เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 23

สรุปบท ตอนที่ 23: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 23 – เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

บท ตอนที่ 23 ของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

Sign in Buddha’s palm 23 ซูฉินและมารร้าย

ที่ด้านนอกของหอคอยสะกดมาร

มีพระนับร้อยรูปคอยเดินตรวจตรา

ด้วยความที่เป็นเขตหวงห้ามของวัดเส้าหลิน หอคอยสะกดมารจำต้องมีภิกษุคอยเฝ้าระวังอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดรูปไม่ว่าจะกลางวันหรือยามค่ำคืน

พระทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปนี้จะต้องมีความสามารถในการตั้งค่ายกลขนาดใหญ่ได้โดยทันที เพียงพอที่จะสกัดจับผู้เชี่ยวชาญในสามระดับบนทั่วๆ ไป ในเวลาอันสั้นได้

“ศิษย์พี่”

“ทำไมคืนนี้ข้ารู้สึกว่าหอคอยมีบางอย่างแปลกไป…”

พระหนุ่มมองผ่านความมืดมิดไปยังหอคอยสะกดมารที่น่าขนลุกยามนี้แล้วกระซิบแผ่วเบากับศิษย์อีกคน

“แปลกไป?”

“จะมีอะไรแปลกได้เล่า?”

ศิษย์ที่อาวุโสกว่าจ้องมองมาที่พระหนุ่มแล้วกล่าวตำหนิ “แค่ทำหน้าที่ของตนดีๆ อย่าได้มัวแต่หันมองนู่นนี่”

“ขอรับ”

พระหนุ่มหดหัวลง

ขณะนั้นเอง

ครืน!!!

พวกเขาก็เห็นว่าหอคอยสะกดมารสั่นไหว

สงฆ์ทั้งร้อยแปดรูปที่เฝ้าระวังอยู่ด้านนอกหอคอยสะกดมารต่างตกตะลึงแล้วพากันจ้องมองไปที่หอคอยสะกดมารโดยไม่รู้ตัว

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ข้ารู้สึกได้ว่าหอคอยสะกดมารเหมือนจะสั่นไหว ใช่หรือเปล่านะ?”

“ใช้ ข้าก็รู้สึกเช่นเดียวกัน คิดว่าเป็นภาพลวงตาเสียอีก”

เหล่าสงฆ์ต่างแปลกใจ

อย่างไรก็ตาม ความแปลกใจถูกหยุดอยู่เพียงเท่านั้น

ในเวลาต่อมา

แกร๊ก

ช่องว่างด้านข้างประตูของหอคอยสะกดมารพลันแตกออก

เงาร่างสีดำของมารร้ายกระโดดออกมาจากช่องว่างนั้นและยืนจังก้าอยู่ด้านนอกหอคอยสะกดมารเป็นที่เรียบร้อย

“ออกมาแล้ว”

“ในที่สุดข้าก็ออกมาได้แล้ว!”

มารเฒ่ากลืนโลหิตดีใจอย่างเหลือล้น

ความจริงแล้วก่อนที่จะตัดสินใจเข้าไปในหอคอยสะกดมาร มารเฒ่ากลืนโลหิตก็มีความลังเลอยู่เล็กน้อยในเรื่องที่เสี่ยงเช่นนี้

นอกเหนือจากนั้น

ในหนังสือโบราณที่ได้รับมา ระบุไว้ว่ามีช่องโหว่มากมายในค่ายกลฟ้าดินภายในหอคอยสะกดมาร…

แต่ก่อนที่จะได้ลองด้วยตนเองจริงๆ ใครกันจะมั่นใจได้ว่าสิ่งที่หนังสือโบราณได้บอกไว้เป็นความจริงหรือไม่?

นี่คือหอคอยสะกดมารแห่งวัดเส้าหลินเชียวนะ

ไม่รู้ว่ามีตัวตนเก่งกาจราวกับสัตว์ประหลาดกี่ตนแล้วที่ถูกปราบปรามกักขังอยู่ภายใน?

พวกมารร้ายเหล่านี้ไม่เคยออกมาได้เลยตั้งแต่ที่ถูกขังไว้ด้านในหอคอย

พวกเขาไม่ได้อย่างออกมางั้นหรือ?

ย่อมมิใช่

เป็นเพราะพวกมันไม่สามารถหนีออกไปได้ต่างหาก

นั่นล่ะคือความน่าพรั่นพรึงของหอคอยสะกดมาร

แต่ตอนนี้

กลับมีหนังสือโบราณเล่มหนึ่งเขียนว่าหอคอยสะกดมารนี้มีช่องโหว่?

ถ้าใครสักคนมาบอกว่ามีช่องโหว่ มันก็แปลว่ามีช่องโหว่จริงๆ อย่างนั้นหรือ?

แล้วถ้าในกรณีที่หนังสือโบราณกล่าวไว้เป็นเท็จ…

ไม่ใช่ว่ามารเฒ่าโลหิตได้ขุดหลุมฝังตัวเองไปแล้วหรอกรึ?

แต่ทั้งหมดที่ว่ามาก็เท่านั้น

ในท้ายที่สุดมารเฒ่าก็ตัดสินใจกระทำลงไปแล้วอยู่ดี

นั่นเพราะยามเมื่อแผนประสบความสำเร็จ ด้วยมารร้ายจำนวนมหาศาลที่มารเฒ่าได้สูบกลืนพลังมา มารเฒ่ากลืนโลหิตย่อมพบโอกาสที่จะก้าวไปยืนบนจุดสูงสุดในใต้หล้า

กลิ่นหอมหวานของความสำเร็จน่าเย้ายวนถึงเพียงนี้ ไยมารเฒ่ากลืนโลหิตจะทนไหว

อนึ่ง

คำอธิบายเกี่ยวกับช่องโหว่ในหอคอยสะกดมารที่ระบุไว้ในหนังสือโบราณนั้นละเอียดมาก และไม่ได้เป็นเรื่องที่เสริมเติมแต่งแต่ประการใด มันจึงช่วยเสริมความมั่นใจให้มารเฒ่าได้อย่างดี

“ไม่ดีแล้ว”

“มีมารร้ายหลบหนีออกมา”

เมื่อเทียบกับความสุขสันต์ของมารเฒ่ากลืนโลหิต พระที่คุ้มกันหอคอยสะกดมารอยู่ต่างประหวั่นพรั่นพรึง

ในเวลาหลายสิบปีมานี้ไม่เคยมีประวัติการหลบหนีของมารร้ายจากหอคอยมาก่อน

“ตั้งขบวน จัดค่ายกล!!!”

หัวหน้าของกลุ่มสงฆ์ตะโกนด้วยน้ำเสียงรุนแรงเร่งเร้า

ทันใดนั้น

ยิ่งการต่อสู้ถูกลากยาวไปมากเท่าไหร่ ตัวมันเองจะยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากขึ้นเท่านั้น

ถึงมารเฒ่ากลืนโลหิตจะมั่นใจในตนเองมากตอนนี้ แต่มันย่อมรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับตัวมัน

“แต่ก่อนจะจากไป ขอแวะลิ้มชิมรสเลือดเนื้อของลาหัวโล้นวัดเส้าหลินก่อนก็แล้วกัน…”

มารเฒ่าทอดสายตามองไปยังพระทั้งร้อยแปดรูปพลางเลียริมฝีปาก

ในอดีตหากมารเฒ่ากลืนโลหิตได้เจอเข้ากับศิษย์ของสุดยอดพรรคอย่างวัดเส้าหลิน ไยมันจักหาญกล้าไปยั่วยุได้?

แต่ด้วยความแข็งแกร่งในขณะนี้ ทำให้มารเฒ่ามีความมั่นใจอย่างมิรู้ประมาณ

ในเมื่อการหลบหนีออกจากหอคอยสะกดมารของมันได้สร้างความร้าวฉานกับวัดเส้าหลินไปแล้ว เช่นนั้นก็คงไม่เป็นอะไรหากมันจะดื่มกินเลือดและสูบพลังของศิษย์วัดเส้าหลินเข้าไป

เมื่อนึกได้แบบนั้น มารเฒ่ากลืนโลหิตก็ก้าวไปด้านหน้าภิกษุรูปหนึ่ง

พระรูปนี้เป็นผู้นำขบวนค่ายกล มีพลังอยู่ในระดับชั้นที่สี่ พลังชีวิตที่มากล้นแบบนี้นับว่าเป็นของชอบของมารเฒ่าเลยทีเดียว

“ไอ้ปีศาจ!”

“จงตาย!”

ทันใดนั้น ไอพลังของพระรูปนั้นก็พุ่งสูงขึ้น แล้วลุกขึ้นเคลื่อนตัวปล่อยหมัดเข้าใส่มารเฒ่ากลืนโลหิต

“ช่างอ่อนแอเสียจริง…”

มารเฒ่ากลืนโลหิตที่เหมือนจะคาดเดาการกระทำนี้เอาไว้อยู่แล้ว ยกมือขวาขึ้นแล้วกดลงอย่างเชื่องช้า

ปัง!!!

พลังมารที่น่าสยดสยองโอบล้อมเข้ากดทับพระรูปนั้นทันที

“ทำไมเจ้าจึงไม่ทำตัวเชื่องๆ แล้วให้ผู้อาวุโสได้ดื่มกินพลังชีวิตของเจ้าเสียหน่อยเล่า?”

มารเฒ่ากลืนโลหิตส่ายหัวน้อยๆ

“ข้าจะลากเจ้าให้ตายไปกับข้า!!!”

สงฆ์รูปนั้นพยายามลุกขึ้น ดวงตาแดงก่ำ

เมื่อเห็นฉากนั้น มารเฒ่าจึงขี้เกียจเกินกว่าจะเสวนาต่อ

ก็แค่สูบพลังพระพวกนี้มาเสีย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว

ห่างออกไปหลายลี้

ด้านบนเขา

“เฮ้อ…”

“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย?”

ซูฉินค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วถอนหายใจออกมา

ระหว่างฝ่ามือของเขามีพลังหยางแข็งแกร่งที่ควบแน่นมาจากวิชากายาวัชระคงกระพัน และพลังหยินอันรุนแรงที่มาจากวิชาขัดเกลากายาจันทรา ปะทะเข้าหากันแล้วหมุนออกไปรอบๆ ระเบิดออกเป็นแสงสว่างวาบคล้ายสายฟ้าแลบ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]