เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 218

สรุปบท ตอนที่ 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด!: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

ตอน ตอนที่ 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด! จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด! คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

Sign in Buddha’s palm 218 ทะลวงด่าน! นภาชั้นที่แปด!

ห่างจากเมืองอินจีหลายสิบลี้

ดวงตาของซูฉินลุกเป็นไฟ ความคิดแปรเปลี่ยนผันไม่หยุด

สําหรับซูฉิน เมื่อเขาฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมา จะสามารถแปลงกายเป็นอีกาทองคําสามขาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังอย่างยิ่งแม้แต่อีกาทองคําสามขาวัยเยาว์ก็เพียงพอแล้วที่จะสามารถเอาชนะเซียนเทพปฐพีได้

น่าเสียดาย…..

แม้จะไม่มีคอขวดในการฝึกฝนภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแต่ทรัพยากรที่จําเป็นต้องใช้ก็มากมายดุจขุนเขาและทะเลกว้าง

แน่นอนว่าเมื่อซูฉินสําเร็จวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งในโลกใบนี้

เดิมที่ซูฉินก็กําลังคิดที่จะเสาะหาสถานที่ที่มีพลังงานธาตุไฟเพียงพอสําหรับการลงชื่อเข้าใช้เพื่อนํามาเตรียมการสําหรับบ่มเพาะวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมา

ด้วยเหตุผลดังที่กล่าวมา เมื่อพบเมืองอินจี่แห่งนี้จะไม่ให้มีความสุขได้อย่างไร?

“นายท่าน”

“เจ้าเมืองอินจีนําราชาปีศาจใต้อาณัติไปด้วยเป็นจํานวนมากและทุกคนล้วนตกตายอยู่นอกเมืองเมฆาปีศาจเมืองอินจี้จึงไม่ควรมีผู้ที่แข็งแกร่งในยามนี้…”

โม่จีกล่าวคําออกมาอย่างระมัดระวังอยู่ด้านข้าง

“เข้าใจแล้ว”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองอินจี้

หลังจากออกจากเมืองเมฆาปีศาจ ซูฉินไม่ได้มุ่งตรงไปยังเมืองอินจีในทันที แต่เดินดูทัศนียภาพรอบๆดินแดนโม่ฮวาแทนมองดูว่ามีสถานที่อื่นใดที่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้บ้างหลังจากเดินทางอย่างไม่รีบร้อนอยู่นานกว่าหนึ่งปีจึงมาถึงเมีองอินในที่สุด

เมื่อโม่จีเห็นซูฉินเดินหน้าเข้าไปก็ตามติดไปในทันที

ไม่นาน

ซูฉินก็ถึงด้านหน้าของเมืองอินจี้

เมื่อเทียบกับเมืองเมฆาปีศาจแล้ว เมืองอินจี้มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่ามากแม้ว่าเจ้าเมืองอินจไม่ได้กลับมาเป็นเวลานานแต่ก็ยังมีปีศาจจํานวนมากเข้าออกเมืองอยู่ทุกวัน

“ราชาปีศาจแปดตน?”

ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะเหลือบมองผ่านๆจึงรู้รายละเอียดภายในเมืองอินจี้ในยามนี้

ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองอินจีมีราชาปีศาจอยู่แค่แปดตนที่คอยประจําการและราชาปีศาจทั้งแปดนี้ก็เป็นปีศาจที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตราชาปีศาจไม่นานมานี้เอง

ซูฉินปรากฏตัวอยู่หน้าเมืองอินจี้และไม่ได้ปิดบังตัวตนในไม่ช้าปีศาจกลุ่มหนึ่งก็รีบพุ่งออกจากเมืองอินจี้ มายืนต่อหน้าซูฉินและกล่าวด้วยความเคารพ

“พวกเรารอท่านอยู่แล้ว เจ้าเมืองเมฆาปีศาจ”

ซฉินสังหารเจ้าเมืองอินจี่และราชาปีศาจจํานวนมากที่นอกเมืองเมฆาปีศาจมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และข่าวนี้ก็กระ จายไปทั่วดินแดนโม่ฮวาแน่นอนว่าเมืองอินได้ทราบข่าว นี้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ

ดังนั้นในปีที่ผ่านมา ราชาปีศาจที่เหลืออยู่ภายในเมืองอินจี้จึงเฝ้ากังวลทั้งวันทั้งคืนเพราะกลัวว่าซูฉินจะบุกมาอย่างกะทันหันและเข่นฆ่าพวกมันทีละคนเช่นเดียวกับที่ทํากับเจ้าเมืองอิน

ดังนั้น

ราชาปีศาจเหล่านี้จึงออกคําสั่งตั้งแต่ช่วงแรกๆให้ปีศาจเฝ้าประตูบางตนรับหน้าที่พิเศษ คอยตรวจสอบด้านนอกเมืองเมื่อมีร่างใดที่คล้ายคลึงซูฉินให้รีบแจ้งพว กมันในทันที

“โอ้?”

“เจ้ารู้จักข้ารึ?”

ซูฉินเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจตนที่กําลังทําความเคารพแล้วจึงกล่าวออกมาอย่างสบายๆ

“ความเกรียงไกรของท่านเจ้าเมืองได้แผ่ไปทั่วดินแดนโม่ฮวาจะมีปีศาจตนใดไม่รู้กัน?” ราชาปีศาจตนนั้นกล่าวด้วยความนอบน้อม “ข้ามาที่นี่เพื่อรอท่านเจ้าเมืองมาประจํา การเมืองอินจี้”

“เจ้าเป็นคนฉลาดนะ”

ซูฉินเหลือบตามองปีศาจที่อยู่ตรงหน้าแล้วเดินอย่างช้าๆเข้าไปในเมืองอินจี่

เมื่อซูฉินเข้าไป ราชาปีศาจตนที่ออกมาพบรู้สึกโล่งใจอย่างมาก สิ่งที่พวกมันกลัวที่สุดคือซูฉินเข้ามาโจมตีพวกตนโดยไม่เจรจาพูดคุยอะไรสักคํา

หากเป็นดังเช่นที่กล่าวมา พวกมันไม่มีโอกาสยอมจํานนเสียด้วยซ้ํา

แต่เมื่อซูฉินปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอด ตราบใดที่ไม่ฆ่าตัวตายก็ไม่ควรจะมีอันตรายใดเกิดขึ้น

“ฮ่าฮ่า…”

โม่จีเหลือบมองไปที่ราชาปีศาจในเมืองอินจี้ จู่ๆ ก็ผุดความรู้สึกถึงวิกฤตบางอย่างในใจ

ในเวลาต่อมา

โม่จีและราชาปีศาจทั้งหลายต่างก็ตามซูฉินไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อพวกเขาไปกันหมดแล้ว

ก็เกิดความวุ่นวายขึ้นนอกเมืองอิน

ปีศาจจํานวนมากที่กําลังเดินทางเข้าออกต่างตกตะลึงนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นราชาปีศาจในเมืองอินจี้กล่าวคําอย่างแผ่วเบาเมื่อเผชิญหน้ากับซูฉินราชาปีศาจเหล่านี้ แทบจะคุกเข่าลงไปเบื้องหน้าซูฉินอยู่แล้ว

“ยิ้ม”

“พวกเจ้าจะไปรู้อะไร?”

“คนเมื่อครู่เป็นเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ เป็นมหาอํานาจไร้เปรียบที่สังหารเจ้าเมืองอินจีไป!”

ปีศาจที่จําซูฉินได้อย่างแม่นยําก็ลดเสียงลดพร้อมกับกล่าวบอกออกมา

“อะไรนะ?”

“เขาคือเจ้าเมืองเมฆาปีศาจ?”

เมื่อปีศาจที่เหลือได้ยินสิ่งนี้ รูม่านตาของพวกมันก็หดตัวลงทันทีใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความรู้สึกสยดสยอง

แม้ว่าพวกมันไม่สามารถจําซูฉินได้ในทันทีแต่พวกมันจะไม่เคยได้ยินความเกรียงไกรของซูฉินได้เช่นไร?

ในฐานะที่เจ้าเมืองอินจี้เป็นผู้มีอํานาจในรัศมีหนึ่งล้านนี้กลับตกตายอย่างกะทันหัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว

“นี่ แล้วเราควรจะทําเช่นไร?”

“เจ้าเมืองเมฆาปีศาจผู้นี้คงไม่ได้ชอบเข่นฆ่าสังหารมากนักหรอกใช่ไหม?”

ปีศาจขี้ขลาดตาขาวอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

“ควรทําเช่นไร?”

ปีศาจอีกตนส่งเสียงขู่คําราม “ถ้าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจต้องการเข่นฆ่าจริงๆ เจ้าจะทําอะไรได้?”

“มิผิด แม้ว่าเจ้าเมืองเมฆาปีศาจจะเด็ดขาด แต่เขาคงจะดูแคลนการสังหารผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่เช่นนั้นเมืองเมฆาปีศาจคงจะกลายเป็นเมืองร้างไปเสียนานแล้ว”

ปีศาจตัวที่สามพยักหน้าแล้วกล่าวคําตามที่คิด

“อย่างไรก็ตาม เมืองอินจี่ของข้าคราวนี้ มีตัวตนที่ยิ่งใหญ่อยู่จริงๆ…” ปีศาจที่พูดออกมาตนแรกก็ถอนหายใจออกมาด้วยเสียงแหบต่ํา

ปีศาจตนที่เหลือต่างนิ่งเงียบ แสดงออกถึงความหวาดกล้ว

ขณะที่เมืองอินจี่กําลังตกอยู่ในความวุ่นวายเพราะการมาถึงของซูฉิน

ซูฉินก็มาถึงห้องโถงใหญ่ของเมืองเรียบร้อยแล้ว และราชาปีศาจทั้งหมดก็กําลังรออยู่นอกห้องโถงใหญ่รวมถึงโม่จีด้วย

“พวกเจ้าออกไปก่อน”

ซูฉินนั่งขัดสมาธิ คิดอยู่กับตนเอง

“น้ําพุจิตวิญญาณนี้ช่วยให้ข้าย่นระยะเวลาในการฝึกฝนอย่างหนักหน่วงไปได้ถึงห้าปี”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

การฝึกฝนวิทยายุทธ โดยเฉพาะในขอบเขตตํานานยุทธมันไม่ใช่เพียงแค่การกลืนกินพลังงานฟ้าดินเท่านั้น

พลังฟ้าดินมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่งบนโลก แม้แต่ช่วงที่กระแสปราณฉีเดือดแห้งก็ยังมีพลังฟ้าดินมากมาย แต่สําหรับตํานานยุทธผู้ทรงพลังพลังฟ้าดินก็ช่วยเพียงแค่ชดเชยพลังที่สูญเสียไปในแต่ละวันเท่านั้นไม่สามารถคาดหวังไปไกลได้ มากกว่านั้น

ตํานานยุทธที่ต้องการจะทะลวงขั้นนั้น นอกจากจะต้องเข้าใจความเป็นไปของโลกแล้ว สิ่งที่สําคัญที่สุดคือจิตใจแห่งฟ้าดิน

จิตใจแห่งฟ้าดินจะปรากฏขึ้นจํานวนมากในช่วงกระแสปราณฉีฟื้นคืนเท่านั้น และน้ําพุจิตวิญญาณคือการรวมตัวกันของจิตใจแห่งฟ้าดินจํานวนนับไม่ถ้วน

แม้แต่ในช่วงรุ่งเรืองของกระแสปราณฉีก็ยังมีจิตใจแห่งฟ้าดินไม่มากนักที่จ้าวทะเลบูรพาสามารถหามันพบได้ไม่ใช่

ดีอีกด้วย

มิฉะนั้น ถึงแม้จะมีพลังที่สามารถทําลายล้างโลกได้ทั้งใบหากแต่หาน้ําพุจิตวิญญาณไม่เจอจะไปมีประโยชน์อันใด?

“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าได้เข้าใจเคล็ดวิชาจํานวนมากในหลายมุมของโลก ฐานการบ่มเพาะก็ได้รับการสะสมอย่างเพียงพอการที่จะทะลวงขั้นเพื่อให้ก้าวหน้า ต่อไปก็เป็นเรื่องเหมาะสมอย่างยิ่ง”

ความคิดของซูฉินผันผวน และความรู้สึกที่จะต้องลงมือทําอะไรสักอย่างก็ผุดขึ้นในใจ

ในขณะที่กระแสปราณฉียังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจะมีผู้แข็งแกร่งปรากฏมากยิ่งขึ้นเช่นกันอาทิในยุทธภพต่างแดนและเกาะหยิงโจวนอกจากนี้ยังมีสถานที่ลับต่างๆ ที่มี มาตั้งแต่ยุคสมัยกระแสปราณฉีเฟื่องฟูครั้งล่าสุด

แม้ว่าซูฉินจะยังคงอยู่ยงคงกระพันไม่ต้องกลัวสิ่งใดแต่ก็มีกังวลในข้อผิดพลาดต่างๆ อยู่ดี

ตัวอย่างเช่น ชิงชิวชิงหลิงซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าจิ้งจอกตระกูลชิงชิวแม้ดูเหมือนซูฉินจะสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ด้วยหมัดเดียว

แต่ที่จริงแล้ว หากว่านี่เป็นบรรพบุรุษของจิ้งจอกตระกูลชิงชิวที่แข็งแกร่งกว่านี้หลายพันเท่า คงเป็นเรื่องยากที่ซูฉินจะสังหารได้ด้วยหมัดเพียงหมัดเดียว

“ต้องทรงพลังให้มากขึ้นไปอีก”

“หากข้าบรรลุถึงระดับเดียวกับองค์ยูไลได้ สัตว์ร้ายหรือปีศาจใดในโลกก็จะมิอาจแผ้วพาน”

ซูฉินหลับตาลงอีกครั้ง ไอพลังในร่างยังคงกลั่นตัวต่อไปเรื่อยๆ และน้ําพุจิตวิญญาณก็กลายเป็นจิตใจฟ้าดินจํานวนนับไม่ถ้วนไหลบ่าเข้าสู่ร่างของซูฉิน

ในเวลาเดียวกัน

สุดปลายขอบของทะเลบูรพา

หมิงโยว วิญญาณยมโลกจากนิกายเฮยหยวน และเหล่าผู้อาวุโสของนิกายใหญ่ต่างดินแดนก็เดินทางมาถึงที่นี่

“ตามข้อมูลที่ได้รับมาจากนิกายเฮยหยวน ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ในพื้นที่ทะเลแถบนี้”

ท่าทีของชายในชุดคลุมสีดําดูดีอกดีใจ

“ทะเลแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอยู่ที่ไหน” เฉวยวี่ผู้อาวุโสจากตําหนักเทพเจ้าหิมะเลิกคิ้วขึ้น

คนอื่นก็พยักหน้าตามเล็กน้อย

จริงดังว่า

ทะเลบูรพามีขนาดใหญ่จนเกินไป

ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาจะต้องห้อมล้อมด้วยค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่หลีกเลี่ยงการจับสัมผัสของจิตสัม ผัสศักดิ์สิทธิ์พวกเขาจําเป็นจะต้องหาทั่วทะเลบูรพาทุกตา รางนิ้วหรือไม่?

หากเป็นเช่นนั้น แม้ด้วยความเร็วของตํานานยุทธก็ต้องใช้เวลานานหลายร้อยปีในการค้นหาจนทั่วทะเลบูรพาทั้งหมด

“สบายใจได้”

วิญญาณยมโลกในชุดคลุมสีดําเหลือบมองคนอื่นๆแล้วพูดเบาๆว่า “ข้ามีวิธีการลับ ตราบใดที่เข้าไปใกล้ถ้ําเซียนภายในรัศมีหนึ่งลี้ข้าจะสามารถจับตําแหน่งที่แน่นอน ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]