการที่ได้รับพลังของอีกาทองคําสามขา รวมถึงพลังของดวงตะวันขนาดมหึมา มันเพียงพอที่จะทําให้เขาเผาผลาญทุกสรรพสิ่ง

แน่นอนว่า

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]