เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 251

สรุปบท ตอนที่ 251.1 ดับชีวิต: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

ตอน ตอนที่ 251.1 ดับชีวิต จาก เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 251.1 ดับชีวิต คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายAction เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm]

Sign in Buddha’s palm 251 (1) ดับชีวิต

อํานาจของบรรพบุรุษชีหยวนเป็นที่รู้กันดีในยุคสมัยนั้น ไม่เพียงแต่จะเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เก้าเท่านั้น แต่ยังควบแน่นอาณาเขตได้อีกด้วย มีอํานาจท่วมท้นในต่างดินแดน

พันกว่าปีที่แล้ว แม้จะเป็นนิกายใหญ่ห้าอันดับแรก ก็ไม่เต็มใจหาเรื่องดึงดูดความสนใจของบรรพบุรุษชีหยวนผู้โด่งดังแน่

ถ้าไม่ใช่เพราะข้อบกพร่องในวิชาบ่มเพาะของนิกายเฮยหยวน ซึ่งทําให้ไม่อาจเปลี่ยนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ บรรพบุรุษชีหยวนอาจจะกลายเป็นเซียนเทพปฐพีไปแล้ว

ซึ่งในทางกลับกันแน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะวิชาบ่มเพาะของนิกายเฮยหยวนที่เป็นวิถีมาร ทําให้ความรวดเร็วในการบ่มเพาะนั้นคืบหน้าเร็วมากทั้งยังไม่มีคอขวด ไม่เช่นนั้นบรรพบุรุษชีหยวนก็คงไม่มาถึงระดับนี้ได้

แต่อย่างไรเสีย ความแข็งแกร่งของบรรพบุรุษชีหยวนนั้นนับเป็นที่สุดอย่างแน่นอนในระดับที่ต่ํากว่าเซียนเทพปฐพี ด้วยพลังของอาณาเขตควบคู่กับทักษะแปลกๆของนิกายเฮยหยวนก็เพียงพอจะอยู่เหนือตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เก้า…

แต่ตอนนี้ บรรพบุรุษชีหยวนซึ่งเปรียบเสมือนเทพเจ้าในสายตาของชายผมหงอกและตํานานยุทธจากต่างดินแดน กลับถูกเฉือนตัดอาณาเขตเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยคมมีด ไอพลังก็ยังลดลงอีกด้วย

“เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น?”

รูม่านตาของชายผมหงอกหดตัวลงกะทันหัน และตํานานยุทธคนอื่นๆที่อยู่ตรงนั้นก็สะเทือนใจยิ่งกว่า ต่อหน้าคมมีดที่ตัดผ่าอาณาเขตแห่งความมืด พวกเขาแทบจะล้มลงนั่งกับพื้นด้วยความตกใจ

ในขณะที่ทุกคนกําลังตกใจอยู่นั้น

ด้านในเมืองฉางอัน ไอพลังหลายจุดก็พุ่งออกมาอย่างเต็มที่ ท่ามกลางสายตาที่จ้องมองอย่างเหลือเชื่อของชายผมหงอกและคนอื่นๆ รัศมีพลังสี่ดวงก็พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า และหยุดอยู่ที่ระดับความสูงหนึ่งพันเมตรเหนือเมืองฉางอัน

“นั่นคือบรรพบุรุษชีหยวนงั้นหรือ?”

ชายผมหงอกเงยหน้าขึ้น เพ่งสายตาไปเห็นร่างสี่ร่างยืนอยู่ที่ระดับความสูงพันเมตรเหนือพื้นดิน และหนึ่งในนั้นคือบรรพบุรุษชีหยวน

ในขณะนี้บรรพบุรุษชีหยวนรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง พลังผันผวนแปรปรวน แม้จะยังคงยืนอยู่บนอากาศ แต่ไอพลังเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ฝั่งตรงข้ามที่เผชิญหน้าอยู่กับบรรพบุรุษชีหยวนเป็นชายหนุ่มผู้หนึ่งที่มีปราณชีวิตยืนยาว แม้ว่าชายผมหงอกจะไม่เคยเห็นบุคคลผู้นี้มาก่อน แต่เขาก็เดาได้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือตํานานยุทธเมืองฉางอัน บุคคลผู้แข็งแกร่งที่ทําลายอาณาเขตของบรรพบุรุษชีหยวน

“สามารถปราบปรามบรรพบุรุษชีหยวนได้ เกรงว่าเขาคงจะควบแน่นอาณาเขตได้แล้วเหมือนกัน..”

ชายผมหงอกยืนอยู่กับที่ มองขึ้นไปเห็นร่างของซูฉิน ท่าทางของเขาเหม่อลอย

ทุกวันนี้ยุทธภพในต่างแดนนั้นไม่ต้องกล่าวผู้ที่สามารถควบแน่นอาณาเขตได้ แค่ตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เจ็ดก็แทบจะไม่มีอยู่แล้ว ยกเว้นก็แต่บรรพบุรุษที่หลับใหลในนิกายใหญ่ ส่วนตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ยังคงมีพลังชีวิตเหลืออยู่อีกเยอะนั้นมีไม่มากนัก

“ไม่เลว”

“สามารถทานทนต่อคมมีดของข้าได้และยังไม่ตกตายไป?”

ซูฉินถือคมมีดเทพเจ้าปีศาจไว้ในมือ มองไปที่บรรพบุรุษชีหยวนด้วยความสนใจ จากนั้นจึงพูดออกมาอย่างแผ่วเบา

แม้ว่าชิงชิวชิงหลิงและมังกรปีศาจในวิหารการสงครามจะสามารถป้องกันคมมีดเทพเจ้าปีศาจได้ แต่พวกมันก็ต้องพึ่งพาร่างกายอันทรงพลังของเผ่าพันธุ์สัตว์อสูร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มังกรปีศาจนั้นลําตัวยาวหลายร้อยเมตร และคมมีดเทพเจ้าปีศาจนั้นยาวเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น เชือดเฉือนคู่ต่อสู้ไป แม้ว่าจะทําให้ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้ทําร้ายไปถึงแก่นชีวิต

แต่บรรพบุรุษชีหยวนนั้นต่างออกไป

บรรพบุรุษชีหยวนนั้นเป็นเผ่ามนุษย์ เลือดเนื้อและพลังชีวิตของเขาก็ลดลงมากแล้ว อาศัยทักษะลับเฉพาะตัวจึงรอดมาได้จนป่านนี้ เขาสามารถสกัดกั้นใบมีดของคมมีดเทพเจ้าปีศาจได้ ทําให้ซุฉินต้องมองเขาด้วยความชื่นชม

“แข็งแกร่งนัก…”

ท่าทีของบรรพบุรุษชีหยวนดูสั่นไหว มีดของซูฉินที่ตวัดออกไป เมื่อครู่ได้ทุบทําลายอาณาเขตของเขาตรงๆ และเมื่อเจตจํานงจากมีดกระจัดกระจายออก อํานาจของอาณาเขตก็ย้อนกลับกระแทกเข้าหาตัวเขาเอง

ถ้าไม่ใช่เพราะทักษะร่างปีศาจลวงของบรรพบุรุษชีหยวนที่ทําให้สามารถเปลี่ยนแปลงระหว่างร่างลวงตาและความเป็นจริง เกรงว่ามีดในมือซูฉินคงสังหารเขาจนสิ้นใจไปแล้ว

บรรพบุรุษชีหยวนได้ต่อสู้กับซูฉินด้วยความรวดเร็ว และในตอนนี้เมื่อพวกเขาขึ้นมายืนอยู่เหนือพื้นดินกว่าพันเมตร ทําให้ผู้คนในเมืองฉางอันตกใจเป็นธรรมดา

“นั่นคืออะไร?”

“ พ่อครับ มีคนลอยอยู่บนฟ้า!”

“จะไปมีใครลอยอยู่บนฟ้า? นี่เจ้าไปฝึกวิชามาแล้วโง่ลงรึเปล่า?”

ผู้คนมากมายในเมืองฉางอันแหงนหน้าขึ้นมองบนฟ้า คนส่วนใหญ่นั้นเป็นคนธรรมดา ปกติแล้วพวกเขาไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่เหนือพื้นดินกว่าพันเมตรได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถเห็นได้รางๆ ว่ามีจุดสีดําสี่จุดตั้งอยู่ตรงนั้น มีเสียงลมพัดหวีดหวิวไปมา แต่ทั้งสี่จุดยังคงยืนนิ่ง

“พี่สามลงมือ?”

ทําไมนิกายใหญ่ในต่างแดนจึงสามารถเข้าครอบครองทรัพยากรบ่มเพาะมากมายในดินแดนโพ้นทะเลได้ตามอําเภอใจ? ก็อาศัยการมีอยู่ของบรรพชนเหล่านี้ภายในนิกายมิใช่หรือ?

“ฝ่าบาท รีบรวบรวมคนสําคัญทั้งหมดมาที่นี่ เราต้องรีบหนีออกจากเมืองฉางอันโดยเร็วที่สุด” นักพรตเฒ่ากล่าวออกมาทันทีด้วยท่าทีเคร่งเครียด

“ออกจากเมืองฉางอัน?” สีหน้าของจักรพรรดิถังเปลี่ยนไป

ที่นักพรตเฒ่าพูดออกมาก่อนหน้าเขาฟังได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ประโยคเมื่อครู่นี้ทําให้จักรพรรดิถังตระหนักได้ถึงความจริงจังของเรื่องราวที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม

ในตอนนั้นเอง

ฟูมมม….

บนท้องฟ้าเหนือพื้นดินกว่าพันเมตร บรรพบุรุษชีหยวนก็เริ่มเคลื่อนไหว เขายกมือขวาที่ผอมบางขึ้นมา มันเต็มไปด้วยพลังงานสีดําที่น่าสะพรึงกลัวไหลหลากออกมา พุ่งเข้าหาซูฉิน

ทันใดนั้นอากาศโดยรอบก็กระจายตัวออก เห็นเพียงนิ้วของบรรพบุรุษชีหยวนที่ค่อยๆกดลงช้าๆ

“มันจบแล้ว”

“มันจบสิ้นแล้ว”

เมื่อนักพรตเฒ่าเห็นฉากนี้ มือและเท้าของเขาก็เย็นเยียบ

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่ควบแน่นอาณาเขตได้ถึงสองคนต่อสู้กัน แม้ว่าจะเป็นในต่างดินแดน เหตุการณ์เช่นนี้ก็ยังหาได้ยากยิ่ง หลายร้อยปีอาจจะมีสักครั้ง สําหรับขุมพลังระดับนี้ด้วยการต่อสู้น้ํานั่นเต็มรูปแบบ เพียงแค่การปะทะกันของอาณาเขตก็อาจเปลี่ยนพื้นที่หลายสิบล้ําให้กลายเป็นดินแดนแห่งความตายได้เลย

หากเป็นช่วงก่อนที่บรรพบุรุษชีหยวนและซูฉินจะต่อสู้กัน นักพรตเฒ่าค่อนข้างมั่นใจว่าจะพาจักรพรรดิถังและตระกูลซูฉินออกจากเมืองฉางอันเพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติได้ แต่ในตอนที่การต่อสู้เริ่มรุนแรงขึ้นแล้ว นับประสาอะไรกับการที่นักพรตเฒ่าจะพาผู้คนออกไปด้วย แค่การรักษาตนเองให้รอดไปได้ก็เป็นปัญหายิ่งแล้ว

และในครั้งนี้

ท่ามกลางสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วน แววดูถูกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

“ถ้าเจ้ามีกําลังวังชาเต็มเปี่ยม มีความแข็งแกร่งเหมือนตอนอยู่ในยุครุ่งเรือง ข้าก็พอจะสนใจอยู่ ทว่าตอนนี้…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]