เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 22

สรุปบท ตอนที่ 22: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

สรุปตอน ตอนที่ 22 – จากเรื่อง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

ตอน ตอนที่ 22 ของนิยายActionเรื่องดัง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

Sign in Buddha’s palm 22 ปีศาจออกจากหอคอย

“เคล็ดบ่มเพาะร่างกายธาตุหยิน?”

ซูฉินแตะปลายคาง สายตาเหม่อลอยครุ่นคิด

เคล็ดวิชาในวัดเส้าหลินส่วนใหญ่ล้วนแต่มีธาตุประกอบเป็นหยางที่เข้มข้น เป็นเรื่องยากมากที่จะลงชื่อเข้าใช้แล้วรับเคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างกายธาตุหยินที่มีคุณสมบัติแข็งแกร่งเทียบเคียงกายาวัชระคงกระพัน

“ดูเหมือนคราวต่อไป ข้าคงต้องไปลงชื่อที่หอคอยสะกดมารเสียหน่อยแล้ว”

ในทั่วบริเวณวัดทั้งหมดคงจะมีแต่เพียงหอคอยสะกดมารเท่านั้นที่สามารถลงชื่อรับเคล็ดวิชานอกสำนักของวัดเส้าหลินได้

สิ่งที่ได้รับจากหอคอยสะกดมารโดยทั่วไปมักจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับวิถีมาร ดังนั้นซูฉินจึงได้ไปเยี่ยมเยี่ยมแค่บางครั้งบางคราวเท่านั้น

วันถัดมา

ซูฉินออกไปกวาดลานวัดโดยเริ่มจากบริเวณหอคอยสะกดมารก่อน

หอคอยสะกดมารเป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลินและเป็นที่กักขังเหล่ามารร้ายที่คอยสร้างความเดือดร้อนไปทั่วยุทธภพ

ดังนั้นจึงมีพระสงฆ์คอยลาดตระเวนโดยรอบหอคอยสะกดมารตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดเหตุร้ายอันใดขึ้นในหอคอย

“เป็นศิษย์พี่เจินกวนนี่เอง…” พระที่เข้ามาตรวจตรามองมาที่ซูฉิน เขายิ้มกว้างและกล่าวทักทาย

แม้ว่าซูฉินจะเป็นพระในวัดแห่งนี้มาสิบปี แต่เขาก็ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ผู้อาวุโส‘ เพียงกึ่งหนึ่งเท่านั้น

พระตรวจตราแทบจะทุกรูปล้วนแล้วแต่รู้จักซูฉิน

ซูฉินตอบรับคำทักทายทีละคนแล้วจึงเดินไปที่ส่วนนอกของหอคอยสะกดมาร

“หอคอยสะกดมารยามนี้…?”

ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย

ด้วยพลังของ [ดวงตาแห่งสัจจะ] ซูฉินสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าไอพลังของมารร้ายในหอคอยสะกดมารลดลงอย่างรวดเร็ว

“มารร้ายด้านในต่อสู้กันอยู่รึเปล่านะ?”

ซูฉินกระซิบเพียงให้ตัวเองได้ยิน แล้วก็คิดได้ว่าอย่าไปให้ความสนใจกับมันนักเลย

เหล่ามารที่ถูกกักขังอยู่ด้านในหอคอยล้วนแต่บาปหนา ถ้ามิใช่เพราะความเมตตาของวัดเส้าหลิน แล้วมารร้ายพวกนี้ดันถูกจับกุมด้วยน้ำมือสำนักอื่นๆ พวกมันคงตกตายไปนานแล้ว

ฉะนั้นเมื่อซูฉินค้นพบว่ามารร้ายในหอคอยมีจำนวนลดลง เป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่เก็บมาใส่ใจมากนัก

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘หัตถาเมฆาวิเศษ‘]

เสียงจักรกลดังขึ้นอย่างเย็นชาในหูของซูฉิน

“ หัตถาเมฆาวิเศษ?”

ซูฉินพยักหน้าเล็กน้อย

แม้ในการลงชื่อครั้งนี้เขาจะไม่ได้วิชาบ่มเพาะร่างกายธาตุหยินที่ใฝ่หา แต่หัตถาเมฆาวิเศษก็ไม่เลวร้าย

มันเป็นวิชาที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าวิชาทั่วไปของวัดเส้าหลินมากนัก

ซูฉินถือเสียว่ามันเป็นไพ่ลับในมือ

ทุกๆ วันหลังจากนั้นซูฉินจะมาที่หอคอยวันละครั้ง

ไม่ถึงหนึ่งเดือน ในที่สุดซูฉินก็ลงชื่อเข้าใช้แล้วรับของที่เขาต้องการมาได้เสียที

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับวิชากำลังภายนอก ‘ขัดเกลากายาจันทรา‘]

“วิชาขัดเกลากายาจันทรา?”

ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าของซูฉิน

วิชาขัดเกลากายาจันทราเป็นวิชาฝึกตนพื้นฐานของพรรคมารจันทราในอดีตเมื่อหลายพันปีก่อน

เล่าลือว่าสามารถชักนำพลังหยินจากจันทราเข้ามาสู่ร่างกายได้ เมื่อมีการฝึกฝนจนไปถึงระดับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่จะควบแน่นร่างกายให้กลายเป็นกายาจันทรา

แต่น่าเสียดายนักที่แม้ว่าวิชาขัดเกลากายาจันทราจะมีศักยภาพที่สูงล้ำ การเริ่มต้นฝึกมันก็ยากมหาศาลเช่นกัน เป็นสาเหตุว่าทำไมตลอดเวลาที่ผ่านมาศิษย์จากพรรคจันทราจึงทนทุกข์ทรมานและตายลงไปเป็นจุดจบสิ้นของพรรคเมื่อพันปีก่อน

“กายาจันทรา?”

“มันควรจะเทียบเท่ากับพลังของ [กายาวัชระคงกระพัน] ”

ซูฉินเปรียบเทียบวิชาขัดเกลากายาจันทราและวิชากายาวัชระคงกระพัน พบว่าทั้งสองวิชานั้นเท่าเทียมกัน

และดูเหมือนว่าวิชาขัดเกลากายาจันทราจะแข็งแกร่งกว่ากายาวัชระคงกระพันอยู่เล็กน้อยด้วย

“ไม่เลวๆ”

“นี่แหละสิ่งที่ข้าตามหา”

ซูฉินพึงพอใจมาก

แม้จะเป็นเรื่องที่ยากในการฝึกฝนวิชาขัดเกลากายาจันทรา แต่ซูฉินไม่เคยคิดเรื่องที่ว่าเขาจะฝึกมันได้หรือไม่

ด้วยการฝังข้อมูลของระบบ ไม่มีวิชาวิเศษวิโสใดที่ซูฉินไม่สามารถฝึกฝนได้

“ว่าแต่ว่า พวกมารร้ายในหอคอยสะกดมารควรจะตายกันจนจวนจะหมดหอแล้วใช่หรือไม่?”

ซูฉินหันเหสายตาไปยังหอคอยสะกดมารอีกครั้งหนึ่ง

กว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ซูฉินมาลงชื่อที่หอคอยสะกดมารทุกวัน และเป็นปกติที่จะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศด้านในของหอคอยสะกดมาร

ด้วยความสามารถของดวงตาแห่งสัจจะ ในตอนนี้เขารับรู้ได้เพียงไอพลังที่แข็งแกร่งไม่กี่ตนภายในหอคอยสะกดมาร

ส่วนไอพลังอื่นๆ หายไปหมดสิ้น

หากเป็นตอนแรก ซูฉินอาจเดาไปว่าพวกมารร้ายในหอคอยสะกดมารต่อสู้ห้ำหั่นกันเอง

ในสถานการณ์ปกติ ค่ายกลของหอคอยจะไม่มีทางถูกทำลายถ้าการกระทำนั้นไม่ใช่ฝีมือของระดับอรหันต์

“เมื่อใครก็ตามที่เข้ามาในหอคอยนี้แล้ว แม้จะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง คนผู้นั้นย่อมต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต”

มารเฒ่าที่แอบคิดเรื่องดังกล่าวก็ยังอดหวั่นเกรงไม่ได้

น่าเสียดายที่ ‘อรหันต์‘ ตัวเป็นๆ ก็ไม่สามารถหยุดกระแสธารแห่งเวลาได้ นับประสาอะไรกับสิ่งที่สร้างขึ้นมาโดย ‘อรหันต์‘ ?

หากในยุคหลังของวัดเส้าหลินมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งอยู่ เขาจะต้องมาบูรณะหอคอยสะกดมารให้สมบูรณ์แบบแน่

ถ้าเป็นแบบนั้นต่อให้มารเฒ่ากลืนโลหิตอาจหาญแค่ไหน เขาก็ไม่กล้าที่จะแอบเข้ามา

ในสถานการณ์ปกติค่ายกลขนาดใหญ่นี้จะไม่เสียหายหากยังมีอรหันต์อยู่

ทั้งยังไม่มีสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับชั้นที่หนึ่งอยู่ในยุคนี้ของวัดเส้าหลิน อย่างน้อยก็ในด้านสว่างที่เปิดเผยให้รู้กันก็ไม่มีอยู่

เป็นเหตุให้พลังฟ้าดินของหอคอยสะกดมารมีช่องโหว่ในกลไกการทำงานเมื่อเวลาผ่านไป

ความลับนี้มารเฒ่ากลืนโลหิตได้ค้นพบในหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง

เจ้าของหนังสือโบราณเล่มนี้เป็นทายาทของมารพุทธะแห่งวัดเส้าหลินเมื่อร้อยปีก่อน

ร้อยปีก่อนมีสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ในวัดถึงสี่รูป ทั้งสี่ต่างมีอำนาจเท่าเทียม

ทายาทของมารพุทธะรู้ว่าโอกาสในการทำลายวัดเส้าหลินมีน้อยอย่างยิ่ง เขาจึงเปิดเผยความลับบางอย่างของวัดเส้าหลิน

แม้ว่าจะไม่สามารถทำลายวัดเส้าหลินได้ แต่ก็ยังซ่อนภยันตรายไว้ให้วัดเส้าหลินต้องรับมือ

“ค่ายกลฟ้าดินนี่ช่างยิ่งใหญ่ไร้ประมาณ…”

มารเฒ่าจ้องมองค่ายกลฟ้าดินอยู่นาน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความวิงเวียนและสับสนงงงวย แม้แต่ไอพลังมารในกายยังรู้สึกไม่เสถียร

ก็เท่านั้น

เขาก็ยังจำเป็นต้องทำ เพราะเขาต้องการที่จะรอคอยเวลา และจับจังหวะในตอนที่ค่ายกลฟ้าดินมีช่องโหว่ ในตอนนี้มารเฒ่ากลืนโลหิตจึงทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างตั้งใจ

ไม่กี่วันต่อมา

ยามเมื่อมารเฒ่าโลหิตมีอาการง่วงเหงาหาวนอน

ตึ๊ง!!!

มีความผันผวนเล็กน้อยกระจัดกระจายออกมา

เป็นคลื่นที่ละเอียดอ่อนมาก แทบไม่รู้สึกถึงการคงอยู่ของมัน

“มาแล้ว!”

มารเฒ่ากลืนโลหิตตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]