เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 239

สรุปบท ตอนที่ 239.2 ยืดอายุพันปี!: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

สรุปตอน ตอนที่ 239.2 ยืดอายุพันปี! – จากเรื่อง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

ตอน ตอนที่ 239.2 ยืดอายุพันปี! ของนิยายActionเรื่องดัง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

Sign in Buddha’s palm 239 (II)

Sign in Buddha’s palm 239 (11) ยืดอายุพันปี!

เมื่อเวลาผ่านเลยไป

ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ เวลาที่วิหารการสงครามจะถือกําเนิดขึ้นก็ใกล้เข้ามาทุกที

ในเวลานี้ เหล่าผู้ทรงพลังอํานาจต่างก็ขึ้นมาบนยอดเขามากขึ้นเรื่อยๆ ยึดพื้นที่ของตนไว้มั่น ระแวงซึ่งกันและกัน

ตัวตนทรงพลังอํานาจเหล่านี้อย่างน้อยก็เป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด และมีหลายคนในนี้ก็แปรสภาพพลังได้มากกว่าหนึ่งครั้งในเวลานี้พวกเขาก็มารวมตัวกันที่นี่โดยคิดว่าจะใช้โอกาสอันดีภายในวิหารการสงครามเพื่อก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นหลังจากนั้นก็จะสามารถมีอายุขัยมากขึ้นเป็นห้าร้อยปี

“คราวนี้ที่วิหารการสงครามได้ถือกําเนิดขึ้น ตามบันทึกก่อนหน้านี้มันสามารถเข้าไปได้เพียงแค่ยี่สิบคนเท่านั้นพวกเจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการจะแข่งขันกับข้า?” ชายผิวคล้ําคนหนึ่งที่มีกลิ่นอายชวนน่าอึดอัดเหลือบมองคนอื่นๆ แล้วพูดอย่างเย็นชา

เขาเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่เพิ่งแปรสภาพพลังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

อันที่จริงแล้ว ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดทั้งหมดที่อยู่ในที่แห่งนี้โดยพื้นฐานแล้วก็เหมือนกัน

พวกเขาอาศัยช่วงที่กระแสปราณีฟื้นฟูเพื่อก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นแปรสภาพพลัง เข้าสู่ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด

“เฮเฮ”

“วิหารการสงครามนั้นเป็นโอกาสใหญ่ยิ่งที่ไม่อาจจะพบเห็นได้ง่ายๆในรอบพันปี ทําไมข้าจะต้องมอบให้เจ้า?” ชายชราที่แต่งกายแปลกตาอีกคนก็กล่าวขึ้นมาเบาๆ ในขณะที่เขายืนอยู่นั้นก็ได้แผ่กลิ่นอายที่ทําให้ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดไม่กล้าเข้าใกล้

“อิ่ม!”

ชายผิวคล้ําแค่นเสียงเย็นชา แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรต่อไปอีก

ชายชราที่แต่งตัวแปลกตานั้นต่างไปจากเขา เข้าถึงระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดตั้งแต่ยี่สิบปีที่แล้ว มีความแข็งแกร่งที่ไม่อาจหยั่งถึง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชายผิวคล้ําจะไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ใบหน้าของเขากลับไม่แสดงอาการเกรงกลัวมากนัก

แม้เขาจะคิดว่าความแข็งแกร่งของชายชรานั้นไม่ธรรมดาแต่ปัจจุบันมียอดปรมาจารย์ขั้นสูงสุดมากมายมารวมตัวกันบนภูเขาแม้ด้วยความแข็งแกร่งของชายชราก็ต้องให้ความสําคัญกับสถานกา รณ์ตรงหน้าเมื่อวิหารการสงครามถือกําเนิดขึ้นเขาอาจจะถูกกํา จัดโดยยอดฝีมือคนอื่นๆจนทําให้สูญเสียโอกาสในการเข้าสู่วิหารการสงครามก็เป็นได้

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดแบ่งออกเป็นสามระดับแปรสภาพพลังหนึ่งครั้ง แปรสภาพพลังสองครั้งและแปรสภาพพลังสามครั้ง

แม้จะมีช่องว่างระหว่างสามระดับนี้ แต่ก็ไม่ได้ห่างกันไกลราวกับผืนดินและแผ่นฟ้า อย่างน้อยยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่แปรสภาพพลังหนึ่งครั้งก็สามารถร่วมมือกัน ไม่ต้องถึงกับเอาชนะระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่แปรสภาพพลังได้สองครั้ง แต่อย่างน้อยก็ไม่มีปัญหาในการยื้อเวลาไว้ในช่วงสั้นๆ

ต้นไม้ยิ่งใหญ่ยิ่งต้องต้านลมแรงมากเท่านั้น

ยิ่งชายชราโดดเด่นมากเพียงไร เขาก็ยิ่งต้องพบเจออุปสรรคในการก้าวเข้าสู่วิหารการสงครามมากเท่านั้น แต่สําหรับชายผิวคล้ําที่เป็นระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดที่แปรสภาพพลังหนึ่งครั้งนี้ นมันเป็นเรื่องง่ายกว่ามาก

“ยี่สี่ ข่าววิหารการสงครามถือกําเนิดขึ้นในครั้งนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลกมาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว พวกเจ้าคิดว่าตํานานยุทธเมืองฉางอันจะมาไหม?” หญิงชราถือไม้เท้าเป็นคนที่สามที่กล่าวออกมาอย่างช้าๆ

คําที่กล่าวออกมา

ท่าทีของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดก็เปลี่ยนไป

มาก

ในระดับของพวกเขา แม้จะได้รับอิทธิพลมาจากการฟื้นตัวของกระแสปราณฉีช่วยให้เลื่อนระดับขั้นแต่พวกเขาก็ล้วนฉลาดเฉลียวย่อมมีความรู้ความเข้าใจเป็นธรรมดาว่า เมื่อใดที่ตํานานยุทธเมือง ฉางอันมาถึงที่นี่สถานการณ์อาจจะพลิกกลับได้

แม้จะต้องเจอยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ที่มีการแปรสภาพพลังสามครั้งยอดฝีมือเหล่านี้ก็พอจะมั่นใจว่าสามารถจัดการได้

แต่ตํานานยุทธนั้น

แม้ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งทั้งหมดในที่นี้จะร่วมมือกันก็ไม่เพียงพอที่จะสู้รบตบมือกับตํานานยุทธ

ระหว่างขอบเขตวิทยายุทธเก้าระดับชั้นกับขอบเขตตํานานยุทธไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่ามันแตกต่างกันราวกับก้อนเมฆบนฟ้ากับโคลนตมในดิน

“ข้าได้ข่าวมา เมื่อไม่นานมานี้ที่ตีนเขาคุนหลุนมีร่องรอยของตํานานยุทธที่น่าสงสัยปรากฏตัวขึ้น”

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดผู้นั้นพูดออกมาอย่างช้าๆ“ข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดิมารร้ายที่เพิ่งออกมาจากด่านกตนเรียกคนผู้นั้นว่าท่านผู้ยิ่งใหญ่….”

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดคนนี้ก็ไม่ได้รู้อะไรเจาะลึกมากนัก ในเวลานั้นมีจอมยุทธหลายร้อยคนมารวมตัวกันที่โรงเตี้ยมแห่งนั้นไม่รู้ว่ามีข่าวลือออกไปมากมายเพียงใด

“เจ็ดสิบปีที่แล้ว จักรพรรดิมารร้ายกําลังจะถึงจุดแปรสภาพพลังและหลังจากปิดด่านฝึกตนไปกว่าเจ็ดสิบปี แม้ว่าจะไม่ได้เป็นระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ แต่ก็ต้องอยู่ไม่ไกลแล้ว…”

ชายผิวคล้ําดูเคร่งขรึม

เป็นที่รู้กันว่าเฉียนขู่นั้นเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา

ในความเห็นของพวกเขา เฉียนขู่ก็เป็นเพียงชนรุ่นหลังและไม่ได้เป็นแม้แต่ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด เขามีคุณสมบัติอะไรที่จะยืนต่อหน้ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดเหล่านี้?

“เป็นเฉียนขู่จริงๆ”

หญิงชราที่ถือไม้เท้าขมวดคิ้ว แม้ว่าวัดเส้าหลินจะเป็นสุดยอดพรรคในยุทธภพ และมีอรหันต์กําเนิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้วแต่เฉียนขู่เป็นเพียงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้น กล้าดีอย่างไรมาปรากฏตัวที่นี่?

“เจ้าหนู เดี๋ยวข้าจะช่วยสั่งสอนเจ้าแทนเจ้าอาวาสชุ่ยเหวินเองต่อหน้าผู้อาวุโสก็ต้องรู้จักการให้ความเคารพ!”

ชายผิวคล้ําโกรธจัด เดิมทีการมีที่ว่างเพียงยี่สิบที่ภายในวิหารการสงครามก็ทําให้เขาเครียดมากพออยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีตํานานยุทธปริศนาอีกหนึ่งจนที่ให้ที่ว่างเหลือแค่สิบเก้า และตอนนี้เขาเห็นว่าเฉียนขู่เพียงอยู่ในระดับชั้นที่หนึ่งเท่านั้น แต่กลับอยู่ใกล้กับวิหา รการสงครามมากแน่นอนมันทําให้เขาไม่พอใจอย่างยิ่ง

หากยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดคนอื่นๆ เป็นคนกุมที่ว่างภายในวิหารการสงครามไว้ แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็จะไม่มีความคิดอื่นใด แต่กับคนรุ่นหลังอย่างเฉียนขู่ หากคว้าที่ว่างในการเข้าสู่วิหารการสงครามไปได้ มันคงเป็นความอัปยศต่อยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดอย่างชายผิวคล้ํา

เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายผิวคล้ําก็ก้าวออกไปด้านหน้า วิ่งเข้าหาเฉียนขู่ภายในพริบตา ในขณะเดียวกันก็ยกมือขวาพร้อมที่จะสอนบทเรียนให้แก่เฉียนขู่ แล้วโยนมันออกจากเขาคุนหลุนไป

เบื้องหลังของเฉียนขู่คือวัดเส้าหลิน เขาจึงไม่กล้าสังหารแต่การโยนออกไปนั้นไม่จําเป็นต้องกังวลแต่ประการใด

เมื่อเห็นฉากนี้ ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดคนอื่นๆก็ส่ายศีรษะเล็กน้อยแล้วหยุดดู

แม้ว่าชายผิวคล้ําจะเพิ่งเลื่อนระดับมา แต่ท้ายที่สุดเขาก็เป็นถึงยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด มันไม่ยากในการที่จะจัดการเฉียนขู่ที่อยู่ระดับชั้นที่หนึ่ง

ในขณะที่ทุกคนกําลังมองด้วยสายตาเย็นชาเหมือนกับเห็นภาพ ที่พรรคพวกของเฉียนขู่ทั้งสามคนจะถูกโยนออกไปเรียบร้อยแล้ว

ชายผิวคล้ําที่วิ่งเข้าไปในระยะหนึ่งร้อยจ้างรอบตัวเฉียนขู่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

ในช่วงเวลาต่อมา

แกรัก แกรัก

สายลมพัดโชยผ่านไป

เห็นรอยร้าวปรากฏขึ้นบนร่างของชายผิวคล้ําอย่างต่อเนื่องและในที่สุดมันก็แตกกระจายออกกลายเป็นผุยผง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]