เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 301

ตอนที่ 301 แตกกระจายใน สัมผัสเดียว

HRcQWW.png

Sign in Buddha’s palm 301 แตกกระจายใน สัมผัสเดียว

เหนือพระราชวัง

ร่างทั้งเจ็ดเปรียบเสมือนเทพปีศาจ ยืนอยู่สูงเหนือฟากฟ้า มีไอพลังที่น่าสยดสยองแทรกซึมออกมา ปกคลุมจิตใจทุกคนให้รู้สึกเหมือนกับเกิดเภทภัยร้ายแรง

“ชิงหมางได้พบสหายเต่แล้ว”

ในบรรดาร่างทั้งเจ็ดนั้น มีเพียงเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางเท่านั้นที่แย้มยิ้มเล็กน้อยมองมาทางซูฉิน

สําหรับอีกหกร่างที่เหลือ ต่างก็มองซูฉินในลักษณะที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็นเยาะเย้ย เฉยชา หรือสงบนิ่ง

“นี่คือเบื้องหลังของนิกายใหญ่?”

ซูฉินสายศีรษะเล็กน้อย

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด ในหมู่คนทั้งเจ็ด รัศมีของร่างทั้งหกที่เหลือนั้นลึกล้ํามาก ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง ทุกคนล้วนเป็นขุมพลังที่ไม่สามารถเทียบเทียม ต่างมาถึงครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีกันแล้วทั้งนั้น

“สหายเต่ดูเหมือนจะพร้อมต่อสู้?”

เจ้าสํานักผู้ วิเศษชิงหมางหัวเราะคิกคัก
ในตอนที่ซูฉินปฏิเสธข้อเสนอของเขา เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางรู้ดีว่าซูฉินควรจะมีไพ่ลับของตนเองอยู่

อย่างไรก็ตาม ภายในใจของเจ้าสํานักผู้วิเศษ ชิงหมาง ถึงจะไม่รู้ว่าซูฉินมีไพลับประเภทใด แต่ก็ไม่มีทางจะช่วยให้รอดพ้นจากการร่วมมือกันของรากฐานทั้งหมดของนิกายใหญ่ได้

ซูฉินมีไพ่ลับ แล้วนิกายใหญ่จะไม่มีไพ่ลับในมือหรอกหรือ?

การสะสมยาวนานหลายร้อยปีของซูฉินจะมา เทียบกับนิกายใหญ่ที่สะสมมรดกมากว่าหมื่นปีได้อย่างไร?

“ที่นี่ไม่เหมาะสําหรับการต่อสู้

ซูฉินกวาดสายตาไปมองจักรพรรดิถังและคนอื่นๆ เขาก้าวไปด้านหน้าแล้วหายวับไป แต่ในการรับรู้ของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ ร่างของซูฉินไปปรากฏเหนือท้องฟ้าหลายพันเมตรแล้ว
“ตามนั้น”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางเหลือบมองพระราชวังถังพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย

หากพวกเขาต่อสู้ที่นี่ ผลที่ตามมาคงทําให้ทั้งเมืองฉางอันกลายเป็นซากปรักหักพัง และเมื่อเมืองฉางอันถูกทําลาย อาณาจักรถังจะต้องตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างแน่นอน มันไม่ดีสําหรับนิกายใหญ่ที่จะเข้ายึดแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯ เท่าไหร่นัก

อีกหกร่างเองก็ไม่ได้มีข้อขัดข้องใด สําหรับพวกเขาอาณาจักรถังเป็นเหมือนทรัพย์สมบัติของตนมานานแล้ว และพวกเขาก็ยินดีที่จะทําตาม
หลังจากที่ทั้งเจ็ดร่างหายไปจักรพรรดิถังและซูเยวหยุนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เมื่อครู่ที่ร่างทั้งเจ็ดยืนอยู่บนอากาศ ดูเหมือนพวกเขาจะแปรเปลี่ยนเป็นแผ่นฟ้าอันยิ่งใหญ่ แม้จะยืนอยู่นิ่งๆ แต่ก็สร้างแรงกดดันอย่างมหาศาลให้กับจักรพรรดิถังและซูเยวหยุน

แรงกดดันประเภทนี้ไม่ใช่พลังงานที่เข้ากดดัน แต่เป็นแรงกดดันจากแก่นแท้ของชีวิต ดูเหมือนว่าร่างทั้งเจ็ดนั้นจะอยู่เหนือมนุษย์ธรรมดาไปอย่างสมบูรณ์

ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง

แม้ว่าครึ่งก้าวสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่จะไม่ถึงกับควบคุมโลกได้ด้วยความคิดเดียวเหมือนเซียนเทพปฐพีจริงๆ แต่ความเข้าใจต่างๆเทียบเคียงได้กับขอบเขตเซียนเทพปฐพี่มิใช่หรือ?

“พี่สาม จะต้องไม่แพ้…” จักรพรรดิถังกําหมัดแน่น พึมพําด้วยเสียงต่ํา
แม้ว่าจักรพรรดิถังจะไม่ทราบที่มาของคนทั้งเจ็ด แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยากแท้หยั่งถึง ด้วยความพยายามร่วมกันเช่นนี้ คงจะเตรียมล้อมสังหารซูฉินอย่างเต็มที่

“พี่สามจะต้องชนะอย่างแน่นอน” ซูเยวหยุนที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวออกด้วยความประหม่า

เหนือพระราชวังถังหลายพันเมตร

ในเวลานี้มีร่างแปดร่างยืนอยู่อย่างสบายๆ สายลมด้านบนที่สามารถฉีกร่างยอดปรมาจารย์ระดับชั้นที่หนึ่งได้นั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าทั้งแปดร่างมันดูสงบเสงี่ยมยิ่ง ไม่สามารถเข้าใกล้พวกเขาในระยะร้อยเมตรได้เลย

“พวกข้าหลับใหลด้วยวิธีลับปิดผนึกตนมานับพันปีแล้ว สหายเต๋าคงไม่เคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเรา” เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางพูดอย่างอ่อนโยน ราวกับพวกเขาไม่ได้กําลังปิดล้อมสังหารซูฉินเลย เสมือนคุยเล่นกับเพื่อนมากกว่า

“นี่คือบรรพชนหิมะจากตําหนักเทพเจ้าหิมะ ศิษย์สายตรงของเซียนเทพปฐพีตําหนักเทพเจ้าหิมะเมื่อสองพันแปดร้อยปีก่อน แม้การทะลวงขอบเขตจะล้มเหลว แต่ก็มีทักษะหายากซึ่งสืบทอดมาจากเซียนเทพปฐพี่ตําหนักเทพเจ้าหิมะ….”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมองไปที่หญิงชุดขาว แนะนํานางให้ฟังสั้นๆ
“คารวะสหายเต่า”

บรรพชนหิมะสวมผ้าคลุมหน้าแผ่นบางๆ บรรพชนหิมะนั้นดูธรรมดากว่าบรรพชนคนอื่นๆ ในตําหนักเทพเจ้าหิมะเสียอีก กลิ่นอายบรรจบกันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีการรั่วไหลออกมาเลย สูงสุดคืนสู่สามัญอย่างแท้จริง

“นี่คือบรรพชนสายฟ้าจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ในยุคของเขามีเซียนเทพปฐพีกําเนิดขึ้น และบรรพชนสายฟ้าก็เคยสู้กับเซียนเทพปฐพีผู้นั้นก่อนที่จะทะลวงขอบเขตมาก่อนด้วย ทั้งยังได้ชัยชนะมาจนตัวตนระดับนั้นหนีไปอยู่ดินแดนอื่นเป็นร้อย

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางมองไปที่ชายคนหนึ่ง พร้อมกับกล่าวคําออกมา
บรรพชนสายฟ้าเป็นชายร่างสูง ดูเหมือนจะมีสายฟ้าแล่นวาบอยู่ในดวงตาของเขา ดูไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง แม้เพียงชําเลืองตามอง ตํานานยุทธขั้นสูงสุดธรรมดาคงจะรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ไม่น้อย แม้แต่จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ยังไม่สามารถเข้าใกล้ได้ น่ากลัวยิ่ง

“ส่วนท่านนี้เป็นบรรพชนคนแรกของนิกายเฮยหยวน…”

“ทั้งยังมีจ้าวโอสถจากสํานักเทพโอสถด้วย…”

เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางแนะนําทั้งหกร่างอ ย่างรวดเร็ว

“สํานักเทพโอสถ…”

ซูฉินมองไปยังชายชราที่สวมชุดคลุมสีขาวส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “สํานักเทพโอสถของพวกท่านแสวงหาจุดสูงสุดของการปรุงโอสถมิใช่หรือ จะลงมาเดินจมในน้ําโคลนนี้ทําไม?”

ในบรรดานิกายใหญ่จํานวนมากในต่างแดน สํานักเทพโอสถนั้นมีสถานะที่พิเศษมาก แม้แต่นิกายใหญ่ที่สืบทอดมรดกมานานนับหมื่นปีอย่าง นิกายเทพเจ้าสายฟ้าและสํานักผู้วิเศษยังไม่กล้าหยาบคายเมื่ออยู่ต่อหน้าสํานักเทพโอสถ

สํานักเทพโอสถ ไม่ใช่แค่นิกายที่สร้างโดยเซียนเทพปฐพี มีเบื้องหลังที่ไม่อาจหยั่งถึงเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นเป็นเพราะสํานักเทพโอสถควบคุมดูแลโอสถเกือบทั้งหมดที่อยู่ในต่างดินแดน

การฝึกฝน พรสวรรค์และความเข้าใจในวิทยายุทธนั้นมีความสําคัญอย่างแน่นอน แต่โอสถก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

ซูฉินไม่ได้คาดคิดว่าสํานักเทพโอสถที่เพิกเฉยต่อโลกภายนอกเสมอ บัดนี้กลับร่วมมือกับเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ

ด้วยสถานะของสํานักเทพโอสถในต่างดินแดน ตราบใดที่พวกเขาไม่ต้องการ เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางก็จะไม่กล้าข่มเหงอย่างแน่นอน
ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว….นั่นก็คือ สํานักเทพโอสถจะต้องสนใจแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ด้วย

“แค่พวกข้าทั้งเจ็ดคนที่อยู่ที่นี่ ยังไม่อยู่ในสายตาของสหายเต่ําอีกหรือ?”
เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางกล่าวออกช้าๆ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]