เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 253

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm]

Sign in Buddha’s palm 253

Sign in Buddha’s palm 253 หวาดกลัว

“เซียนเทพปฐพี อา…”

นักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีตกอยู่ในภวังค์

แม้ว่าวิทยายุทธจะรุ่งเรืองในต่างดินแดน ขอบเขตเซียนเทพปฐพีก็ยังนับเป็นตัวตนในตํานานซึ่งไม่ได้พบเห็นกันมาเป็นพันปี นิกายใหญ่หลายแห่งที่สืบทอดต่อมานับพันปีนั้นหลายแห่งก็เป็นนิกายที่เซียนเทพปฐพีเป็นผู้ก่อตั้งเอาไว้

ในขณะที่นิกายเฮยหยวนนั้นไม่เคยมีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้นเลย

มีข้อบกพร่องในวิชาบ่มเพาะของนิกายเฮยหยวน ทําให้ไม่สามารถเปลี่ยนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ แม้แต่ศิษย์อัจฉริยะผู้น่าพึ่งยังติดอยู่ในระดับนภาชั้นที่เก้า แต่ในทางกลับกันมันก็แสดงให้เห็นถึงความยากลําบากในการเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีด้วย

หากต้องการทะลวงขอบเขตเซียนเทพปฐพี ไม่เพียงแต่จะต้องก้าวเข้าสู่ขอบเขตตํานานยุทธระดับนภาชั้นที่เก้า แต่จะต้องควบแน่นอาณาเขตและแปลงจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดด้วย

ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าจะทําตามขั้นตอนเหล่านี้ครบถ้วนหมดแล้ว การที่จะสามารถเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพีได้หรือไม่นั้น ท้ายที่สุดก็เป็นคนละเรื่องกัน มีอัจฉริยะที่มีความสามารถมากจนถึงขนาดไม่มีใครเทียบเทียมได้จํานวนมาก ในหน้าประวัติศาสตร์ของนิกายใหญ่ล้มเหลวในการทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี

และผลที่ตามมาจากความล้มเหลวก็คือการที่พลังชีวิตและเลือดเนื้อเสื่อมถอย จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์เสื่อมสลาย และในที่สุดก็ต้องประกาศตัวว่าจะเข้าสู่การกลับหลับใหล

ความคิดของนักพรตเฒ่าสํานักเอกะวิถีพลันเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ

ถ้าไปคนอื่น นักพรตเฒ่ารู้สึกว่าต่อให้เตรียมพร้อมทุกสิ่งแล้ว ก็ไม่อาจแน่ใจได้ว่าจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีได้สําเร็จ แต่กับซูฉิน…

ตั้งแต่ได้พบกับซูฉิน นักพรตเฒ่าก็ตกตะลึงมานับครั้งไม่ถ้วน ถ้าแม้แต่ซูฉินยังก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีไม่ได้ เกรงว่าผู้ฝึกยุทธบนโลกนี้คงไม่มีใครไปแตะขอบเขตเซียนเทพปฐพีได้อีกแล้ว

ซูฉินเพิกเฉยต่ออาการตกใจของนักพรตเฒ่า หลังจากเขากําชับบางสิ่งบางอย่างเอาไว้เรียบร้อย เขาก็หันหลังเดินจากไปและกลับมาสู่ห้องโถงพระราชวังอันสูงตระหง่านใต้เมืองฉางอัน

“บรรพบุรุษชีหยวนแท้จริงแล้วก็มีเคล็ดลับบางอย่างที่ไม่เลว”

ขณะที่ซูฉินนั่งขัดสมาธิ ความรู้สึกร้อนรนก็ผุดขึ้นในใจ อย่าเห็นเพียงว่าเขาสามารถสังหารบรรพบุรุษชีหยวนได้ง่ายดาย ในความเป็นจริงแล้วเคล็ดวิชาของบรรพบุรุษชีหยวนนั้นแพ้ทางให้เขาอย่างสมบูรณ์

เมฆหมอกสีดําที่รวบรวมมาจากพลังงานความตายอันไร้ที่สิ้นสุด นั้นสามารถระงับยับยั้งตํานานยุทธขั้นสูงสุดส่วนใหญ่บนโลกนี้ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าซูฉินไม่ได้อยู่ในกลุ่มนั้น ด้วยภาพดวงตะวันขนาดมหึมาของซูฉินจึงสามารถยับยั้งพลังชั่วร้ายเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์

ไม่เช่นนั้น หากบรรพบุรุษชีหยวนใช้ไม้ตายอื่น ซูฉินคงไม่สามารถแก้ทางคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายเพียงนี้ อย่างน้อยก็ต้องออกกระบวนท่าอีกสองสามครั้ง

“ข้ายังอ่อนแอเกินไป”

“ยุทธภพต่างแดนนั้นเจริญรุ่งเรืองสืบทอดมรดกมาจากช่วงสุดท้ายของยุคเฟื่องฟูของกระแสปราณฉี จะต้องมีไพ่ลับในมืออีกจํานวนมาก”

หัวใจของซูฉินดําดิ่ง

หากเขาเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี บรรพบุรุษชีหยวนจะไม่สามารถเข้าใกล้เมืองฉางอันได้ เพียงเข้ามาในระยะร้อยล้ํารอบเมืองก็คงถูกอาณาเขตบดขยี้เป็นผุยผงไปแล้ว ทําไมยังจะต้องให้ซูฉินลงมือด้วยตัวเองอีก?

“ข้านั้นมีวิธีการมากมายในมือ แต่จะสามารถใช้พลังที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีแล้วเท่านั้น”

ความคิดของซูฉินผันผวน และตัวเขาก็กระตือรือร้นที่จะก้าวหน้าต่อไปมากขึ้นเรื่อยๆ

ตัวอย่างเช่น ในม้วนบันทึกภาพเทพสงคราม ข้อกําหนดขั้นต่ําคือต้องมีอาณาเขตขนาดใหญ่ และอาณาเขตขนาดใหญ่ก็เป็นสิ่งที่มีเพียงเซียนเทพปฐพีเท่านั้นที่มีได้ เมื่อ เทียบกับเซียนเทพปฐพี ซูฉินมีเพียงอาณาเขตขนาดเล็กที่ครอบคลุมรัศมีหนึ่งร้อยจ้างเท่านั้น ส่วนอาณาเขตขนาดใหญ่สามารถครอบคลุมได้เป็นร้อยลี้ ไม่รู้ว่ามันห่างไกลกันเพียงใด

อีกตัวอย่างหนึ่งก็เช่น ฝ่ามือยูไลที่ว่ากันว่าเป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดที่ตกทอดมาจากองค์ยูไล ปัจจุบันซูฉินมีเพียงรูปแบบแรกที่ได้รับมานั่นคือ “เพียงตัวตถาคตประเสริฐสุด ส่วนอีกแปดรูปแบบที่เหลือซูฉินจําต้องก้าวหน้าต่อไปเพื่อรับมันมาเพิ่มทีละอัน

นอกจากนี้ยังมีแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาจากภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ภาพดวงตะวันฯ ของซูฉินยังเพิ่งถึงขั้นเริ่มต้นเท่านั้น แต่กระนั้นมันก็ช่วยซูฉินได้มากทีเดียว ตอนที่แผดเผาบรรพบุรุษชีหยวน มันแฝงกลิ่นอายของอีกาทองคําสามขาลงไปด้วย มิฉะนั้นหากเป็นเพียงเพลิงศักดิ์สิทธิ์เก้าสุริยัน มันจะคุกคามตัวตนที่อยู่ในจุดสูงสุดผู้นั้นได้เช่นไร?

ภาพดวงตะวันขนาดมหึมานั้นไม่แพ้ใครหน้าไหนแน่นอน แต่ด้วย “ความร่ํารวย” ในปัจจุบันของซูฉิน นับประสาอะไรกับการฝึกฝนจนสําเร็จวิชา แม้จะเป็นความสําเร็จเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถทําได้ในเวลาอันสั้น

“เตรียมทะลวงนภาชั้นที่เก้าเถอะ”

“ตราบใดที่ข้าเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่เก้า ข้าจะสามารถเปลี่ยนจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกกําเนิดได้ด้วยโอสถจิตวิญญาณแรกกําเนิด จากนั้นข้าจะสามารถไปยังขอบเขตที่สูงขึ้นได้ในเวลาอันสั้น”

ซูฉินมั่นใจอย่างยิ่ง เขาค่อยๆหลับตาลง แก่นแท้แห่งพลังภายในกายเริ่มหมุนวนโคจรและเดือดพล่าน

ในขณะเดียวกันโอสถศักดิ์สิทธิ์และหยดน้ําจิตวิญญาณจํานวนมากก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูฉิน ซึ่งพวกมันสามารถส่งเสริมการบ่มเพาะให้กับตํานานยุทธขั้นสูงสุด แม้แต่ในต่างดินแดนเอง พวกมันก็หาได้ยากมาก และบางชิ้นยังหายสาบสูญไปแล้วด้วยซ้ํา

แต่ในขณะนี้ โอสถศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ได้ถูกวางกองรวมกันไว้ตรงหน้าของซูฉินเหมือนกองผลึกน้ําตาล ให้ซูฉินหยิบฉวยขึ้นกัดกินได้ตามต้องการ

เมื่อซูฉินบิดด่านฝึกตนอีกครั้ง พร้อมจะเข้าสู่ขอบเขตตํานา

ในป่าไผ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฉางอันไปหลายร้อยลี้ มีร่างสามร่างยืนอยู่อย่างเงียบๆ

เป็นอีกครั้งแล้วที่มีตํานานยุทธมายังดินแดนแห่งนี้ และจะเห็นได้ว่ากลิ่นอายของทั้งสามร่างนี้ช่างน่ากลัวยิ่ง สูงส่งราวกับฟ้าดิน พวกเขาทั้งสามคนเป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุด

อย่างไรก็ตาม

ในตอนนี้ทั้งสามตํานานยุทธขั้นสูงสุดซึ่งมีอํานาจควบคุมทุกสิ่งพากันหลั่งเหงื่อเย็นเยียบไหลย้อยมาตามหน้าผาก

“บรรพบุรุษชีหยวนตายแล้วจริงๆหรือนี่?”

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดที่อยู่ด้านซ้ายมือมีใบหน้าบิดเบี้ยวน่าเกลียด

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดทั้งสามนั้นต่างก็เป็นบรรพบุรุษจากนิกายใหญ่ดินแดนโพ้นทะเล

เนื่องจากบรรพชนทั้งสามจากนิกายเฮยหยวน ตําหนักเทพเจ้ามะ และพรรคหมื่นดาบได้ตื่นขึ้นจากหลับใหลและเรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วโลกพร้อมกับข่าวของแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ พวกเขาซึ่งเป็นบรรพชนนิกายใหญ่ย่อมต้องการที่จะต่อสู้เพื่อครอบครองพื้นที่ในแผ่นดินแห่งนี้เป็นธรรมดา เขาต้องต่อสู้แย่งชิงพื้นที่บางส่วนสําหรับนิกายของพวกเขา ดังนั้นจึงตื่นขึ้นมารวมตัวกันเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่โลกอันยิ่งใหญ่กําลังจะมาถึง

ในตอนแรก ตํานานยุทธขั้นสูงสุดทั้งสามนั้นเพิ่งมาถึงและกําลังเฝ้ารอดูสิ่งต่างๆ พวกเขาไม่ต้องการจะแข็งขันกับบรรพบุรุษชีหยวนรวมถึงคนอื่นๆ

สุดท้ายแล้วบรรพบุรุษชีหยวนก็เป็นตํานานยุทธขั้นสูงสุดมานานกว่าพันปีทั้งยังควบแน่นอาณาเขตได้แล้วด้วย ความแข็งแกร่งย่อมมากกว่าพวกตน แม้จะมีการต่อสู้เกิดขึ้น พวกเขาก็ไม่สามารถยื้อแย่งแขjงขันได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]