เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 260

สรุปบท ตอนที่ 260.2 (ll) ฝนในฤดูใบไม้ผลิ: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

ตอนที่ 260.2 (ll) ฝนในฤดูใบไม้ผลิ – ตอนที่ต้องอ่านของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]

ตอนนี้ของ เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายActionทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 260.2 (ll) ฝนในฤดูใบไม้ผลิ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เข้าสู่ระบบ “ฝ่ามือยูไล [Sign in Buddha’s palm]

Sign in Buddha’s palm 260 (II)

Sign in Buddha’s palm 260 (II) ฝนในฤดูใบไม้ผลิ

“เจ้าอาวาส”

หัวหน้าลานโพธิ์เดินไปหาเจ้าอาวาสอุ่ยเหวินอย่างรวดเร็ว และพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ศิษย์ที่หมดสติไปอยู่ในสภาวะที่แปลกมาก ดูเหมือนว่าจะเกิดอาการธาตุไฟเข้าแทรกเสียแล้ว”

คำที่กล่าวออกมา

ท่าทีของเจ้าอาวาสอุ่ยเหวินก็เปลี่ยนไป

เจ้าอาวาสขี่ยเหวินจะไม่เข้าใจความหมายของสิ่งนี้ได้อย่างไร กว่าหลายสิบปีที่แล้ว เพราะกระหายที่จะประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เขาเกือบจะสร้างปัญหาเข้าแล้ว หากไม่ใช่ว่าซูฉินได้ยื่นมือเข้าช่วยไว้ได้ทันเวลา เกรงว่าจะไม่มีเจ้าอาวาสฮ่ยเหวินอีกต่อไป

“มีปัญหาแล้ว”

เจ้าอาวาสฮียเหวินเข้าใจถ่องแท้ถึงอันตรายที่ซ่อนอยู่ แม้ว่าพวกเขาจะสามารถรอดชีวิตได้โดยบังเอิญจริงๆ พวกเขาก็จะกลายเป็นบุคคลไร้ค่าไปในทันที

ในขณะที่เจ้าอาวาสขี่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักกำลังจินตนาการภาพเลวร้าย ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อดี

ซูฉินก็ก้าวออกไปโดยไม่รีบร้อน

ศิษย์วัดเส้าหลินเหล่านี้ถือเป็นชนรุ่นหลังของซูฉิน และเป็นธรรมดาที่ฉันจะไม่ปล่อยให้ตกตาย

จิตของซูฉินเคลื่อนไหว หยดน้ำจิตวิญญาณกำเนิดพฤกษาหนึ่งหยดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าซูฉิน

หยดน้ำจิตวิญญาณกำเนิดพฤกษานี้ได้มาจากการลงชื่อเข้าใช้ในช่วงยี่สิบสามสิบปีที่ผ่านมาพวกมันเหลืออีกไม่กี่ชั่งเท่านั้น ภายในเต็มไปด้วยพลังอันมากล้น

“กระจายออกไป!”

ซูฉินเบาเบาๆ

ทันใดนั้นจิตวิญญาณกำเนิดพฤกษาที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็กลายเป็นหมอกหนาฟังเต็มไปหมดค่อยๆ ลอยขึ้นไปรวมกับหมู่เมฆฟูวว

เห็นหมอกและก้อนเมฆเริ่มบรรจบกัน และแล้วฝนก็เริ่มลงเม็ด เป็นฝนโปรยปรายลงมาดั่งฝนในฤดูใบไม้ผลิ

ทุกที่ที่สายฝนฤดูใบไม้ผลินี้พัดพาไป ทุกสิ่งก็ดูเหมือนจะฟื้นคืนและเต็มไปด้วยพลัง ศิษย์วัดเส้าหลินหลายคนที่หมดสติไป ก็รู้สึกได้ถึงกระแสความอบอุ่นไหลเวียนอยู่ในกายยามเมื่อหยาดฝนนับร้อยๆ หยดโปรยลงมาตามแขนขา

“ข้า ข้าไม่ได้เป็นอะไรหรอกหรือ?”

ศิษย์วัดเส้าหลินที่เพิ่งกราบเข้ามาเป็นศิษย์ ไม่ได้เป็นแม้แต่ผู้ฝึกยุทธด้วยซ้ำ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยอาการมึนงง เขามองไปที่มือของตนเองและรู้สึกว่ามันอยู่ในสภาพที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งยังรู้สึกได้ถึงกำลังภายในเส้นเล็กๆ ที่อยู่ภายในร่างกาย

ไม่ใช่เพียงแค่ศิษย์วัดเส้าหลินคนนี้เท่านั้น แต่ศิษย์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเม็ดฝนฤดูใบไม้ผลิต่างก็ฟื้นจากอาการหมดสติ ไม่เพียงแต่กำจัดอาการธาตุไฟเข้าแทรก แต่ยิ่งเพิ่มพูนระดับการฝึกฝนของพวกเขาอีกด้วย

เจ้าอาวาสขี่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักมองดูทุกสิ่งนี้ด้วยความประหลาดใจราวกับเห็นปาฏิหารย์ ต้องเข้าใจว่าอาการธาตุไฟเข้าแทรกนั้นซับซ้อนมาก ทุกคนล้วนมีอาการที่ต่างกัน หากต้องการช่วยก็ต้องดูเป็นรายๆ ไป วิเคราะห์สาเหตุ และจะรักษาได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับโชค

แต่ตอนนี้?

เพียงฝนโปรยปรายที่ร่วงหล่นลงมา เป็นดั่งของขวัญจากฟ้า ศิษย์ของวัดเส้าหลินที่มีอาการธาตุไฟเข้าแทรกกลับยืนขึ้นมาได้อีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นราวกับอยู่ในตำนานเรื่องเล่าสักเรื่องหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น

“ขอบคุณผู้ทรงสมณศักดิ์อย่างยิ่ง”

เจ้าอาวาสคารวะให้กับซูฉินอีกครั้ง

จนถึงตอนนี้เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือของซูฉิน?

“ขอบคุณผู้ทรงสมณศักดิ์อย่างยิ่ง” ศิษย์วัดเส้าหลินที่ตื่นจากอาการหมดสติจำนวนมากต่างคารวะให้กับซูฉินด้วยความสำนึกอย่างสูง

ซูฉินไม่ได้เปิดปากกล่าวคำ ไม่มีคำพูดใดออกไป

หยดน้ำจิตวิญญาณกำเนิดพฤกษาหนึ่งหยดมีพลังมากพอที่จะทำให้ตำนานยุทธอิจฉาตาร้อนและการช่วยเหลือศิษย์วัดเส้าหลินในครั้งนี้ก็ง่ายดายพอๆ กับการกินดื่ม

ว่ากันว่าเคล็ดท่าเท้าหลบหนีศักดิ์สิทธิ์เป็นเคล็ดวิชาของยอดอรหันต์แห่งวิหารหมื่นพุทธ ซึ่งพัฒนามาจากทิพยอำนาจสายพุทธ แม้ว่าจะด้อยกว่าทิพยอำนาจมาก แต่ก็เป็นเคล็ดวิชาท่าเท้าที่หาได้ยากยิ่ง

“น่าเสียดายที่สิ่งที่ต้องสูญเสียไปจากการใช้เคล็ดท่าเท้าหลบหนีศักดิ์สิทธิ์นั้นแพงจนเกินไป”

บรรพชนเก้าถอนหายใจแผ่วเบา ในเวลาเพียงชั่วครู่เดียวแก่นแท้ภายในกายก็แทบจะสูญเสียไปจนหมด

เหตุผลที่บรรพชนเก้าหยุดอยู่ที่นี่ก็เพื่อสังเกตว่าซูฉินติดตามมาหรือไม่ และอีกเหตุผลก็เพื่อใช้โอกาสนี้กู้คืนแก่นแท้แห่งพลังที่สูญเสียไปกลับคืนมา

“ดูเหมือนว่าผู้ทรงสมณศักดิ์วัดเส้าหลินจะไม่ไล่ตามมา” บรรพชนเก้ารอสักครู่ แต่หลังจากที่ไม่พบไอพลังของซูฉิน เขาก็โล่งใจเล็กน้อย

ถ้าซูฉินไม่ยอมแพ้ในการติดตาม บรรพชนเก้าคงไม่กล้ากลับไปที่วิหารหมื่นพุทธเป็นแน่

ไม่แน่ใจว่าบรรพชนหกและบรรพชนเจ็ดมาถึงแล้วหรือยัง หากฉันรู้ที่ตั้งของวิหารหมื่น พุทธมันจะยิ่งแย่ไปกว่านี้

จากนั้น

บรรพชนเก้าไม่กล้าที่จะอยู่ในอาณาจักรถังเป็นเวลานาน จึงรีบกลับไปยังส่วนลึกของทะเลทรายตะวันตก

แต่ในช่วงระหว่างทางนี้ บรรพชนเก้าก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สิ่งสิ้นเปลืองกำลังอย่างท่าเท้าหลบหนีศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ยืนยันได้ว่าซูฉินไม่ได้ตามมา บรรพชนเก้าก็ผ่อนคลายขึ้นมากและกลับไปยังวิหารหมื่นพุทธอย่างช้าๆ

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน

บรรพชนเก้าก็มาถึงทะเลทรายตะวันตก

เขามองไปที่วิหารหมื่นพุทธในส่วนลึกของทะเลทรายตะวันตก ความสุขสาดประกายออกมาทางสีหน้า

“บรรพชนหกและบรรพชนเจ็ดมาถึงแล้ว?” บรรพชนเก้ากระซิบกับตนเอง แล้วก้าวเท้าไปยังวิหารหมื่นพุทธ

[1] ฝนในฤดูใบไม้ผลิ การที่ฝนตกในฤดูใบไม้ผลิแปลว่าหลังจากนั้นอากาศที่หนาวเหน็บจะค่อยๆ อุ่นขึ้น จึงน่าจะเปรียบเป็นของขวัญจากฟ้าที่มีให้แก่ผู้คนทั้งหลาย หรือไม่ก็เป็นน้ำฝนที่อุดมไปด้วยพลังชีวิต ความมีชีวิตชีวาต่างๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]