ตอนที่ 228 ความลับที่ข้ามผ่านยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉีมาหลายยุคหลายสมัย – ตอนที่ต้องอ่านของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]
ตอนนี้ของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 228 ความลับที่ข้ามผ่านยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉีมาหลายยุคหลายสมัย จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
Sign in Buddha’s palm 228 ความลับที่ข้ามผ่านยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉีมาหลายยุคหลายสมัย
“พี่สาม ผู้นี้คือ?”
จักรพรรดิถังมองดูนักพรตเฒ่าด้วยความประหลาดใจ และถามขึ้นมาอย่างสงสัย
ทันทีที่เขารู้ว่าซูฉินกลับมา เขาก็รีบวิ่งมาด้วยความกังวลใจ โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นนักพรตเฒ่าและชิงชิวเฉียนเฉียนที่อยู่ถัดไปจากซูฉินเลย
“ผู้อาวุโสคนหนึ่งจากนิกายใหญ่นะ”
ซูฉินพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจและหันไปมองนักพรตเฒ่า “เจ้ารู้จักวิหารการสงครามงั้นหรือ?”
“ผู้อาวุโส มีบันทึกเกี่ยวกับวิหารการสงครามอยู่ ในคัมภีร์เก่าแก่ที่สุดภายในสํานักเอกะวิถี สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับความลับที่อยู่มาตลอดทุกช่วงของยุคปราณฉีฟื้นฟูหลายต่อ หลายยุค ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าสองสิ่งนี้ใช้สิ่งเดียวกันหรือไม่…………”
นักพรตเฒ่ากล่าวอย่างระมัดระวัง
แม้คําว่า “วิหารการสงคราม” จะค่อนข้างพิเศษ แต่ก็อาจจะมีสิ่งอื่นที่ชื่อเหมือนกัน นักพรตเฒ่าจึงไม่กล้าด่วนสรุป
คลื่นลูกเล็กๆ ก่อตัวขึ้นในใจของซูฉิน เขาเป็นคนที่เกิดมาสองชีวิตแล้ว แน่นอนว่าเขาพอจะรู้ที่มาของวิหารการสงคราม แต่ท่าทีของนักพรตเฒ่าทําให้เขาไม่แน่ใจอยู่เล็กๆว่าวิหารการสงครามจากปากของจักรพรรดิถังคือวิหารการสงครามเดียวกันกับในความทรงจําของเขาหรือไม่
“ลองเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับวิหารการสงครามมาซิ”
“พี่สาม”
แม้ว่าจักรพรรดิถังจะไม่ทราบว่านักพรตเฒ่าเป็นผู้อาวุโสจากนิกายใหญ่แห่งไหน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาสนใจในตอนนี้ จึงบอกข้อมูลทุกสิ่งเกี่ยวกับวิหารการสงครามที่เขารู้มาในทันที
ตามที่จักรพรรดิถังได้เล่าออกมา วิหารการสงครามนั้นโผล่ขึ้นมาครั้งแรกเมื่อแปดพันปีก่อน และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาวิหารการสงครามจะปรากฏขึ้นทุกๆหนึ่งพันปีหรือพันปีกว่า
ครั้งสุดท้ายที่มันปรากฏขึ้นก็เมื่อหนึ่งพันห้าร้อยปีก่อน
ตามข้อมูลที่ได้รับจากอาณาจักรถัง วิหารการสงครามนั้นลึกลับอย่างยิ่ง และดูเหมือนไม่ได้มาจากโลกนี้ ทุกครั้งที่มันโผล่ขึ้นมา มันจะปรากฏอยู่บนยอดเขาคุนหลุน
วิหารการสงครามนั้นกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต มีดอกไม้และพืชพรรณแปลกๆขึ้นอยู่ตามมุมต่างๆ ซึ่งหาที่ไหนไม่ได้บนโลกใบนี้ ส่วนบนของวิหารมีการแกะสลักเป็นรูปดวงดาวในดาราจักร และใครก็ตามที่มีโอกาสเข้าไปภายในวิหารการสงครามจะได้รับมรดกกลับมาชิ้นหนึ่ง
“พี่สาม หลังจากอาณาจักรถังได้ครอบครองทวีป ก็ได้รวบรวมข่าวสารมาจากอาณาจักรต่างๆ ในช่วงแปดพันปีที่ผ่านมา เกือบครึ่งหนึ่งของตํานานยุทธที่ถือกําเนิดขึ้นมาล้วนได้เข้าสู่วิหารการสงครามมาแล้วทั้งสิ้น”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางยุคสมัย ตํานานยุทธต่างกําเนิดขึ้นมากมาย เรียงรายตามกันมา มองดูโลกหล้าไปพร้อมๆกัน ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นราวสิบปีหลังจากการปรากฏขึ้นของวิหารการสงคราม”
จักรพรรดิถังกล่าวด้วยน้ําเสียงทุ้มลึก
ส่วนใหญ่จอมยุทธที่เข้าไปภายในวิหารการสงครามนั้น อ ย่างน้อยก็เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ และมากกว่าครึ่งนั้นอยู่ในขอบเขตตํานานยุทธ เหล่าตัวตนผู้ ทรงพลังอํานาจเหล่านี้พวกเขามักไม่ค่อยเปิดเผยสิ่งที่ตนประสบภายในวิหารการสงคราม ที่จักรพรรดิถังสามารถรู้ได้มากขนาดนี้ เป็นเพราะข้อมูลที่ได้สั่งสมมาจากราชวงศ์ของอาณาจักรต่างๆ
ซูฉินหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้ฟังคําเหล่านั้น
เมื่อกระแสปราณฉีเริ่มฟื้นตัว โลกและสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ปราณฉีมีอยู่อย่างมากมาย จิตใจแห่งฟ้าดินเพิ่มขึ้นมากทําให้ง่ายต่อการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธ
แต่เมื่อหลายพันปีก่อน โดยเฉพาะเมื่อแปดพันปีก่อน กระแสปราณฉีได้ซบเซาลงอย่างสมบูรณ์แล้ว กล่าวได้ว่าพลังฟ้าดินทั้งหมดเที่ยวเฉาเป็นจุดสิ้นสุดของเหล่าผู้ฝึกยุทธอย่างแท้จริง
บางที่สําหรับขอบเขตสามระดับล่างและสามระดับกลาง อาจจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก แต่สําหรับผู้ฝึกยุทธในขอบเขตสามระดับบน โดยเฉพาะระดับชั้นที่หนึ่งซึ่งเริ่มเข้าถึงพลังฟ้าดินแล้วนั้น มันนับเป็นความสิ้นหวังอย่างแท้จริง
พลังปราณฉีนิ่งสนิท ผลที่ตามมาคือทําให้เข้าสู่ขอบเขตสามระดับบนได้ยากมาก
ส่วนตํานานยุทธนั้น
ก็เรียกได้ว่าเป็นตํานานจริงๆ
แต่ถึงกระนั้น จอมยุทธที่เข้าไปภายในวิหารการสงครามยังสามารถทะลวงขั้นได้อย่างต่อเนื่อง ก้าวเข้าสู่ขอบเขตสามระดับบน ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง ยอดปรมาจารย์ขั้นสมบูรณ์ และไปถึงแม้แต่ขอบเขตตํานานยุทธ
แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ได้ไปถึงขั้นตํานานยุทธ แต่เท่านี้ก็เหลือเชื่อมากพอแล้ว
“วิหารการสงคราม……”
ซูฉินแตะปลายคาง ดวงตาครุ่นคิด
เขาเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธโดยอาศัยความจริงที่ว่าเขาสามารถลงชื่อเข้าใช้ในวัดเส้าหลินมาเกือบสามสิบปี และได้รับโอสถวิเศษมามากมาย รวมถึงเคล็ดวิชาอันไร้เทียมทาน
ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนกลายเป็นตํานานยุทธได้ ก็เพราะการบําเพ็ญเพียรมากว่าร้อยปีควบคู่ไปกับกระแสปราณฉีที่ฟื้นตัวอย่างก้าวกระโดด
แต่ตํานานยุทธคนอื่นๆ ในประวัติศาสตร์นั้นเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธกันได้อย่างไร?
“พี่สาม”
“การถือกําเนิดของวิหารการสงครามในครั้งนี้ มันคงคละคลุ้งไปด้วยคาวเลือดอย่างแน่นอน”
จักรพรรดิถังถอนหายใจเบาๆ
ด้วยภูมิหลังของอาณาจักรถังในขณะนี้ ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งธรรมดาๆ ไม่สามารถสั่นคลอนได้เลย มีเพียงตํานานยุทธเท่านั้นถึงจะพอสร้างความสั่นสะเทือนต่อสถานะของอาณาจักรถังได้
ครั้นเมื่อมีตํานานยุทธมากขึ้นภายในอาณาจักรถัง จักรพรรดิถังจะต้องมีเรื่องน่าปวดหัวเพิ่มขึ้นอีกมากเป็นแน่
แม้จะมีซูฉินคอยดูแลอาณาจักรถังอยู่ แต่จักรพรรดิถังก็รู้ดีว่าซูฉินไม่สามารถที่จะอยู่ปกป้องอาณาจักรไปได้ตลอด ถ้าต้องการจะปกป้องผืนแผ่นดินนี้จริงๆ เขาต้องทําให้อาณาจักรถังแข็งแกร่งขึ้น
นักพรตเฒ่าที่อยู่ด้านข้าง ยังคงหน้าเปลี่ยนสีไม่หาย ในที่สุดก็ถอนหายใจและโค้งคํานับมาทางซูฉิน “ผู้อาวุโส ข้ารู้แล้วว่าวิหารการสงครามคือสิ่งใด…”
“ลองเล่ามา”
แม้ว่าซูฉินจะคาดเดาทุกอย่างได้บ้างแล้ว แต่เขาก็ยังต้องการได้ยินสิ่งที่นักพรตเฒ่าจะพูดอยู่ดี
“ผู้อาวุโส สานักเอกะวิถีของข้าได้รับมรดกตกทอดมาจากยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟูครั้งล่าสุด”
นักพรตเฒ่าสงบใจลง ท่าที่เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมแล้วกล่าวว่า “ในยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉีครั้งล่าสุดก็มีวิหารการสงครามอยู่เช่นกัน ไม่มีใครรู้ที่มาของวิหารการสงคราม ทราบเพียงว่าวิหารการสงครามจะปรากฏขึ้นทุกๆพันปี หรืออาจจะพันกว่าปี”
“นอกจากนี้ ตามบันทึกในสํานักเอกะวิถีของข้า ไม่ใช่แค่ยุคเฟื่องฟูของปราณฉีครั้งล่าสุดเท่านั้นที่มี แต่ในระยะสุดท้ายของยุคเฟื่องฟูปราณฉีครั้งก่อนๆ ก็มีวิหารการสงครามนี้ปรากฏขึ้น”
ซูฉินจ้องเขม็งไปยังนักพรตเฒ่า
เมื่อนักพรตเฒ่าได้ยินสิ่งนี้เขาก็ตกใจ เขาไม่เคยได้ยินซูฉินใช้น้ําเสียงเช่นนี้มาก่อน จึงรีบกล่าวตอบอย่างจริงจังว่า “ผู้อาวุโส ทั้งหมดที่ข้ากล่าวออกมาคือบันทึกที่มาจากสํานักเอกะวิถี”
“ไม่น่าจะมีข้อผิดพลาดใด”
หมื่นปีที่แล้ว ในช่วงเฟื่องฟูของปราณฉีครั้งล่าสุด สํานักเอกะวิถียังคงเป็นสํานักที่ยิ่งใหญ่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ข้อมูลที่ถูกรวบรวมและบันทึกไว้ได้รับการสืบต่อมาจนถึงทุกวันนี้ ก็เห็นได้ชัดเจนว่ามันน่าเชื่อถือมากพอสมควร
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ซูฉินประเมินคร่าวๆ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหกผ่านจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่ฝังอยู่ภายในร่างของนักพรตเฒ่าแล้ว จึงพยักหน้าเล็กน้อย
ในความเป็นจริง เมื่อเผชิญหน้ากับซูฉิน ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่สามารถควบแน่นอาณาเขตได้ แม้ว่าเขาจะมีความกล้าหาญกว่านี้เป็นสิบเท่า นักพรตเฒ่าก็ไม่กล้าพูดโป้ปดแต่อย่างใด
แล้วอีกอย่าง
ที่นักพรตเฒ่าพูดออกมาทั้งหมดนี้ ก็ไม่ได้มีความลับที่เกี่ยวข้องกับสํานักเอกะวิถีเลย
แม้ว่าวิหารการสงครามจะลึกลับ แต่ในช่วงเฟื่องฟูของกระแสปราณฉีครั้งล่าสุด มันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร
“วิหารการสงครามจะกําเนิดขึ้นเมื่อใด?”
ซูฉินเงยหน้าขึ้นและมองไปทางภูเขาคุนหลุนพร้อมตั้งคําถาม
“พี่สาม”
“ตามบันทึกโบราณ เมื่อใดที่เกิดระลอกคลื่นในชั้นบรรยากาศบนเขาคุนหลุน ก็อยู่ไม่ไกลจากช่วงวันที่วิหารการสงครามจะปรากฏขึ้นแล้ว”
“ในเวลาหนึ่งถึงสองปี วิหารการสงครามจะถือกําเนิดขึ้น”
ก่อนที่จักรพรรดิถังจะมาถึงที่นี่ เขาได้ตรวจสอบทุกอย่างมาอย่างถี่ถ้วนแล้ว จึงตอบได้โดยไร้ซึ่งความลังเล
“แต่พี่สามอย่าได้กังวลไป ข้าได้ให้คนเฝ้าดูเขาคุนหลุนอย่างใกล้ชิด หากมีการเคลื่อนไหวใดๆเกิดขึ้น ข้าจะรู้ได้ภายในหนึ่งวัน”
จักรพรรดิถังตบอกลั่นคํามั่นสัญญา
ทุกวันนี้อาณาจักรถังมีอํานาจควบคุมโลก รวมถึงมีการปฏิรูปและแก้ไขหลายสิ่งหลายอย่างจากจักรพรรดิถังในช่วงไม่กี่ปีก่อน อาณาจักรถังในยามนี้ไม่ได้เป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป
ถ้าไม่ใช่เพราะกระแสปราณฉีฟื้นคืนที่จะทําให้เกิดจอมยุทธผู้ทรงพลังเพิ่มขึ้นมาทีละคนๆ ในตอนนี้ แค่เพียงอํานาจของอาณาจักรถังก็เพียงพอจะสยบได้ทุกสิ่ง
“ไม่เป็นไร”
“ข้าจับสัมผัสมันได้แล้ว”
ซูฉินเบิกเนตรดวงตาแห่งสัจจะและใช้วิชาปราณฉีฟ้า กําหนดไปพร้อมๆกัน พลังรับรู้ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด รู้สึกได้จางๆว่าบนเขาคุนหลุนมีกระแสลมปราณล่องลอยอยู่จริงๆ ราวกับพื้นที่แถบนั้นกําลังสั่นสะเทือนวัตถุแปลกปลอมบางอย่างกําลังผลักตัวเองออกมาสู่โลกภายนอก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]