เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 233

สรุปบท ตอนที่ 233 ต่อสู้: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 233 ต่อสู้ – เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

บท ตอนที่ 233 ต่อสู้ ของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

Sign in Buddha’s palm 233 ต่อสู้

ตั้งแต่มาถึงเชิงเขาคุนหลุน จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ของซูฉิน ได้ใช้ไปเพื่อรับรู้ความผันผวนบนยอดเขาคุนหลุน

ส่วนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือมาบรรจบกันที่ร่างกาย และตอนนี้ซูฉินก็สังเกตได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยใกล้ๆ

“ลุงสาม ท่านมองอะไรอยู่ ” เมื่อเห็นซูฉินที่กําลังจ้องมองบางอย่างอยู่ที่ด้านข้าง หลีหว่านก็รีบขยับตัวมองออกไปนอกโรงเตี้ยมทันที

เป็นอย่างที่คิด

เพียงหลังจากนั้นไม่นาน

พระภิกษุห่มจีวรสีเทาก็เดินเข้ามา

พระรูปนี้ไม่ได้ดูโดดเด่นอะไร ดูเหมือนคนธรรมดา แต่ราชาดาบชิงเฉิงที่นั่งอยู่บนชั้นสองเกือบจะร้องอุทานออกมา เมื่อเห็นใบหน้าของภิกษุรูปนั้น

“เฉียนขู่!”

ราชาดาบชิงเฉิงลุกขึ้นและจ้องตรงไปยังภิกษุที่สวมจีวรสีเทาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะได้พบสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เฉียนขู่ จากวัดเส้าหลินที่นี่

เมื่อคําพูดของราชาดาบชิงเฉิงได้กระจายออกไป

จอมยุทธทุกคนในโรงเตี้ยมต่างตกตะลึง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ภิกษุผู้สวมจีวรสีเทาที่เพิ่งก้าวเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“เฉียนขู่?”

“เขาผู้นี้คือสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เฉียนขู่”จากวัดเส้าหลินงั้นหรือ?”

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เฉียนขู่”ยังดูเด็กเกินไปไหมเนี่ย?”

“สงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เฉียนขู่” ก็มาที่นี่ด้วย เขาต้องการจะต่อสู้เพื่อเข้าวิหารการสงครามนี้ด้วยหรือ?”

จอมยุทธจํานวนมากโพล่งออกมาอย่างรวดเร็ว ดวงตาของพวกเขากวาดมองไปที่เฉียนขู่ตลอดเวลา

“นะโม อมิตาพุทธ”

“เฉียนขู่ที่ห่มจีวรสีเทาโค้งตัวลงเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พระผู้น้อยไม่ได้มาที่นี่เพราะวิหารการสงคราม”

คําที่เฉียนขู่ได้กล่าวออกมา

เหล่าจอมยุทธยิ่งงุนงงมากขึ้นไปอีก

จอมยุทธที่มายังเขาคุนหลุนในช่วงนี้ก็ล้วนมาเพราะวิหารการสงครามกันทั้งนั้น หากเฉียนขู่ไม่ได้สนใจวิหารการสงคราม เหตุใดจึงมาปรากฏตัวที่นี่เวลานี้

ท่ามกลางสายตาของทุกคน เฉียนขู่ก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดออกมาเสียงดัง “พระผู้น้อยได้พบตัวเจ้าแล้ว ยังไม่โผล่หน้าออกมาอีกหรือ?”

“ลาน้อยหัวโล้นเฉียนขู่ เจ้าไล่ตามข้ามาหลายเดือนแล้ว ผ่านระยะทางมาหลายหมื่นลี้ นี่ต้องการจะฆ่าพวกเราให้หมดเลยหรือไร?”

เสียงแหบแห้งเสียงหนึ่งดังแว่วมา

เห็นชายท่าทางเย็นชาเดินออกมา ใบหน้าของชายผู้นี้ดูธรรมดา แต่ให้ความรู้สึกชั่วร้ายอย่างอธิบายไม่ถูก ทําให้ผู้คนที่พบเห็นต้องตกอยู่ในภวังค์

“จอมยุทธเจ็ดสามานย์เป็นเขา!?”

สีหน้าของจอมยุทธต่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ร่องรอยความกลัวปรากฏขึ้น

จอมยุทธเจ็ดสามานย์เป็นจอมยุทธฝ่ายอธรรมที่มีชื่อเสียงในยุทธภพ ครั้งหนึ่งเขาเคยสังหารคนไปหลายหมู่บ้านเพื่อฝึกฝนวิชามาร และแม้แต่อาณาจักรถังก็ต้องการจะจับตัวเขา หากไม่ใช่เพราะเจ็ดสามานย์เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง และทุกครั้งที่มีอะไรไม่ชอบมาพากล เขาจะหนีไปทันที ไม่เช่นนั้นเกรงว่าปานนี้มันคงจะตกอยู่ในเงื้อมมือของอาณาจักรถังไปแล้ว

“เจ็ดสามานย์ ตลอดทางลาน้อยหัวโล้นนี้ไม่เคยรามือเลย เขาต้องการจะฆ่าข้าหรือไม่นั้น ใจเจ้าย่อมรู้ดีที่สุด”

ชายร่างผอมลุกขึ้นอย่างช้าๆ ยืนเคียงข้างกับจอมยุทธเจ็ดสามานย์ ชายร่างผอมมีโหนกแก้มที่ยื่นออก ผิวซีดขาว แต่ประกายในดวงตามีความเผด็จการแผ่ออกมาเล็กน้อย

“มนุษย์ซีด ทําไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย…”

จอมยุทธทั้งหลายต่างมือเท้าเย็นเยียบ แม้แต่ราชาดาบชิงเฉิงเองก็มีความกลัววาบผ่านดวงตาของเขา

ไม่ว่าจะเป็นเจ็ดสามานย์หรือมนุษย์ซีด พวกเขาล้วนเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งที่เดินตามวิถีมารอันชั่วร้าย วิธีการของพวกมันโหดร้ายมาก ทุกครั้งที่พวกมันลงมือ มันจะฆ่าอย่างป่าเถื่อน ไม่รู้ว่ามีจอมยุทธกี่คนต่อกี่คนที่ต้องตกอยู่ในความหวาดผวา

“ พระผู้น้อยไม่ได้พยายามจะสังหาร หากพวกท่านเต็มใจจะกลับไปวัดเส้าหลินและเข้าไปในหอคอยสะกดมาร ท่านย่อมมีชีวิตรอด”

“เฉียนขู่” ประสานมือและกล่าวคําออกมาเบาๆ

“ฮ่ม!”

บูม!

ไอพลังของการต่อสู้ระหว่างยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งกระจายออกไป ถ้าไม่ใช่เพราะเฉียนขู่ไม่ต้องการจะทําร้ายผู้บริสุทธิ์และออกจากโรงเตี้ยมได้ทันเวลา เกรงว่าป่านนี้โรงเตี้ยมคงพังทลายลงไปแล้ว

เมื่อจอมยุทธทั้งหลายในโรงเตี้ยมเห็นฉากนี้ ตาของพวกเขาก็สว่างขึ้น และรีบออกจากโรงเตี้ยมเพื่อมาดูเฉียนขู่ต่อสู้กับเหล่าจอมยุทธฝ่ายอธรรม

การต่อสู้ระหว่างยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งนั้นหาได้ยากอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการใช้คนหมู่มากโจมตีคนหมู่น้อยยิ่งพบเห็นได้ยากขึ้นไปอีก

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งไม่ใช่คนโง่ พวกเขาจะริเริ่มต่อสู้กับกลุ่มคนที่มีพลังในระดับเดียวกันได้อย่างไร

มีเพียงอัจฉริยะสายพุทธอย่างเฉียนขู่เท่านั้นที่มีพลังยับยั้งวิถีมาร และมีความมั่นใจในการไล่ตามจอมยุทธฝ่ายอธรรมทั้งหลาย

ราชาดาบชิงเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้เคลื่อนไหวในทันที

ที่เขาไม่ลงมือในเวลานี้ ประการแรกเป็นเพราะเขายังมีความกลัวในจอมยุทธฝ่ายอธรรมอยู่

ประการที่สองคือเขาต้องการจะรู้ความแข็งแกร่งของเฉียนขู่ เพราะความแข็งแกร่งของเฉียนขู่นั้น ระดับชั้นที่หนึ่งธรรมดาๆ ไม่ใช่คู่ต่อสู้เลย และในเวลานี้ ทั้งสี่คนต่างก็เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง พวกเขาควรจะสามารถบังคับเฉียนขู่ให้แสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่

“เมื่อเฉียนขู่รับมือไม่ไหว ข้าจะเข้าไปช่วย”

ราชาดาบชิงเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงมองออกไปนอกโรงเตี้ยม

“ลุงสาม”

“ท่านว่าในหมู่พวกเขา ใครจะเป็นผู้ชนะ…”

หลี่หว่านเอ่ยถามด้วยเสียงต่ํา ดวงตาสดใส

แม้ภายในวัง หลีหว่านจะเคยเฝ้ามองการประมือกันระหว่างวันที่ชุดแดงกับรองแม่ทัพ

แต่จะมาเทียบกับเฉียนขู่ที่ต่อสู้เอาชีวิตกันกับเหล่าจอมยุทธฝ่ายอธรรมด้วยกําลังทั้งหมดได้อย่างไรเล่า?

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จิตสังหารอันรุนแรงที่ปล่อยออกมาจากจอมยุทธฝ่ายอธรรมเหล่านั้น มันทําให้หลีหว่านตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก

“ใครจะเป็นผู้ชนะ?”

ซูฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจ ใบหน้าของเขาปรากฏคําใบ้ที่มีความหมายลึกซึ้งแฝงอยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]