เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 240

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm]

Sign in Buddha’s palm 240

Sign in Buddha’s palm 240 กําเนิด

ยอดเขาคุนหลุน

ชายผิวคล้ํานั้นมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัว แต่ภายในระยะร้อยจ้างห่างจากตัวของเฉียนขู่ มันกลับกลายเป็นฝุ่นผงไปอย่างเงียบๆ

“นี่คือ?!”

แม้ว่าชายผิวคล้ําจะเป็นเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด แต่อย่างไรก็ตาม เขาได้เดินตามเส้นทางปกติ กําลังภายในได้แปรสภาพเรียบร้อย แค่เพียงกระบวนท่าเดียวก็เพียงพอที่จะกวาดล้างกลุ่มยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้แล้ว และแม้ว่าจะเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสมบูรณ์ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสังหารเขาในเวลาอันสั้นเช่นนี้

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดทั้งหลายต่างชําเลืองมองกัน สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมราวกับผิวน้ําที่สงบนิ่ง เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่งที่ชายผิวคล้ําได้ตกตายลงอย่างกะทันหันเช่นนี้

“เป็นเฉียนขู่จากวัดเส้าหลินจริงๆ อย่างนั้นหรือ?”

หญิงชราที่ถือไม้ค้ํายันสงบใจลงแล้วกระซิบถาม

“เฉียนขู่?”

ท่าที่ของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคนอื่นๆ ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ข้อสงสัยของหญิงชราไม่ได้ไร้เหตุผลไปเสียที่เดียว ฉากที่เห็นนั้นเกิดขึ้นในระหว่างที่ชายผิวคล้ํากําลังจะโจมตีเฉียนขู่ ถ้าทุกคนไม่ได้อยู่ที่นี่ ใครจะเชื่อถือเรื่องดังกล่าวบ้าง?

“เฉียนขู่ไม่ได้ทรงพลังขนาดนี้!” ชายชราในชุดแปลกตาส่ายศีรษะ แม้ว่าจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์จะถูกระงับไว้เมื่ออยู่ในที่แห่งนี้ แต่มองด้วยตาเปล่าก็เห็นได้ชัดว่าเฉียนขู่ยังไม่ได้แปรสภาพพลังเลยด้วยซ้ํา อย่างมากที่สุดก็เป็นชนชั้นแนวหน้าในระดับชั้นที่หนึ่ง ไม่ต้องกล่าวถึงการสังหารชายผิวคล้ําเลย ต่อให้ป้องกันการโจมตี ยังเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง

“ไม่ใช่เฉียนขู่…”

หญิงชราที่ถือไม้เท้าหันหน้าไปมอง สายตาตกลงบนแผ่นลัหงของหลีหว่านและซูฉิน ไอพลังของหลีหว่านนั้นอ่อนแอกว่าเฉียนขู่ ส่วนของซูฉิน..

ในตอนนี้ซูฉินหันหลังให้กับทุกคน แม้แต่หญิงชราก็มองเห็นแค่แผ่นหลังของซูฉินเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าแปลกใจอย่างมากสําหรับหญิงชราคือ ซูฉินนั้นเหมือนกับคนธรรมดา แต่คนธรรมดาที่ไหนจะสามารถยืนอยู่บนยอดเขาคุนหลุนในเวลานี้ได้? เกรงว่าคงถูกแรงกดดันบดขยี้เป็นชิ้นๆไปแล้ว

“เฉียนขู่….”

“วัดเส้าหลิน…”

สีหน้าของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดทั้งหลายต่างก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ราวกับพวกเขากําลังครุ่นคิดอะไรอยู่ รูม่านตาของพวกเขาพลันหดแคบลง

และในตอนนั้น

เฉียนขู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ชายผิวคล้ําที่พุ่งเข้ามาหาเขาเมื่อครู่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด มันสร้างแรงกดดันให้ตัวเขามากจริงๆ หากไม่มีซูฉินอยู่ด้านข้าง เฉียนขู่คงจะหันหลังวิ่งหนีไปนานแล้ว

แม้ว่าเฉียนขู่จะเป็นศิษย์วัดเส้าหลินและเคยอ่านเพียงคัมภีร์ในวัดตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ ในสถานการณ์ที่ไม่อาจเอาชนะได้ เป็นธรรมดาที่จะไม่ได้หุนหันพลันแล่น

“ขอบคุณผู้ทรงสมณศักดิ์ที่ลงมือ…” เฉียนขู่โค้งคารวะซูฉินอย่างสุดซึ้ง

ชายผิวคล้ําเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุด ในตอนนี้เขากลับกลายเป็นเพียงฝุ่นผง มีเพียงอรหันต์เช่นซูฉินเท่านั้นที่ทําได้

เพียงเท่านั้น

สิ่งที่เฉียนขู่ไม่รู้คือการกระทําของเขาทําให้เกิดคลื่นพายุภายในใจยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดทั้งหลาย

“ผู้ทรงสมณศักดิ์”

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดทั้งหลายพากันสั่นสะท้านในใจ แทบจะคุกเข่าลงไปเสียเดี๋ยวนั้น

พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าอรหันต์ที่ว่ากันว่าได้ออกจากวัดเส้าหลินและข้ามน้ําข้ามทะเลไปยังดินแดนอื่นเมื่อนานมาแล้ว บัดนี้ได้มาอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา

“ข้าควรจะคิดได้ว่าเฉียนขู่ที่อยู่ระดับชั้นที่หนึ่งแต่กล้ามาที่นี่ จะต้องมีที่พึ่งพิง และที่พึ่งพิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวัดเส้าหลินนั้นก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นผู้ทรงสมณศักดิ์…”

หญิงชราที่ถือไม้เท้า ยิ้มออกมาอย่างขมขึ้น และย่างเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็วจนกระทั่งอยู่ห่างซูฉินออกไปหนึ่งร้อยจ้าง

ในขณะที่เฉียนขู่คิดว่าหญิงชราต้องการจะแก้แค้นให้ชายผิวคล้ํา หญิงชราที่ถือไม้เท้าก็ดูนอบน้อมและโค้งคารวะ จากนั้นจึงกล่าวว่า “น้อมคารวะผู้ทรงสมณศักดิ์”

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดจํานวนมากที่เหลืออยู่ เมื่อได้เห็นฉากนี้ ก็คล้ายกับตื่นขึ้นจากความฝัน แอบสบถให้กับคําเยินยอของหญิงชราในใจ จากนั้นต่างก็เดินไปด้านข้างหญิงชรากัน ที่ละคนแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “น้อมคารวะผู้ทรงสมณศักดิ์

ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดต่างก้าวไปหยุดด้านหน้า และโค้งคํานับอย่างเคารพ ราวกับพบเทพเจ้า

ยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เรื่องที่วัดเส้าหลินให้กําเนิดอรหันต์นั้นแพร่กระ จายไปทั่วโลกมาเนิ่นนาน ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดในที่แห่งนี้ล้วนเคยได้ยินเรื่องนี้มานานแล้ว เมื่อได้พบอรหันต์ตัวเป็นๆจะกล้าดูหมิ่นได้เยี่ยงไร?

“ลุงสาม…..”

หลีหว่านกะพริบตา แน่นอนว่านางรู้ว่าซูฉินนั้นแข็งแกร่งมาก แต่ในตอนนี้ท่าที่เคารพนอบน้อมของเหล่ายอดยุทธพวกนี้ทําให้นางรู้สึกทําตัวไม่ถูกไปเล็กน้อย

“หือ?”

“ บนยอดเขาคุนหลุนนั้นมีเต๋สะสมเพียงพอให้ข้าลงชื่อเข้าใช้ได้เพียงครั้งเดียว?”

ซูฉินถอนหายใจ ไม่ได้สนใจยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งขั้นสูงสุดทั้งหลายที่กําลังโค้งคํานับเขาอยู่เลย

เมื่อวานเขาได้ลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรกบนยอดเขาคุนหลุนและได้รับ “ลูกท้อบ้าน” มา เขาคิดว่าจะสามารถลงชื่อเข้าใช้และได้ลูกท้อบ้านเช่นนี้ต่อไปอีกได้ ถ้าเขาได้รับลูกท้อบ้านนี้หลายสิบลูกติดต่อกัน และใช้มันอย่างต่อเนื่อง เขาก็จะได้รับอายุขัยนับหมื่นปี นับเป็นกําไรที่มหาศาลอย่างมาก

แต่น่าเสียดายที่หลังจากผ่านไปหนึ่งวัน โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ในวันนี้ก็กลับมาอีกครั้ง แต่ซูฉินก็ได้พบว่ายอดเขาคุนหลุนไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ได้อีกต่อไป

“เป็นไปได้ไหมว่าเขาคุนหลุนแห่งนี้ไม่ใช่เขาคุนหลุนในตํานาน?” ซูฉินแตะปลายคาง ใบหน้าครุ่นคิด

ถ้าเป็นจริงตามตํานานต้นกําเนิดหมื่นขุนเขา นี่คือดินแดนแห่งทวยเทพ เป็นไปได้อย่างไรที่” เต๋าสะสมจะหมดลงยามเมื่อซูฉินลง ชื่อเข้าใช้ไปได้เพียงครั้งเดียว?

ลูกท้อบ้านที่สามารถยืดอายุขัยได้พันปีเป็นสิ่งล้ําค่า แต่ก็ไม่ได้ดีเท่ากับฝ่ามือยูไลหรือภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่บนเกาะหยิงโจว ซูฉินก็ยังลงชื่อเข้าใช้ได้ตั้งหลายสิบครั้ง แต่นี่คือเขาคุนหลุนเชียวนะ?

“กระแสปราณฉีกําลังฟื้นคืน แผ่นฟ้ากําลังสูงขึ้น แผ่นดินกําลังขยายออก ทวีปนี้กําลังขยายตัวออกไปทุกขณะ บางทีเขาคุนหลุนที่แท้จริงอาจจะปรากฏขึ้นเมื่อกระแสปราณฉีเข้าสู่จุดรุ่งเรือง”

ซูฉินคิดอยู่ในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]