Sign in Buddha’s palm 27 ราชโองการจากจักรพรรดิถัง
“ศิษย์น้องเจินกวน ช่วยบอกศิษย์พี่ทีว่าการคาดเดานี้ถูกต้องหรือไม่?”
เจินชี่มองไปที่กลุ่มสงฆ์สลับกับมองไปที่ซูฉินอย่างคาดหวังคำตอบ
“เอ่อ……”
ซูฉินวางหนังสือประวัติศาสตร์ในมือ คิดอยู่สักพักแล้วตอบกลับด้วยความจริงจัง “สิ่งที่ศิษย์พี่กล่าวมานั้นสมเหตุสมผล”
“อย่างน้อยก็มีศิษย์น้องเจินกวนที่เข้าใจข้า!”
เจินชี่ยิ้มแย้ม
หลังจากนั้นเจินชี่ก็พูดคุยกับเหล่าสงฆ์อยู่สักพักก่อนจะจากไปพร้อมพระอีกสองสามรูป
เมื่อพวกเขาจากไปจนหมด ซูฉินก็กระซิบกับตัวเอง “ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวน? นักพรตจาง?”
ก่อนที่เขาจะเข้ามาอยู่ในวัดเส้าหลิน ซูฉินก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของทั้งคู่มาตั้งแต่เป็นนายน้อยสามตระกูลซูแล้ว
ในตอนนั้นซูฉินรู้เพียงว่าพวกเขานั้นแข็งแกร่งจนเกินเอื้อม
“จุดสูงสุดของระดับชั้นที่หนึ่ง?”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ถึงแม้ซูฉินจะไม่รู้แน่ชัดว่าเขาเป็นยอดฝีมือระดับชั้นที่หนึ่งในอันดับต้นๆ ของยุทธภพหรือไม่ แต่ถ้านับไพ่ลับในแขนเสื้อของเขาแล้วนั้น ย่อมไม่สามารถมองเห็นเขาเป็นยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งธรรมดาๆ ได้
เขารู้สึกกระทั่งว่า ร่างกายของเขาที่บ่มเพาะด้วยกายาวัชระคงกระพันและวิชาขัดเกลากายาจันทรา เขาก็สามารถพิชิตยอดปรมาจารย์ระดับแรกเริ่มได้ด้วยกายเนื้อเพียงอย่างเดียว
เมื่อมารเฒ่ากลืนโลหิตหลบหนีออกมาจากหอคอยสะกดมารก่อนหน้า วัดเส้าหลินก็ได้รู้ว่าหอคอยสะกดมารนั้นมีช่องโหว่อยู่และเริ่มที่จะซ่อมแซมหอคอย
ในเมื่อเหล่ามารร้ายในหอคอยสะกดมารได้ถูกดูดกลืนไปหมดแล้วด้วยฝีมือของมารเฒ่ากลืนโลหิต จึงถือเป็นจังหวะดีที่วัดเส้าหลินไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนั้น
และแล้วหนึ่งปีก็ผ่านไปไวราวกะพริบตา
ในช่วงปีนี้ซูฉินก็กลับสู่วิถีชีวิตแบบเดิม
นอกเหนือจากการลงชื่อเข้าใช้ไปทั่วทุกที่ ภารกิจหลักของซูฉินก็คือการบ่มเพาะกำลังภายนอกอย่างกายาวัชระคงกระพันและขัดเกลากายาจันทรา
“ในที่สุด! ข้าก็ถึงขีดจำกัดเสียที…”
ซูฉินเปิดตาขึ้น ทอดถอนใจออกมาน้อยๆ
ตลอดมาตั้งแต่เขาค้นพบว่าการฝึกวิชาขัดเกลากายาจันทราแล้วนำมาหลอมรวมเข้ากับกายาวัชระคงกระพันสามารถช่วยให้เขาเพิ่มศักยภาพทางกายไปได้อีกระดับ
ทุกๆ คืนซูฉินก็จะไปขัดเกลาร่างกายใต้แสงจันทร์
จนยามนี้ไอพลังสีเทาที่เกิดจากการหลอมรวมทั้งขัดเกลากายาจันทราและกายาวัชระคงกระพันไม่สามารถขัดเกลาร่างกายไปมากกว่านี้แล้ว
“ดูเหมือนว่าแม้จะมีหยินและหยางที่สมดุลกลมกลืน แต่ร่างกายก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงเพิ่มศักยภาพได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด…”
ซูฉินดูเหมือนจะเสียใจเล็กน้อย
“แต่ตอนนี้ข้าสามารถต่อกรกับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้เพียงด้วยกายเนื้อเปล่าๆ….”
“หรือถ้าจะพูดอีกอย่างก็คือ แม้ว่าข้าจะยืนนิ่งเฉยให้ยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งโจมตี คู่ต่อสู้ก็คงไม่อาจผ่านปราการ ‘ป้องกัน’ ของข้าไปได้?”
ซูฉินคิดอยู่อย่างเงียบงัน
หากเป็นกายาวัชระคงกระพันเพียงอย่างเดียว แม้จะฝึกฝนไปได้จนถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ก็สามารถเทียบเท่าได้แค่พลังของสามระดับบนธรรมดาๆ เท่านั้น
หรือก็คือพอๆ กับผู้เชี่ยวชาญระดับชั้นที่สาม
แต่ตอนนี้
ซูฉินผสานวิชาบ่มเพาะขัดเกลากายาจันทราร่วมด้วย กายเนื้อที่เขาพร่ำฝึกฝนก็มาถึงระดับเดียวกับยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งเสียแล้ว?
หากเจ้าอาวาสฮุ่ยเหวินและหัวหน้าตำหนักได้ทราบเรื่องคงตาถลนออกจากเบ้า
เพียงกายเนื้ออย่างเดียวก็เทียบเท่ายอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่ง?
ช่วงเป็นร่างกายที่น่าสะพรึงกลัวอะไรขนาดนี้?
แม้แต่ราชครูแห่งอาณาจักรเหมิ่งหยวนที่อวดอ้างว่ามีพลังดังช้างสารมังกรผงาดก็คงไม่ได้บรรลุถึงขั้นนี้ใช่หรือไม่?
“แล้วข้าจะบรรลุถึงขอบเขต ‘อรหันต์’ ได้อย่างไร?”
ซูฉินลุกขึ้นยืนมองไปที่ดวงจันทร์ที่ลาลับขอบฟ้าบ่นพึมพำกับตนเอง
ในช่วงปีที่ผ่านมาซูฉันได้ใช้โอสถกักเก็บพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อยก็หลายร้อยเม็ดเพื่อหล่อเลี้ยง ‘พลังศักดิ์สิทธิ์’ อย่างต่อเนื่อง แต่จนบัดนี้เขาก็ยังไม่สามารถสัมผัสกับคอขวดของระดับตำนานยุทธได้
“ต้องมีบางจุดที่ข้ายังไม่สำเร็จจนถึงขั้นสูงสุด”
ซูฉินไม่ได้ท้อถอยเพราะตั้งแต่ที่ร่างกายของเขามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง เขาแอบมีความรู้อันเจือจางบอกว่าพลังชีวิตและอายุขัยของเขาเหมือนจะยืดยาวเพิ่มขึ้นไปอีก
โดยทั่วไปอายุขัยของยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งคือราวสองร้อยปี
แต่ขณะนี้ซูฉินมีพลังชีวิตและอายุขัยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แตะที่ขอบเขตอายุขัยสี่ร้อยปี
อายุขัยสี่ร้อยปี!
ทราบหรือไม่ว่าแม้จะเป็น’อรหันต์’หรือตำนานยุทธ ช่วงชีวิตของพวกเขายาวนานเพียงห้าร้อยปี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]