เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm]
Sign in Buddha’s palm 247
Sign in Buddha’s palm 247 ม้วนบันทึกภาพเทพสงครามและบรรพชนจากนิกายใหญ่ในต่างแดน
“ผู้ทรงสมณศักดิ์”
“เป็นผู้ทรงสมณศักดิ์”
“ผู้ทรงสมณศักดิ์ออกมาแล้ว”
จิตใจของเฉียนขู่ตื่นตะลึง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เขายังคงกังวลอยู่ว่าซูฉินจะติดอยู่ในวิหารการสงครามหรือไม่แต่ตอนนี้ซูฉินได้ออกมาแล้ว จะไม่ให้เขาถอนหายใจอย่างโล่งอกได้อย่างไร?
“ลุงสาม”
ดวงตาของหลีหว่านเบิกกว้าง ไม่รู้ว่าทําไมซูฉินถึงดูแปลกไปในสายตานางยามนี้ ราวกับว่าวิหารการสงครามอันยิ่งใหญ่กําลังถูกเหยียบย่ําอยู่ใต้ฝ่าเท้า
“ในที่สุดก็ออกมาแล้ว…”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน ส่วนเรื่องการปรับแต่งจิตวิญญาณเทียมของวิหารการสงคราม มันมีเหตุขัดข้องเล็กน้อย ทําให้ล่าช้าไปสองสามวัน ความว่องไวในการปรับแต่งจึงช้าลงอย่างไรก็ตามสุดท้ายก็ปรับแต่งจนเสร็จก่อนช่วงเวลาหนึ่งเดือนจะหมดลง
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาซูฉินไม่ได้ทําอะไรอย่างอื่นเลย ยกเว้นแต่การปรับแต่งจิตวิญญาณเทียมและลงชื่อเข้าใช้อย่างสม่ําเสมอทุกคืนวัน
นอกจากโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดที่ได้จากการลงชื่อเข้าใช้ในวันแรกแล้ว ซูฉินก็ได้รับโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดมากว่าห้าสิบเม็ดซึ่งการลงชื่อเข้าใช้แต่ละครั้งก็ได้มาครั้งหนึ่งหลายเม็ดและมีบางครั้งก็ได้มาเกือบสิบเม็ด
นอกจากโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดแล้ว ซูฉินยังลงชื่อเข้าใช้และได้รับโอสถชนิดอื่นๆ อีก เช่น โอสถยวเฉิน โอสถฮว่าเฉินและโอสถอื่นๆอีกมากมาย
เพียงแต่ว่าโอสถเหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วไม่มีประโยชน์เท่าไรสําหรับซูฉินในระดับปัจจุบัน ไม่ได้จําเป็นต้องใช้เท่าไหร่เมื่อเทียบกับ โอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิด
“ใช่แล้ว”
“วันนี้ยังไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้เลยนี่นา”
ซูฉินนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วจึงหยุดยืนอยู่หน้าทางเข้าวิหารการสงคราม จากนั้นก็พึมพําอยู่ในใจ “ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”
[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ ม้วนบันทึกภาพเทพสงคราม” ]
เสียงจักรกลเย็นชาดังขึ้นในหูของซูฉิน
“ม้วนบันทึกภาพเทพสงคราม?”
ใบหน้าของซูฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ถ้าเขาจําไม่ผิด รอยสลักภาพสี่สิบเก้าส่วนที่อยู่ในส่วนลึกของวิหารการสงครามนั้นเป็นมรดกที่เรียกว่า “ม้วนบันทึกภาพเทพสงคราม”
แม้แต่ชื่อของวิหารการสงครามก็ได้ถูกเจ้าของวิหารการสงครามตั้งชื่อตาม “ม้วนบันทึกภาพเทพสงคราม” ซึ่งสื่อความหมายถึงวิหารที่จัดเก็บม้วนบันทึกภาพวิหารการสงคราม
ซูฉินไม่คาดคิดมาก่อนว่าในครั้งนี้เขาจะลงชื่อเข้าใช้และได้รับมรดกที่แม้แต่เจ้าของวิหารการสงครามยังไม่สามารถทําความเข้าใจได้แม้จะผ่านไปหลายร้อยปี
ต้องรู้ก่อนว่า ไม่ว่าทักษะวิเศษที่ได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้จะเข้าใจได้ยากเพียงใด ซูฉินก็จะเข้าใจมันได้อย่างเป็นธรรมชาติตัวอย่างเช่น คัมภีร์อมิตาภาบรรพกาลซึ่งเป็นเวลากว่าหลายพันปีแล้วที่ไม่มีใครสามารถฝึกฝนมันได้สําเร็จ
เจ้าของวิหารการสงครามทุ่มทรัพยากรไปอย่างมหาศาลแต่ก็ยังไม่เข้าใจถึงม้วนบันทึกภาพเทพสงครามแม้แต่อัจฉริยะรุ่นหลังจํา นวนนับไม่ถ้วนก็ถูกบังคับให้มาทําความเข้าใจร่วมกัน แต่ผลที่ได้ก ลับมานั้นน้อยมากอย่างน้อยซูฉินก็ไม่เคยได้ยินว่ามีจอมยุทธคนใดที่เข้ามาภายในวิหารการสงครามแล้วได้รับม้วนบันทึกภาพเทพสง ครามกลับไป
เดิมที่ซูฉินก็ไม่ได้หวังอะไรกับม้วนบันทึกภาพเทพสงครามนี้
สุดท้ายแล้วไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าม้วนบันทึกภาพเทพสงครามนั้นหักพังเสียหาย แม้ว่ามันจะไม่ได้รับความเสียหาย เมื่อมาวางไว้ตรงหน้าซูฉินด้วยสภาพสมบูรณ์ ซูฉินก็ไม่คาดหวังว่าตนเองจะสามารถทําความเข้าใจได้อยู่ดี
แต่ตอนนี้ ด้วยระบบลงชื่อเข้าใช้ทําให้เขาได้รับม้วนบันทึกภาพเทพสงครามแม้ว่าม้วนบันทึกภาพเทพสงครามจะเป็นคัมภีร์ส วรรค์อะไรเทือกนั้นซูฉินก็ยังสามารถเข้าถึงและเชี่ยวชาญได้
หวิ่ง!
ขณะที่ซูฉินกําลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นั้น ความเข้าใจบางอย่างจนถึงระดับถ่องแท้ก็วูบผ่านเข้ามาภายในจิตใจ
“ไม่ดีแล้ว”
ท่าทีของซูฉินเปลี่ยนแปลงไป แล้วรีบปิดผนึกการทําความเข้า ใจภายในจิตทันที ด้วยสาระสําคัญที่ซูฉินได้ซึมซับข้อมูลมาเมื่อครู่ เขาเกรงว่าตนเองจะถอนตัวไม่ทัน
ดังนั้นซูฉินจึงกวาดตามองข้อมูลมากมายเกี่ยวกับม้วนบันทึก ภาพเทพสงครามนั้นเพียงชั่วครู่ จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะไปเรียนรู้ เพิ่มเติมในตอนที่กลับไปยังเมืองฉางอันแล้ว
“ม้วนบันทึกภาพเทพสงครามไม่ใช่กฎเกณฑ์แห่งกายเนื้อไม่ใช่กฏเกณฑ์แห่งแก่นแท้ฯ ไม่ใช่ทั้งกฎเกณฑ์แห่งจิตสัมผัสศักดิ์สิท
“มันคือวิถีทางหนึ่งของเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ในการบ่มเพาะอาณาเขต
ใบหน้าของซูฉินดูครุ่นคิดหนักหน่วง แม้ว่าเขาจะได้รับความรู้อันลึกซึ้งของม้วนบันทึกภาพเทพสงครามมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแต่ก็ยังเข้าใจบางสิ่งได้คร่าวๆ จากเคล็ดวิ ชาศักดิ์สิทธิ์ภายในม้วนบันทึกภาพเทพสงคราม
ตามข้อมูลที่ซูฉินเพิ่งได้รับมา เคล็ดวิชาในม้วนบันทึกภาพเทพสงครามสามารถควบแน่นอาณาเขตเทพสงครามขึ้นมาได้ และอาณาเขตเทพสงครามนั้นน่ากลัวกว่าอาณาเขตทั่วไปอย่างมาก
อาณาเขตในที่นี้หมายถึงอาณาเขตขนาดใหญ่ของจริงไม่ใช่อาณาเขตขนาดเล็กของเหล่าจอมยุทธในขอบเขตตํานานยุทธ
“มัวนบันทึกภาพเทพสงครามเล่มนี้ ช่างน่าที่งยิ่งนัก…”
ซูฉินดูประหลาดใจ ครุ่นคิดสิ่งต่างๆ อย่างรวดเร็ว
พลังอาณาเขตของเขาแม้จะยังห่างไกลเมื่อเทียบกับตัวตนในขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ที่เชี่ยวชาญอาณาเขตขนาดใหญ่ สา มารถควบคุมพื้นที่รัศมีร้อยล้ําได้ด้วยความคิดเดียว เป็นดั่งกับเทพ เซียนที่แท้จริง
อาจกล่าวได้ว่า แม้แต่ตัวตนขอบเขตเซียนเทพปฐพีอาณาเขตนก็ยังเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างยิ่ง
“มิผิด”
“แต่มันก็เป็นแค่อาณาเขต เหตุใดเจ้าของวิหารการสงครามถึงจ ริงจังกับมันถึงเพียงนี้?” ซูฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ตามการคาดเดาของเขา เจ้าของวิหารการสงครามอาจจะเหนีอกว่าขอบเขตเชียนเทพปฐพี น่าจะเข้าถึงระดับผู้ที่ทรงพลังอย่างถึงขีดสุดไปแล้ว
สําหรับผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ถึงอาณาเขตจะเป็นเรื่องสําคัญแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ไม่จําเป็นต้องใช้สมบัติพื้นที่มิติขนาดใหญ่เพื่อมาส่งต่อเคล็ดวิชาอันนี้ก็ได้
“ไม่ต้องรีบร้อน”
“ใจเย็นๆ เอาไว้ก่อน”
“เมื่อข้ากลับไปยังเมืองฉางอัน ข้าจะกลับมาทําความเข้าใจม้วนบันทึกภาพเทพสงครามให้ละเอียดถี่ถ้วน”
ซูฉินสงบลง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
การเดินทางมายังเขาคุนหลุนครั้งนี้ ซูฉินได้ผลตอบแทนมากมายไม่เพียงแต่ได้รับ ลูกท้อบ้าน” ที่ช่วยยืดอายุขัยได้เป็นพันปี ยังได้รับโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิดมาถึงห้าสิบเม็ด และรวมไปถึงโอสถชนิดอื่นๆ ด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]