สรุปตอน ตอนที่ 302 (II) ซูฉิน : ข้า คงต้องจริงจังแล้ว – จากเรื่อง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดย Internet
ตอน ตอนที่ 302 (II) ซูฉิน : ข้า คงต้องจริงจังแล้ว ของนิยายActionเรื่องดัง เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 302 (II) ซูฉิน : ข้า คงต้องจริงจังแล้ว
Sign in Buddha’s palm 302 (II) ซูฉิน : ข้า คงต้องจริงจังแล้ว
เจ็ดจอมยุทธครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพ ปฐพีผนึกกําลังกัน แม้ตํานานยุทธเมืองฉางอันจะสูงส่งเสียดฟ้าก็ยากที่จะหยุดยั้งได้ หลังจากวันนี้ เกรงว่าแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่คงจะถูกยึดครองโดยเหล่านิกายใหญ่เสียแล้ว
และเหล่าตํานานยุทธที่ไม่ได้อยู่ในนิกายใหญ่นั้น แน่นอนว่าจะต้องหาลู่ทางในอนาคตของตนเอง
และในตอนนี้
เหนือน่านฟ้าหลายพันเมตร
บรรพชนสายฟ้าแห่งนิกายเทพเจ้าสายฟ้าก็เป็นดั่งทูตสายฟ้า กลบโลกทั้งใบด้วยสายฟ้าจํานวนมาก
ปฐมบรรพชนของนิกายเฮยหยวนก็กลายเป็นกลุ่มควันมืดมิดปกคลุมรอบตัวซูฉินอย่างเงียบๆ
บรรพชนหิมะแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะก็ปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกในทันที ทุกสิ่งที่เข้าใกล้จะถูกแช่แข็ง
เพียงชั่วครู่
ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดคนก็ลงมือพร้อมกันแต่ก็เท่านั้น
ช่วงเวลาต่อมา
ทั้งเจ็ดก็ได้เห็นซูฉินหยิบมีดเทพเจ้าปีศาจออกมา ตวัดประกายแสงสีดําเข้าใส่ฉีก
ประกายแสงของคมมีดสีดําสนิทเหมือนกับจะฉีกช่องว่างในอากาศ ตัดผ่าสายฟ้าของบรรพชนสายฟ้าได้อย่างง่ายดาย สายฟ้าที่บรรพชนสายฟ้าเรียกมามันก็เป็นแค่ฟ้าผ่าธรรมดาๆ จะมาเป็นคู่ต่อสู้ของซูฉินได้อย่างไร?
แกร็ก
ประกายคมมีดสีดํานั้น แทนที่มันจะแตกสลาย มันกลับพุ่งเข้าหาบรรพชนหิมะ
“ไม่ดีแล้ว!”
สีหน้าของบรรพชนหิมะเปลี่ยนไปเล็กน้อย มีดของซูฉินนั้นคมกริบ แม้แต่สายฟ้าของบรรพชนสายฟ้าก็ยังตัดผ่านได้ปีก
บรรพชนหิมะพ่นลมหายใจออกมา ร่างหายวับไปอย่างรวดเร็ว โผล่ขึ้นอีกทีในจุดที่ไม่ห่างออกไปเท่าไหร่นัก เห็นได้ชัดว่านางได้รับแรงกระแทกของคมมีดเทพเจ้าปีศาจ แม้ว่านางจะไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรงอะไร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีเช่นกัน
หวิ่ง!!!
ประกายคมมีดสีดําสนิทตัดผ่านภาพติดตาที่บรรพชนหิมะทิ้งเอาไว้ ฟาดฟันเข้าใส่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีที่เหลือ
ท้องฟ้าอันมืดมิดที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังของปฐมบรรพชนแห่งนิกายเฮยหยวนถูกนั่นออกเป็นชิ้นๆ ราวกับผ้าผืนหนึ่งที่นํามาทิ้งกันประกายแสงคมมีด
เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางตกตะลึง แม้จะหลบเลี่ยงจากคมมีดนี้ได้ก็ตามตูม!
แรงระเบิดที่แสนน่ากลัวกระจายไปทุกทิศทาง กวาดผืนฟ้าจนราบ ด้วยการระเบิดครั้งนี้ ประกายคมมีดสีดําก็ค่อยๆหายไป แต่ถึงกระนั้นพลังของ คมมีดที่เหลืออยู่ก็ยังคงพุ่งทะลวงต่อไปได้อีกสิบลี้ น่ากลัวอย่างยิ่ง
“ไม่ตายสักคน?”
ร่องรอยความผิดหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
ด้วยการตวัดฟันเมื่อครู่ นอกจากไพ่ลับนับร้อยที่ยังไม่ได้ใช้ออกมา ก็นับว่าซูฉินลงมือเต็มที่แล้ว แต่กลับไม่มีใครตายเลยงั้นหรือ?
เมื่อเทียบกับความผิดหวังของซูฉิน เหล่าจอมยุทธครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดต่างหวาดกลัวอย่างสมบูรณ์
พวกเขาไม่คิดฝันว่าขนาดที่ร่วมมือกัน ด้วยการฟันเพียงครั้งเดียวของซูฉิน แม้แต่ปฐมบรรพชนแห่งนิกายเฮยหยวน บรรพชนหิมะแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะ รวมถึงคนอื่นๆ จะได้รับบาดเจ็บ?
เป็นไปได้อย่างไร?
ซูฉินต่อต้านศัตรูเจ็ดคนได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียว ไม่เพียงแต่ไม่ตาย แต่กลับบังคับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดให้ถอยกลับ ได้ด้วยกระบวนท่าเดียว น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
“เขาแข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร?”
ดวงตาของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางเบิกกว้าง ถ้าไม่ใช่เพราะไอพลังที่ซูฉินแสดงออกมามันไม่ ได้เหมือนกับเซียนเทพปฐพี เกรงว่าเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางคงคิดว่าซูฉินได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากเซียนเทพปฐพีที่แท้จริง จะยังมีใครอีกเล่าที่สามารถบังคับพวกเขาทั้งหมดทั้งที่รวมพลังกันแล้วให้ถอยไปได้ด้วยกระบวนท่าเดียว?
“ทุกคน เราต้องใช้ทักษะลับออกมาแล้ว หากเราไม่ร่วมมือกัน เกรงว่าพวกเราคงจะตายกันอยู่ที่นี่” บรรพชนสายฟ้าพูดด้วยความหนักใจ
จอมยุทธแต่ละคน แม้พวกเขาจะฝึกฝนเคล็ดวิชาเดียวกัน แต่จะมีกลิ่นอายจากแก่นแท้ที่แตกต่างกันเนื่องจากร่างกายของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ทักษะโจมตีผสานจะตัดเรื่องของกลิ่นอายที่แตกต่างกันออกไปบรรพชนหิมะแห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะ….
เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง….
จ้าวโอสถสํานักเทพโอสถ…
ภายใต้ผลจากทักษะโจมตีผสาน เหล่าครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดก็ลงมือพร้อม กัน พลังอันน่าสะพรึงกลัวรวมเข้ากับทุกสิ่งอย่าง สมบูรณ์ ทําให้เกิดพลังที่เหนือกว่าขอบเขตเดิม
ในตอนนี้ พลังที่ปรากฏขึ้นได้ฉีกเฉือนอากาศ จนหมด
ในทุกทิศทาง ภายในรัศมีหลายสิบลี้กลายเป็น ทะเลหมอกดํามืด และซูฉินซึ่งรับพลังนี้เข้าไป ตรงๆ ไม่รู้ว่ามีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว
“ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังน่าจะตายไปแล้ว ล่ะ”
เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางเห็นฉากนี้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าปฐมบรรพชนแห่งนิกายเฮยหยวนพยักหน้ารับ
“ช่างน่าเสียดายกิ่งไม้อสนีบาตภัยยิ่งนัก…”
บรรพชนสายฟ้าส่ายศีรษะเล็กน้อย แต่ไม่ว่า เขาจะไม่ยินยอมเพียงใด ซูฉินก็ถูกกําจัดไปแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งจากการโจมตีร่วมกันของพวกเขา ไม่ต้องกล่าวถึงกิ่งไม้อสนีบาตภัยที่ซูฉินกลืนเข้าไปเลย
ถ้าซูฉินทิ้งเนื้อหนังเอาไว้ เขาก็ยังสามารถดึงกลิ่นอายสายฟ้าสวรรค์เก้าชั้นฟ้าของกิ่งไม้อสนีบาตภัยออกมาจากกายเนื้อของซูฉินได้แต่ยามนี้ ในสายตาของบรรพชนสายฟ้า ซูฉินถูกกําจัดไปแล้วอย่างสมบูรณ์ และกลิ่นอายสายฟ้าจากกิ่งไม้อสนีบาตภัยก็คงหายไปด้วย
ขณะที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดเตรียมที่จะเดินทางกลับไปยังเมืองฉางอัน และยึดครองแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯให้สมบูรณ์
ท่ามกลางความมืดมิด ทันใดนั้นชายร่างบางก็ปรากฏตัวขึ้น
ฉับพลัน เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันร้อนแรงที่ปกคลุมไปทั่วราวกับมีดวงอาทิตย์ฉายแสงอยู่ใกล้ๆ
ก่อนที่เจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ จะทันได้ตอบสนอง พวกเขาก็ได้เห็นฉากที่ยากจะลืมเลือนในช่วงชีวิตหนึ่ง
เห็นชายร่างสูงสง่าเดินออกมาอย่างช้าๆ มีดวงอาทิตย์ชั่วนิรันดร์แผดเผาอยู่ในดวงตาของชายผู้นั้น ผิวของเขาใสดุจอัญมณี ทุกย่างก้าวที่เดินออกมา พลังงานธาตุไฟในระยะหลายร้อยหลายพันพลันสั่นกระเพื่อม ประหนึ่งเทพพระเพลิงเสด็จลงมาบนโลก
ท่ามกลางสายตาที่ตื่นตกใจของเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมางและคนอื่นๆ“เป็นการลงมือที่ไม่เลวทีเดียว” “งั้นข้าคงต้องจริงจังแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]