Sign in Buddha’s palm 261 (1) เฉินกวนพระผู้ต่ําต้อย มานมัสการวิหาร
วัดเส้าหลิน
ซูฉินได้กระจายหยดน้ําจิตวิญญาณพฤกษาหนึ่งหยดออกเป็นล้านๆ ส่วน ละลายเข้าไปในเม ฆหมอก และแทรกซึมเข้าไปในตัวของเหล่าศิษย์วัดเส้าหลินในรูปของฝนโปรยปราย
แม้ว่าพลังชีวิตในหยดน้ําจิตวิญญาณกําเนิดพฤกษาจะมีคุณค่าเล็กน้อยในสายตาของซูฉิน แต่ในมุมของศิษย์วัดเส้าหลินเหล่านี้มันไม่ต่างไปจากน้ําอมฤต ศิษย์ทุกคนที่ได้อาบน้ําฝนแห่งชีวิต ล้วนเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาและรู้สึกได้ถึงพลังฉีอันนับไม่ถ้วน
ในเวลาต่อมา ซูฉินก็เพิกเฉยต่อการกราบไหว้เคารพของเหล่าศิษย์สาวก และมองดูค่ายกลฟ้า ดินขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบพื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังแทน
ค่ายกลฟ้าดินเหล่านี้ถูกจัดเรียงไว้ในยามที่ซูฉินอยู่ในระดับนภาชั้นที่สาม และตอนนี้ถูกทํา ลายลงแล้วโดยบรรพชนเก้า แม้จะยังคงมีผลในการรวบรวมพลังฟ้าดินแต่ก็ไม่ดีเหมือนเก่าก่อน
“จัดตั้งขึ้นใหม่อีกรอบแล้วกัน”
ซูฉินแตะปลายคางและตัดสินใจ
นับตั้งแต่ออกจากวัดเส้าหลินไป เขาก็ได้รับผังค่ายกลฟ้าดินมากมายหลายร้อยหลายพันแบบ จากการลงชื่อเข้าใช้ และความเข้าใจของซูฉินเกี่ยวกับค่ายกลนับร้อยนับพันเหล่า นั้นก็พัฒนาจนสมบูรณ์ และบรรลุผลลัพธ์ชั่วชีวิตของคนสองสามชั่วชีวิตคนเลยทีเดียว
ช่วงเวลาต่อมา
ซูฉินยกมือขวาขึ้นมา และจุดแสงนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นทันที พื้นที่หวงห้ามภูเขาด้านหลังของ วัดเส้าหลินก็ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกอีกครั้ง
“จัดตั้งค่ายกลใหม่เพิ่มเข้าไปเก้าแห่งเรียบร้อย
ค่ายกลฟ้าดินทั้งเก้านี้ แม้ว่าซูฉินจะไม่ได้จัดตั้งอย่างพิถีพิถันมากนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งใน ระดับปัจจุบันของเขา หากบรรพชนเก้าต้องการทําลายค่ายกลอีกครั้งเกรงว่ามันจะไม่ง่ายดายนัก
อาจจะไม่ถึงขั้นที่ปิดกั้นบรรพชนเก้าได้อย่างสมบูรณ์ แต่อย่างน้อยก็กักตัวบรรพชนเก้าไว้ได้ อย่างน้อยครึ่งวัน
ด้วยความเร็วของซฉิน ครึ่งค่อนวันก็เพียงพอแล้วที่จะวิ่งวนทั่วทั้งทวีปได้สองสามรอบ
เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป
หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งวัน
ซูฉินเงยหน้าขึ้นและมองไปยังทิศทางของทะเลทรายตะวันตก คิดสงสัยอยู่กับตนเอง “ไม่ ขยับไปไหนแล้ว ไปถึงวิหารหมื่นพุทธแล้วอย่างนั้นรึ?”
เกือบตลอดทั้งวัน ซูฉินไม่เพียงแต่รักษาศิษย์วัดเส้าหลิน จัดตั้งค่ายกลเสียใหม่ แต่ยังคงแบ่ง ความสนใจไปกับสถานที่ที่บรรพชนเก้าเดินทางไปด้วย
ด้วยดวงตาแห่งสัจจะและวิชาปราณฉีฟ้ากําหนด หลังจากที่บรรพชนเก้าออกจากวัดเส้าหลิน ทุกๆ สถานที่ที่เขาไปก็อยู่ภายใต้การตรวจสอบของซูฉินทั้งหมด
แต่ตอนนี้ซูฉันค้นพบว่าบรรพชนเก้าอยู่ที่เดิมมานานกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว
เห็นได้ชัดว่ามีเพียงวิหารหมื่นพุทธเท่านั้นที่บรรพชนเก้าจะอยู่ได้นานขนาดนี้
“ได้เวลาไปทะเลทรายตะวันตกแล้ว”
ซูฉันคิดตัดสินใจ เขาหันหน้าไปมองเจ้าอาวาสอุ่ยเหวินและหัวหน้าตําหนักที่ยืนอยู่ด้านข้าง ค่อยๆ พูดอย่างใจเย็น “ข้าจะไปยังทะเลทรายตะวันตก”
“ทะเลทรายตะวันตก?”
เจ้าอาวาสชุ่ยเหวินและหัวหน้าตําหนักต่างมองหน้ากัน สุดท้ายจึงเอ่ยปากถามอย่างระมัดระ วัง “ท่านผู้ทรงสมณศักดิ์จะไปทําสิ่งใดในทะเลทรายตะวันตก?”
“ไปวิหารหมื่นพุทธ…”
ซูฉินก้าวเท้าไปข้างหน้า และหายตัวไปจากวัดเส้าหลิน
เจ้าอาวาสชุ่ยเหวินและหัวหน้าตําหนักพยายามนึกว่าซูฉินจะพูดอะไรต่อ “ข้าต้องการคําอธิ บาย….”
ส่วนลึกของทะเลทรายตะวันตก
ภายในวิหารหมื่นพุทธ
ร่างสามร่างนั่งขัดสมาธิทํามุมกันเป็นสามเหลี่ยมอยู่ในห้องโถงใหญ่ ลมหายใจของพวกเขาลึก ซึ้งและทรงพลังอย่างยิ่ง
ที่มุมซ้ายสุดของห้องโถง บรรพชนเก้าอยู่ในมุมปลายแหลมระหว่างสองร่างที่เหลือ แล้วกล่า วอย่างเคร่งขรึมว่า
“บรรพชนหก บรรพชนเจ็ด ก็เป็นตามที่ข้ากล่าวไปเมื่อครู่”
“แผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่แห่งนี้อันตรายจริงๆ ไม่เพียงแต่ตํานานยุทธเมืองฉางอันที่สา มารถเอาชนะตํานานยุทธขั้นสูงสุดอย่างบรรพบุรุษชีหยวนได้เท่านั้น ผู้ทรงสมณศักดิ์จากวัดเส้าหลิ นก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากันมากนัก…”
ตั้งแต่ที่บรรพชนเก้ากลับมา เขาก็ได้พบบรรพชนหกและบรรพชนเจ็ดจากวิหารหมื่นพุทธที่รีบ เดินทางมาจากต่างแดน จากนั้นจึงเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่ได้ประสบมาในวัดเส้าหลินให้ฟัง
“แผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ นี้ค่อนข้างน่าสนใจ”
“กระแสปราณฉีเสื่อมโทรมมานานหลายต่อหลายปีแล้ว ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผลที่ จะให้กําเนิดผู้ที่แข็งแกร่งเช่นนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]