เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 226

Sign in Buddha’s palm 226 ความหวาดหวั่น และบรรพชนเก่าแก่

“ผู้อาวุโสหมิงโยวได้สิ้นชีพลงแล้ว…”

ศิษย์นิกายเฮยหยวนพูดจนจบด้วยเสียงอันสั่นเครือ หลับตาลง ดูยอมจํานนกับโชคชะตา

ดวงไฟแห่งชีวิตได้ดับลง

หมายถึงการตกตายอย่างสมบูรณ์

แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่รอดพ้น

ด้วยเหตุผลนี้เอง ที่ทําให้ศิษย์คนที่มาแจ้งข่าวรู้สึกว่ายิ่งพูดก็ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เขาตระหนักดีถึงตําแหน่งตัวตนของหมิงโยวภายในนิกายเฮยหยวน

ในฐานะของหนึ่งในตํานานยุทธที่ใกล้เคียงกับระดับผู้เยี่ยมยุทธมากที่สุดในดินแดนโพ้นทะเล การเสียชีวิตของหมิงโยวจะปลุกความโกรธเกรี้ยวของผู้นํานิกายเฮยหยวนขึ้นมาอย่างแน่นอน

และด้วยความโกรธเคืองของผู้นํานิกาย คงจะเป็นเรื่องยากที่ชีวิตน้อยๆของศิษย์ธรรมดาๆเช่นเขาจะอยู่รอด

ที่นี่คือนิกายเฮยหยวน หนึ่งในนิกายใหญ่ดินแดนโพ้นทะเล ไม่มีความดี ไม่มีความชั่ว มีเพียงผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพนับถือ ผู้อ่อนแอถูกกําหนดให้เป็นทาส เป็นเป้าสังหาร

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”

เกิดความเงียบขึ้นในโถง จากนั้นไม่นานผู้อาวุโสนิกายเฮยหยวนก็ตอบสนองออกมาในทันที จ้องมองไปที่ศิษย์ผู้ส่งข่าวอย่างไม่อยากเชื่อ หมิงโยวเกือบจะกลายเป็นตัวตนระดับผู้เยี่ยมยุทธอยู่แล้ว ชื่อเสียงก็มีมาก พูดออกมาได้อย่างไรว่าจบชีวิตแล้ว?

นอกจากนี้ การที่ดวงไฟแห่งชีวิตดับลง หมายความว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และร่างกายได้สูญสลายไปอย่างสิ้นเชิง การที่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็ยังหนีไม่พ้นมันจะเป็นไปได้อย่างไร?

“เป็นไปไม่ได้ ร่างปีศาจลวงตาของศิษย์พี่หมิงโยวเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เขาสามารถสลับปรับเปลี่ยนไปมาระหว่างความเป็นจริงและร่างลวงตาได้ดั่งใจนึก แม้จะเป็นตัวตนระดับผู้เยี่ยมยุทธลงมือเองก็ไม่มีทางสังหารเขาได้ เขาจะตายได้อย่างไร?

“ถูกต้อง ต่อให้มีผู้เยี่ยมยุทธหลายคนร่วมมือกัน อย่างมากที่สุดก็ทําลายได้เพียงแค่กายหยาบ อย่างไรจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถหนีกลับมาได้อย่างสมบูรณ์

“เจ้าชื่ออะไร เป็นศิษย์ฝ่ายไหน หากข้ารู้ว่าเจ้ารายงานข้อมูลเท็จล่ะก็ จะต้องถูกนิกายเฮยหยวนของพวกเราทรมานทั้งเป็น ให้เจ้าได้รู้ว่าการมีชีวิตอยู่ก็ไม่ดี ตายก็ไม่ได้ มันเป็นเยี่ยงไร เจ้าพร้อมที่จะโดนแล้วรึยังเล่า?”

ผู้อาวุโสหลายคนจ้องมองไปที่ศิษย์คนนั้น และมีกระทั่งผู้อาวุโสที่อารมณ์ฉุนเฉียว พร้อมที่จะลงมือสังหารมันเสียบัดนี้เลยทีเดียว

ในใจของผู้อาวุโสนิกายเฮยหยวน หากได้ยินว่าใครสักคนจะสิ้นชีพลงก็คงพอเข้าใจได้ แต่สําหรับหมิงโยวนั้นมันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

“เอาล่ะ”

“ทุกคนจงเงียบ”

ในขณะที่ศิษย์ส่งข่าวกําลังจะโดนผู้อาวุโสหัวรุนแรงตบจนตาย ผู้นํานิกายเฮยหยวนก็กล่าวคําออกมาในที่สุด

ระหว่างที่พูดออกมา ไอพลังที่ไม่สามารถหยั่งถึงก็กระจายออกมา ผู้อาวุโสที่จ้างมือกําลังจะตบก็หน้าซีด หยุดมือในทันที และหยุดฟังด้วยความเคารพ

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ทําแบบเดียวกัน และทันใดนั้นห้องโถงที่อึกทึกครึกโครมเมื่อครู่ก็เงียบลงในทันใด

“ก่อนหน้านี้เจ้าเห็นอะไรมา?” ผู้นํานิกายเฮยหยวนมองไปที่ศิษย์ผู้ส่งข่าว ไม่มีความผันผวนใดในน้ําเสียงของเขาเลย

แต่ผู้อาวุโสทุกคนรู้ดีว่า ยิ่งเป็นเช่นนั้นมากเท่าไหร่ ผู้นํานิกายเฮยหยวนก็ใกล้ระเบิดอารมณ์มากเท่านั้น

“ท่านผู้นํา”

“ข้าคอยดูแลดวงไฟชีวิตของผู้อาวุโสตลอดทั้งวันทั้งคืน และข้าก็ได้เห็นว่าดวงไฟชีวิตของผู้อาวุโสหมิงโยวเพิ่งจะดับมอดไป”

ศิษย์ส่งข่าวกล่าวออกมาอย่างกล้าหาญ

“เข้าใจแล้ว………”

ผู้นํานิกายเฮยหยวนไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆออกมา

อันที่จริงตอนที่ศิษย์ส่งข่าวได้กล่าวว่าดวงไฟแห่งชีวิตมอดดับลงแล้วนั้น เขาก็ได้ใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และตัดสินได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมานั้นเป็นความจริง

เมื่อผู้อาวุโสคนอื่นๆ ได้ฟังสิ่งนั้น ก็ดึงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกมาทีละคน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจอมยุทธที่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธยังสามารถครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีสิบลี้ได้ ถ้าเช่นนั้นเหล่าผู้อาวุโสแห่งนิกายเฮยหยวนเล่า?

ในการเป็นอาวุโสของนิกายเฮยหยวนได้นั้น อย่างน้อยก็ต้องเป็นตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่สี่ และส่วนใหญ่ก็อยู่ในจุดสูงสุดของระดับนภาชั้นที่สี่

ในสายตาของพวกเขา นิกายเฮยหยวนทั้งหมดไม่มีสิ่งใดเป็นความลับ ยกเว้นบางสถานที่ที่ถูกปิดผนึก สามารถต้านทานการตรวจสอบจากจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่นาน

ในขณะที่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้อาวุโสกวาดไปทั่วสถานที่สําหรับเก็บดวงไฟแห่งชีวิต ผู้อาวุโสทุกคนก็เงียบลง

ดวงไฟแห่งชีวิตของหมิงโยวมอดดับลงแล้วจริงๆ

หลังจากที่ผู้อาวุโสจํานวนมากได้ตรวจสอบดู ก็พบว่ามันเป็นเรื่องจริง

“ศิษย์พี่หมิงโยวตกตายลงแล้วจริงๆ”

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ ผู้อาวุโสนิกายเฮยหยวนก็กล่าวออกมาอย่างขมขึ้น

พวกเขาเชื่อมั่นในตัวของหมิงโยวอย่างมาก และคาดคิดไปแล้วว่าอย่างไรเสียถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาจะต้องถูกยึดเอาไว้ในกํามือพวกตน แต่หลังจากนั้นไม่นานก็พบว่าหมิงโยวได้ตกตายไปแล้ว………

ผู้อาวุโสที่เหลือก็แสดงสีหน้าโศกเศร้าเช่นกัน

“ท่านผู้นํา เรื่องนี้”

ผู้อาวุโสต้องการจะพูดอะไรบางอย่างกับผู้นํานิกายเฮยหยวน

ในท้ายที่สุด เขาก็ถูกขัดจังหวะโดยผู้นํานิกายเฮยหยวน “เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคนจงออกไปก่อนเถอะ”

“ขอรับ” ผู้อาวุโสหลายคนมองหน้ากัน โค้งคารวะแล้วจากไปพร้อมกับความสงสัย

ในเวลาเดียวกัน

ไม่ใช่เพียงนิกายเฮยหยวน

ตําหนักเทพเจ้าหิมะ พรรคหมื่นดาบ และนิกายใหญ่แห่งอื่นๆต่างก็ตื่นตะลึงจากเรื่องที่ดวงไฟแห่งชีวิตนั้นดับมอดลงไป

เจ้าตําหนักเทพเจ้าหิมะถึงกับโกรธเคืองสุดขีด โลกเยือกแข็งปกคลุมไปทั่วรัศมีสิบลี้ ท้องฟ้าทั้งหมดกลายเป็นน้ําแข็ง น้ําที่หยดลงมาก็กลายเป็นน้ําแข็ง ยกเว้นแต่เพียงศิษย์สาวกของตําหนักเทพเจ้าหิมะ ตํานานยุทธคนใดที่เข้าใกล้บริเวณนั้นต่างถูกแช่แข็งอย่างฉับพลัน

มีนิกายใหญ่มากมายในต่างดินแดนแต่ก็ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมากนัก แม้บางครั้งเกิดข้อพิพาทกันแต่อย่างมากที่สุดก็เป็นเพียงการต่อสู้กันของศิษย์สาวก ไม่ต้องกล่าวถึงการสิ้นชีวิตของผู้อาวุโส ขนาดการประมือกันยังแทบไม่มี

ตอนนี้นิกายเฮยหยวน ตําหนักเทพเจ้าหิมะ และนิกายใหญ่อื่นๆ ล้วนแต่มีผู้อาวุโสตกตายกันไป โดยเฉพาะนิกายเฮยหยวนที่เป็นถึงระดับรองผู้นํานิกาย สิ่งนี้สร้างความตกใจอย่างมิรู้ประมาณ

มีการถกเถียงกันอย่างมากมายในวงการยุทธภพต่างแดน ผู้ฝึกยุทธพเนจรและผู้นํานิกายคนอื่นๆ ต่างพูดกันอย่างเป็นการลับ

“ตําหนักเทพเจ้าหิมะ พรรคหมื่นดาบ และนิกายเฮยหยวนได้รับความสูญเสียอย่างหนักหน่วงในครั้งนี้ ตําหนักเทพเจ้าหิมะยังพอทําเนา แต่นิกายเฮยหยวนนั้นสูญเสียรองผู้นํานิกายไปเลยทีเดียว…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]