เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 256

สรุปบท ตอนที่ 256.2เข้าสู่ระบบที่เบื้องลึกปล่องภูเขาไฟ: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 256.2เข้าสู่ระบบที่เบื้องลึกปล่องภูเขาไฟ – เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet

บท ตอนที่ 256.2เข้าสู่ระบบที่เบื้องลึกปล่องภูเขาไฟ ของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] ในหมวดนิยายAction เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

Sign in Buddha’s palm 256 (II) เข้าสู่ระบบที่เบื้องลึกปล่องภูเขาไฟ

“หากแม้ว่าข้าเดาผิดพลาดไป มันก็ไม่ใช่การเดินทางที่เสียเปล่าไปซะทีเดียว”

เพียงความคิดวูบเดียว ซูฉินก็นําโอสถจิตวิญญาณเหล่านั้นขึ้นมาใบหน้าของเขาดูค่อนข้างพึงพอใจ

โอสถจิตวิญญาณธาตุไฟเหล่านี้ไม่รู้ว่าก่อร่างสร้างตนมานานกี่ปีมันมีพลังงานธาตุไฟเป็นจํานวนมาก และเป็นทรัพยากรที่ดีอย่างยิ่งสําหรับการฝึกฝนวิชาภาพดวงตะวันฯ

“เอาล่ะ”

“ต่อจากนี้ ข้าก็แค่ต้องรอจนกว่าจะถึงวันถัดไป เพื่อยืนยันการคาดเดาของข้า” ใบหน้าของซูฉินดูเคร่งขรึมเขาเลือกที่จะรออยู่ที่นี่

เหตุผลที่ซุฉินลงเข้ามาลึกถึงภายในนี้ แน่นอนว่าเขามาตรวจสอบว่าภายในภูเขาไฟนั้นสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้หรือไม่

ถ้าเขาสามารถลงชื่อเข้าใช้ได้ ซูฉินก็ไม่จําเป็นต้องวิ่งวุ่นเสาะหาอีกต่อไป สุดท้ายแล้วนี่ก็คือโลกถ้ําปิศาจ หาใช่โลกมนุษย์ไม่ บนพื้นผิวโลกซูฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งขั้นสูงสุด แม้จะมีนิกายใหญ่ใน ต่างแดนอยู่แต่ก็ไม่มีใครที่แข็งแกร่งในระดับเซียนเทพปฐพี

แต่สําหรับโลกถ้ําปิศาจ..

เทพเจ้าปีศาจในส่วนลึกของโลกนี้ ตามที่ซูฉินจะสัมผัสได้ก็นับเป็นขุมพลังที่มีความสามารถในการต่อสู้ทรงพลังสูงสุด

และแม้จะไม่นับตัวตนอย่างเทพเจ้าปีศาจ โลกถ้ําปิศาจก็ยังมีราชาปีศาจอาศัยอยู่มากมาย แค่เพียงดินแดนโม่ฮวาอย่างเดียวก็เพียงพอจะบดขยีโลกมนุษย์ในปัจจุบันจนสิ้นแล้ว

ถ้าซูฉินยังคงเที่ยวตระเวนไปทั่วโลกถ้ําปีศาจ สภาพจะไม่น่าสังเวชหรอกหรือเมื่อไปยั่วยุปีศาจเก่าแก่บางตนที่ปลีกวิเวกออกจากสังเคมไปแล้ว?

แม้ว่าซูฉินในโลกถ้ําปิศาจจะเป็นเพียงร่างจําแลง แต่ก็กินพลังจิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และจิตวิญญาณของซูฉินไปเกือบครึ่งหากสูญเสียไปย่อมต้องปวดใจอย่างแน่นอน

ดังนั้นภายในโลกถ้ําปีศาจซูฉินจึงพยายามทําตนให้ต่ําต้อยเข้าไว้ เว้นเสียแต่ว่าหมดหนทางจริงๆเขาจึงจะต้องเที่ยวตระเวนไปเรื่อย

เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป

หนึ่งวันผ่านไปในพริบตา

ในส่วนลึกของภูเขาไฟใต้เมืองอินจี้

ซูฉันค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น มองไปรอบๆ ตัว

“ใกล้แล้ว”

“โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ของวันนี้กําลังจะเริ่มนับใหม่อีกครั้ง”

ซูฉินสงบใจลง พูดอยู่คนเดียวเงียบๆ “ระบบ ลงชื่อเข้าใช้

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สําเร็จ ได้รับ โอสถปีศาจเพลิง”*100]

เสียงจักรกลดังขึ้นในหูของซูฉิน

“โอสถปีศาจเพลิง?”

ซูฉันอดไม่ได้ที่จะจ้องเขม็งไปที่มัน

เม็ดโอสถปีศาจเพลิงที่เขาได้รับ นั้นแทบจะไม่ต่างไปจากโอสถปีศาจเพลิงสีชาด การลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ทําให้ซูฉินได้รับโอสถปีศาจเพลิงมาเป็นร้อยเม็ด

รู้หรือไม่ตลอดการลงชื่อเข้าใช้ของซูฉินในเมืองอินจี้ แม้ว่าเขาจะได้รับสมบัติอื่นๆ บ้างเป็นครั้งคราว แต่สําหรับโอสถปีศาจธาตุไฟโดยเฉลี่ยแล้วการลงชื่อเข้าใช้หนึ่งครั้งจะได้รับมาเพียงแค่ห้าถึงแปดเม็ดเท่านั้น

แต่ยามนี้?

ในการลงชื่อเข้าใช้เพียงครั้งเดียว ซูฉินก็ได้รับโอสถปีศาจเพลิงมากว่าหนึ่งร้อยเม็ด มากกว่าการลงชื่อเข้าใช้ในเมืองอินจี้เป็นสิบเท่า

“นี่เป็นเพียงการลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรก ยังได้รับรางวัลขนาดนี้หากยังลงชื่อเข้าใช้ต่อไป ย่อมคุ้มค่ายิ่งแล้ว”

หัวใจของซูฉินร้อนผ่าว

แผ่นหินภาพดวงตะวันฯ รูปแรกของภาพสิบสองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์พลังของมันช่างน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจจะจินตนาการได้ และเมื่อ ฝึกฝนมันแล้วสามารถเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งได้อย่างแท้จริง

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือมันใช้ทรัพยากรมากเกินไป

แต่ตอนนี้ ซูฉินมีความรู้สึกว่า บางที่ความสําเร็จเล็กๆ ในวิชาภาพดวงตะวันขนาดมหึมาอาจจะไม่ได้รอนานอย่างที่คิด?

“หลังจากที่เมืองอินจี้หมดความสามารถในการลงชื่อเข้าใช้อย่างสมบูรณ์ สถานที่นี้เหมาะที่จะเป็นสถานที่สําหรับการลงชื่อเข้าใช้ต่อไปในระยะยาว”

ซูฉินตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

อาณาจักรถัง

กระแสปราณฉียังคงฟื้นตัวต่อไปอย่างไม่เอ้อระเหย สภาพแวดล้อมบนโลกกลายเป็นเรื่องง่ายที่จะฝึกฝนบ่มเพาะวิทยายุทธ เดิมที่ขอบเขตสามระดับบนก็เพียงพอแล้วที่จะควบคุมเหนือจรดใต้แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในเขตชุมชนเล็กๆ บางทีก็อาจจะมีจอมยุทธที่อยู่ในขอบเขตสามระดับบนให้ได้เห็นกันอยู่บ้าง

และในขณะที่อาณาจักรถังกําลังเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆ ขึ้นไปนั้น

พระหนุ่มคนหนึ่งก็ได้เดินทางจากทะเลทรายทิศตะวันตกเข้าสู่อาณาจักรถัง พระหนุ่มผู้นี้ดูติดดินยิ่ง เดินผ่านแม่น้ําและภูเขาน้อยใหญ่เหมือนกําลังมองหาอะไรบางอย่าง

ถ้าไม่ใช่เพราะมียอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งฝ่ายอธรรมเข้าไปยั่วยุพระหนุ่มผู้นี้จนโดนตบตาย ก็เกรงว่าจะไม่มีใครทราบว่ามีบุคคลที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ในอาณาจักรถัง

ในเวลานี้ เจ้าอาวาสอารามวัชระตั้งข้อสงสัยขึ้นมา “พระคุณเจ้าเป็นผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลินอย่างนั้นหรือ?”

“วัดเส้าหลิน?”

บรรพชนเก้าผงะไปครู่หนึ่ง ส่ายหัวแล้วกล่าวออกไปว่า “ข้าไม่ได้มาจากวัดเส้าหลิน”

“เจ้าหมายความว่ามีอรหันต์อยู่ในวัดเส้าหลินอย่างนั้นหรือ?” บรรพชนเก้าแสดงความสนใจออกทางสีหน้า ราวกับเขากําลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่

“มิผิด ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินเป็นตัวตนทรงพลังอํานาจเทียบเคียงได้กับตํานานยุทธเมืองฉางอัน และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในยุทธภพอีกผู้หนึ่ง”

เมื่อเจ้าอาวาสอารามวัชระเห็นบรรพชนเก้าปฏิเสธ เขาก็รีบกล่าวต่อไปตามจริงทันที

“โอ้”

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

บรรพชนเก้าขมวดคิ้วมั่น “ตํานานยุทธขั้นสูงสุดแห่งเมืองฉางอันนับเป็นตัวตนที่ผิดปกติ เป็นไปได้หรือที่มีความผิดปกตินี้มากกว่าหนึ่งคน?”

แม้ว่าบรรพชนเก้าพูดออกไปเช่นนั้น แต่ตัวเขากลับไม่อยากจะเชื่อเลย

ตํานานยุทธขั้นสูงสุดนั้นหาได้ยากยิ่ง แม้แต่ในยุทธภพต่างแดนที่วิทยายุทธรุ่งเรืองก็ยังมีโอกาสน้อยนักที่จะเกิดขึ้นมาในยุคเดียวกัน

แต่แรกการที่ตํานานยุทธขั้นสูงสุดแห่งเมืองฉางอันสามารถสังหารบรรพบุรุษชีหยวนได้ก็น่าเหลือเชื่อพอแล้ว

แต่เมื่อฟังคําจากปากของเจ้าอาวาสอารามวัชระ กลับมีบุคคลผู้แข็งแกร่งเช่นเดียวกับตํานานยุทธเมืองฉางอันมากกว่าหนึ่งคน?

นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?

เป็นเวลาเพียงแค่สิบกว่าปีเท่านั้นที่กระแสปราณฟื้นคืนดังนั้นจะมีตํานานยุทธขั้นสูงสุดถึงสองคนบังเกิดขึ้นในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้เช่นไร?

“อาตมาไม่รู้ว่าผู้ใดแข็งแกร่งกว่ากัน ระหว่างตํานานยุทธเมืองฉางอันหรืออรหันต์แห่งวัดเส้าหลิน” เจ้าอาวาสอารามวัชระก้ม หน้าลงครุ่นคิดไม่กล้าสรุปความ

เมื่อบรรพชนเก้าได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็ค่อยๆ คลายออกในความเห็นของเขาเห็นได้ชัดว่าเจ้าอารามวัชระนั้นบอกข้อมูลมาผิดอันที่จริงความแข็งแกร่งของอรหันต์จากวัดเส้าหลินไม่น่าจะ แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น

“แต่ผู้ทรงสมณศักดิ์แห่งวัดเส้าหลินเคยขึ้นไปบนยอดเขาคุนหลุนและสังหารผู้ที่คอยปกป้องวิหารการสงครามเอาไว้อย่างมังกร ปีศาจ”

เจ้าอาวาสอารามวัชระมองไปที่บรรพชนเก้าอย่างระมัดระวัง

ตอนแรกสีหน้าของบรรพชนเก้านั้นสงบนิ่ง แต่เมื่อได้ยินคําสามคําที่ว่าวิหารการสงคราม ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเล็กน้อยจากนั้นเขาก็ได้ยินว่ามังกรปีศาจถูกสังหารโดยอรหันต์จากวัดเส้าหลินใบหน้าของเขาก็แข็งค้างไปในทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]