Sign in Buddha’s palm 265 น้อมสักการะผู้เป็นใหญ่ในโลก
ที่หน้าวิหารหมื่นพุทธ
ฝ่ามือยูไลสีทองอร่ามปกคลุมฟ้าดิน แสงสว่างพุทธคุณส่องขจรขจาย สว่างไสวไปทั่วทุกทิศ
ในขณะที่ซูฉินได้ใช้ฝ่ามือยไลรูปแบบแรก จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็พุ่ง สูงขึ้นเป็นอนันต์ประหนึ่งว่าหลอมรวมเข้ากับองค์ยูไลทองคําที่ชี้มือขึ้นฟ้า อีกมือเอื้อมลงพื้นพสุธา
“ความรู้สึกนี้?”
ซูฉินได้ยินเสียงดังมาจากส่วนลึกระหว่างคิ้ว องค์ยูไลทองคําเป็ นสัญลักษณ์สื่อถึงมรดกฝามือยไลเก้ารูปแบบและความหมายจริงแท้แห่งต ถาคตจู่ๆความรู้มากมายก็หลั่งไหลเข้ามาในจิตใจ ในตอนนี้ซูฉินดูเหมือน เป็นร่างประทับขององค์ยูไลอย่างแท้จริง
“นี่คือฝามีอยู่ไล?”
ซูฉันรู้สึกมีนหัวเล็กน้อย พลังฝ่ามีอยู่ไลนั้นวิ่งวนอยู่ในฝ่ามือ รู้สึกได้ว่าท กสิ่งบนโลกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ราวกับพื้นที่มิติจะต้องแตกเป็น เสี่ยงๆเมื่อฝ่ามือผ่านไป
แน่นอนว่าซูฉินรู้ดีว่านั้นเป็นเพียงภาพลวงตา พื้นที่มิติมีอยู่ทุกหนแห่ง พวกมันมั่นคงเพียงใด? แม้ว่าจะเป็นเซียนเทพปฐพีก็ไม่สามารถจะทําลายมิติ ได้แล้วเขาจะเอาอะไรมาทําได้?
ฝ่ามือยไลนั้นทรงพลัง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของซูฉินเองด้วย หากซูฉินแข็งแกร่งฝ่ามีอยู่ไลก็จะแข็งแกร่งเช่นกัน
นิยาย เรื่องนี้อัพเดตก่อนที่อื่น เว็ปแรกที่ลง novelza.com
ในทางตรงกันข้าม หากความแข็งแกร่งของซูฉินอ่อนแอลงกว่านี้ แม้ว่า เขาจะเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาได้เปรียบอย่างฝ่ามือยูไล เขาก็ไม่สามารถแสดง พลังของมันได้มากนัก
“ถ้าฝ่ามือถูกปล่อยออกไปจริงๆ ข้าเกรงว่าแม้แต่เซียนเทพปฐพี ก็ยังต้องล่าถอยกลับไปเป็นพันลี้มิใช่หรือ?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเผชิญหน้ากับเซียนเทพปฐพีตรงๆ แต่ก็ได้เห็นร่างของ จ้าวทะเลบูรพาบนเกาะหยิงโจว
จ้าวทะเลบูรพามีชีวิตอยู่ในช่วงสุดท้ายของยุคกระแสปราณฉีเฟื่องฟู แต่ ด้วยการเป็นเซียนเทพปฐพีขั้นสูงสุด ร่างที่ทิ้งไว้แม้จะผ่านไปเป็นหมื่นปีที่ ยังคงรักษากลิ่นอายส่วนหนึ่งของขอบเขตเซียนเทพปฐพีไว้ได้
ซูฉินมองผ่านกลิ่นอายที่เหลืออยู่ ก็พอเข้าใจบ้างเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นไป ไม่ได้ที่จะระบุถึงการมีอยู่และความแข็งแกร่งของตัวตนในขอบเขตเซียนเทพปฐพีแต่ในตอนนี้ ด้วยฝ่ามือยูไล อํานาจของมันนั้นไปถึงระดับของเซียนเทพปฐพีอย่างชัดเจน
“แต่นี่มันกินพลังมากเกินไปหน่อย…”
หัวใจของซูฉินจมดิ่ง
ในเวลาชั่วครู่เดียวที่เขาได้ดึงเคล็ดฝ่ามือยไลออกมา ยังไม่ทันได้โจมตี จริงๆแก่นแท้แห่งพลังในร่างของเขาก็ถูกใช้ไปเป็นจํานวนที่บ้าคลั่งเสียแล้ว ด้วยอัตราการใช้พลังนี้เมื่อซูฉินโจมตีออกไปจริงๆ เป็นไปได้ไหมว่าจะต้อง เสียแก่นแท้แห่งพลังไปถึงสองส่วนจากสิบส่วน?
“อย่างไรก็ตาม มันนับเป็นไฟลับได้เช่นกัน แม้ว่าจะเจอเซียนเทพปฐพี่จ ริงๆในอนาคตก็ยังสามารถประมือกันได้สองถึงสามกระบวนท่า”
ซูฉันคิดอยู่เงียบๆ ในใจ
ในขณะที่ซูฉินกําลังคิดอยู่นั้น “นี่คือองค์ยูไล”
“นี่คือองค์ยูไลจริงๆ”
บรรพชนหกมือไม้สั่น น้ําตาไหลพราก เมื่อเขามาถึงระดับที่เป็นอยู่ตอนนี้ เขากละทิ้งความหวังที่จะเข้าสู่ขอบเขตยอดอรหันต์มานานแล้ว และสิ่งเดียวที่ไปหาคือการบูชาองค์ยูไลอยู่ในวิหารหมื่นพุทธมาเป็นเวลาหลายพันปี
ในความเป็นจริง นี่ก็เป็นสิ่งที่อรหันต์ขั้นสูงสุดของวิหารหมื่นพุทธในอดีต ตามหาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่แม้แต่ในช่วงสุดท้ายของยุคกระแสปราณฉี เฟื่องฟูช่วงที่วิหารหมื่นพุทธเจริญรุ่งเรืองก็ไม่เคยพบองค์ยูไลที่แท้จริง นับประสาอะไรกับยามนี้?
แต่ตอนนี้ รัศมีที่ซูฉินเปล่งออกมา โดยเฉพาะองค์ยูไลทองคําที่น่าตื่นตระ หนกนั้นเกือบจะเหมือนสิ่งที่วิหารหมื่นพุทธใฝ่หามานับพันนับหมื่นปี
พรบ
ศิษย์ทั้งหลายของวิหารหมื่นพุทธก็คุกเข่าลงทีละคน ก้มหน้าไม่สามาร ถมองได้อีก
“คนผู้นี้เป็นร่างอวตารขององค์ยูไลหรือไม่?” นัยน์ตาของบรรพชนเจ็ด แข็งที่อหัวใจของเขาสั่นสะท้าน
ในสายตาของบรรพชนเจ็ด ถ้าเป็นองค์ยูไลจริงๆ คงกวาดล้างทุกสิ่งไปได้ ตั้งนานแล้วแม้ว่าพละกําลังของซูฉินจะแข็งแกร่ง แต่เห็นได้ชัดว่าห่างไกล จากองค์ยูไลที่แท้จริง
แต่ฉากที่เห็นตรงหน้านี้ ซูฉินเปรียบประหนึ่งองค์ยูไลที่ทอดสายตามอง สิ่งมีชีวิตทั้งปวงใครเล่าจะทําสิ่งนี้ได้นอกจากองค์ยูไลจริงๆ?
นั่นเป็นเหตุผลที่บรรพชนเจ็ดคิดว่าซูฉินเป็นร่างอวตารขององค์ยูไล
หวิ่งหวิ่งหนึ่ง!
จิตใจและจิตวิญญาณของซูฉินรวมเข้ากับร่างสีทองขององค์ยูไลทองคํา และสามารถเหนี่ยวรั้งฝ่ามือยูไลได้ตลอดเวลา ด้วยพลังของ “ตัวตถาคตประเสริฐสุด” เมื่อใช้ออกจริงๆ วิหารหมื่นพุทธจะต้องถูกกําจัดไปอย่างแน่นอนบรรพชนหกบรรพชนเจ็ด บรรพชนเก้า และศิษย์สาวกของวิหารหมื่นพุทธ จะกลายเป็นอากาศธาตุไปพร้อมๆกับวิหารหมื่นพุทธ
แต่ซูฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้เริ่มลงมือในทันที
แม้ว่าบรรพชนเก้าจะบุกเข้าไปในวัดเส้าหลิน เขาก็ไม่ได้ทําร้ายศิษย์วัดเส้ าหลินคนใดแม้แต่หัวหน้าตําหนักยุทธสงฆ์ที่เข้าไปโจมตีก็ยังถูกจับตัวไว้ครู่หนึ่งเท่านั้นสามารถฟื้นตัวในภายหลังได้
แม้ว่าบรรพชนเก้าจะเป็นฝ่ายผิดอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ความผิดก็ไม่ได้ร้าย แรงถึงแก่ชีวิตแม้ว่าซูฉินจะเด็ดขาดและไม่เคยหลีกเลี่ยงการสังหาร แต่เขาก็ ไม่ได้สังหารผู้คนไม่เลือกหน้า
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็ค่อยๆ รั้งฝ่ามือยูไลกลับมา แสงพุทธคุณที่ท่วม เต้มท้องฟ้าไหลกลับเข้าสู่ร่างกายของซูฉิน หัตถ์สีทองอร่ามและองค์ยูไลทองคําที่ชี้มือขึ้นฟ้าอีกมือเอื้อมพสุธาก็ค่อยๆ สลายหายไป
จากสภาพภายนอก ซูฉินยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนแม้ แต่น้อยแต่ทุกคนในวิหารหมื่นพุทธตั้งแต่ศิษย์ธรรมดาไปจนถึงบรรพชนหก บรรพชนเจ็ดและบรรพชนเก้าต่างลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้น สั่นสะท้านไปทั้งตัว ราวกับเผชิญหน้ากับความศรัทธาลึกๆ ในใจ
“แค่ฝ่ามือยไลรูปแบบแรกเท่านั้นยังมีพลังน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แล้ว รูปแบบที่สองรูปแบบที่สามไปจนถึงรูปแบบสุดท้ายจะเป็นเช่นไร?”
ความหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ฝ่ามีอยู่ไลมีทั้งหมดเก้ารูปแบบ ทั้งเก้ารูปแบบล้วนไม่มีสิ่งใดสูงสิ่งใดต่ํา กว่ากัน
ตัวอย่างเช่น ฝ่ามีอยู่ไลรูปแบบแรกนั้นแสดงให้เห็นถึงอํานาจจู่โจมขั้นสูง สุด และรูปแบบที่สาม ฝ่ามือแดนพิสุทธิ์ ได้แสดงให้เห็นถึงความสุดยอดใน ด้านการปิดผนึก
ฝ่ามือยูไลทั้งเก้ารูปแบบ มีความแตกต่างกัน และแต่ละรูปแบบก็มีผลอัน น่าอัศจรรย์ในแบบของตนเอง
ซูฉินเดินช้าๆ ไปที่หน้าวิหารหมื่นพุทธ สายตาของเขากวาดไปตามศิษย์ สาวกของวิหารหมื่นพุทธ
เมื่อสายตาของซูฉินกวาดผ่านไปที่ศิษย์วิหารหมื่นพุทธคนใด ศิษย์ผู้นั้นก็ จะตัวสั่นและก้มศีรษะลง ไม่กล้าสบตากับเขาโดยตรง
กลิ่นอายที่ซูฉินเปิดเผยออกมาเมื่อครู่คล้ายคลึงกับองค์ยูไลที่ ประดิษฐานอยู่ในวิหารหมื่นพุทธ
แม้ว่าจิตใจของศิษย์สาวกเหล่านี้จะยังคงยุ่งเหยิง แต่พวกเขามีความยําเก รงซูฉินไปถึงก้นบึง เสมือนได้มองตรงไปยังองค์ยูไลทองคําที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารหมื่นพุทธ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]