เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm] นิยาย บท 305

ตอนที่ 305 (II) ปิดฉาก

058d173d004634a575641deb21b7f41d.png

Sign in Buddha’s palm 305 (II) ปิดฉาก

“แก้แค้นผู้อาวุโส?”

นักพรตเฒ่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “แค่ในตอนนี้มันสายก็เกินไป แล้วที่เหล่านิกายใหญ่จะร้องขอความเมตตา มีหรือจะกล้าตอบโต้ผู้อาวุโส?”

การตายของครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ด ทําให้นิกายใหญ่ทั้งหลายสูญเสียหนักกว่าที่เคยเป็นมา แม้ว่านิกายใหญ่อย่างสํานักผู้วิเศษและนิกายเทพเจ้าสายฟ้าจะยังคงมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่หลับใหลอยู่ แต่ซูฉินที่สังหารมาได้ถึงเจ็ดแล้ว การจะฆ่าอีกสักสองสามคนนั้นเป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่ง

นิกายใหญ่จะกล้าปลุกบรรพชนขึ้นมาเพื่อรายงานเรื่องของซูฉินหรือ?

ไม่กลัวว่ามรดกนับหมื่นปีจะถูกทําลายลงไปอย่างพรรคหมื่นดาบบ้างหรือ?
ในขณะที่ผู้คนจํานวนนับไม่ถ้วนกําลังตื่นตกใจ

ซูฉินที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าสูงหลายพันเมตรนั้นสงบกว่ามาก ราวกับการสังหารครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีของเขานั้นเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามสักหน่อยเท่านั้น

ซึ่งที่จริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

ตอนนี้ซูฉินรวมกับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําแล้ว และด้วยร่างกายนี้ก็เหนือกว่าร่างกายธรรมดาๆมาก มันสามารถเทียบเท่ากับเซียนเทพปฐพี่ที่แท้จริง

แม้แต่ตอนที่สู้กับครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ด อย่างเจ้าสํานักผู้วิเศษชิงหมาง ซูฉินก็ใช้เพียงพลังกายล้วนๆ ส่วนทักษะอื่น แม้แต่ทิพยอํานาจจากดวงตาที่ตื่นขึ้นพร้อมกับร่างศักดิ์สิทธิ์อีกาทองคําก็ไม่ได้ถูกนําออกมาใช้

“จงมา”

จิตใจของซูฉินขยับวูบ ทันใดนั้นผนึกสายฟ้าสวรรค์ขนาดเท่ากําปั้นที่ได้มาจากบรรพชนสายฟ้าจากนิกายเทพเจ้าสายฟ้า ก็ลอยมาเบื้องหน้าของซูฉินอย่างรวดเร็ว “อาวุธวิเศษชิ้นนี้ค่อนข้างดี”

ซูฉินเหลือบมองผนึกสายฟ้าสวรรค์ พร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย
แม้ว่าผนึกสายฟ้าอันนี้จะถูกประทับรอยหมัด ด้วยฝีมือของซูฉินไปแล้ว แต่ก็ไม่อาจทําให้แก่นสําคัญของมันเสียหาย

รู้หรือไม่ด้วยร่างกายของซูฉิน เป็นเรื่องยากมากที่สิ่งใดจะทานทนหมัดของเขาได้ในตอนนี้ แต่สิ่งนี้กลับมีเพียงรอยหมัดเท่านั้น

“ถ้าได้กลืนพลังงานสายฟ้าจากผนึกเล็กๆชิ้นนี้ เกรงว่ามันจะทําให้ห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้าของข้าพุ่งสูงขึ้นไปอีกขั้น…”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน
สําหรับซูฉินในตอนนี้ ผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุด จากผนึกสายฟ้าสวรรค์เป็นเพียงการสร้างความก้าวหน้าให้กับห้าหมัดเทพเจ้าสายฟ้า

หากนิกายเทพเจ้าสายฟ้าได้รู้ว่ามรดกนับหมื่นปีที่สูญเสียไป เมื่อมาอยู่ในมือของซูฉินกลับถูกดูดซับไปใช้ อาจจะเป็นลมหมดสติไปได้

หลังจากนั้น นอกจากผนึกสายฟ้าสวรรค์แล้ว ซูฉันก็ยังเก็บรวบรวมอาวุธวิเศษที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดได้เหลือเอาไว้ ตัวตนเหล่านี้เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายใหญ่ ย่อมพกพาอาวุธวิเศษติดตัวมาด้วย แต่อาวุธวิเศษส่วนใหญ่กลับสลายกลายเป็นผงด้วยหมัดของซูฉินไปแล้ว เหลืออยู่เพียงไม่กี่ชิ้นอย่างผนึกสายฟ้าสวรรค์ อาวุธชิ้นอื่นแทบไม่เหลือรอด

“น่าเสียดายหม้อยานี้…” ซูฉินเหลือบมองหม้อยาที่เคยเป็นของจ้าวโอสถพร้อมกับส่ายศีรษะเล็กน้อย

เขาลงชื่อเขาใช้มาเป็นเวลาหลายสิบปีแต่ได้รับอาวุธวิเศษกลับมาไม่มากนัก และหม้อยาใบนี้ก็ดูมีเนื้อสัมผัสที่ดี สุดท้ายกลับถูกซูฉินทุบแตก
ขณะที่ซูฉันกําลังเก็บเกี่ยวสิ่งของ

ห่างจากอาณาจักรถังไปไกลลิบ เหล่าผู้นํานิกายใหญ่ระดับสูงต่างมารวมตัวกันบนภูเขาแห่งหนึ่ง

“ครานี้ บรรพชนครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีเป็นคนลงมือ แม้ตํานานยุทธแห่งอาณาจักรถังจะสูงส่งเสียดฟ้า แต่อย่างไรก็ไม่มีทางรอดไปได้..”

ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเอ่ยขึ้นอย่างช้าๆ

ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเชียนเทพปฐพี่ถึงเจ็ดคนร่วมมือกันสังหารตํานานยุทธเมืองฉางอัน เป็นปกติที่พวกเขาจะทราบเรื่องราวเหล่านั้น จึงรวมตัวกันที่นี่เพื่อรอข่าวการล่มสลายของอาณาจักรถัง

“คราวนี้ นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าได้นําผนึกสายฟ้าสวรรค์ออกมา นับเป็นการยอมจ่ายที่มหาศาล หลังจากวันนี้ไป นิกายเทพเจ้าสายฟ้าของข้าจะเข้ายึดเมืองฉางอัน” ผู้นํานิกายเทพเจ้าสายฟ้าเหลือบมองไปยังผู้นํานิกายคนอื่นๆ พร้อมกับกล่าวคํา

ในสายตาของเขา ด้วยการที่ครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพีทั้งเจ็ดร่วมมือกันสังหารซูฉิน เมื่อซูฉินตกตาย อาณาจักรถังทั้งหมดย่อมแตกสลายอย่างไม่อาจเลี่ยง และจะกลายเป็นเขตปกครองของนิกายใหญ่

เวลานี้ ในสายตาของผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลาย สิ่งที่สําคัญที่สุดคือจะแบ่งแผ่นดินแห่งพลังยุทธฯอย่างไร

“เมืองฉางอัน?”

เมื่อผู้นํานิกายใหญ่คนอื่นๆ ได้ฟังเช่นนั้น คิ้วของพวกเขาก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

เมืองฉางอันเป็นเมืองหลวงโบราณมากว่าสิบราชวงศ์ เรียกได้ว่าเป็นแกนกลางของแผ่นดินแห่งพลังยุทธอันยิ่งใหญ่ สถานที่เช่นนั้นจะต้องได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างแน่นอนจากสถานการณ์ที่กระแสปราณฉีฟื้นคืน นี่เพิ่งจะผ่านจุดเปลี่ยนผ่านครั้งแรกมาก็เกิดแหล่งกําเนิดธาตุไฟขึ้นมาในระยะร้อยล์ห่างจากเมืองฉางอันเสียแล้ว

การที่จะมอบสมบัติล้ําค่าดังกล่าวให้กับนิกายเทพเจ้าสายฟ้า แน่นอนว่าไม่มีผู้นํานิกายใหญ่คนไหนเต็มใจจะทํา

“สหายเต่สายฟ้า บรรพชนสายฟ้าของเจ้ายอมสูญเสียมหาศาล แล้วคิดว่าบรรพชนของสํานักผู้วิเศษของข้านั้นไม่ได้จ่ายอะไรออกไปเลยหรือ?” เจ้าสํานักผู้วิเศษเยาะเย้ย “เมืองฉางอันแห่งนี้ สํานักผู้วิเศษก็ต้องการมันด้วย”
ด้วยคําที่กล่าวออกมา

ทันใดนั้นผู้นํานิกายที่เหลือก็กล่าวออกมาพร้อมกัน พวกเขาต่างต้องการครองเมืองฉางอัน ทุกคนต่างมีครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่หนู นหลัง ย่อมไม่มีใครยอมหลีกทางให้แก่กัน

ในท้ายที่สุดผู้นํานิกายใหญ่ทั้งหลายก็ตัดสินใจว่านิกายใหญ่แต่ละแห่งจะดูแลส่วนหนึ่งของเมืองฉางอัน และร่วมกับครองเมืองหลวงโบราณสิบราชวงศ์แห่งนี้

หลังจากที่แบ่งเมืองฉางอันกันได้ลงตัวแล้ว ต่อจากนั้นก็เริ่มแบ่งสันปันส่วนพื้นที่อาณาจักรถังที่เหลือ

“หนึ่งร้อยกับอีกสองเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ จะอยู่ในการปกครองภายใต้นิกายเฮยหยวนของข้า”

“หนึ่งร้อยสิบสามเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตําหนักเทพเจ้าหิมะต้องการมันไว้ในการครอบครอง

“สองร้อยเก้าสิบเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นของสํานักผู้วิเศษ…”

ในชั่วพริบตา

ผู้นํานิกายใหญ่ก็ได้แบ่งพื้นที่ภายในอาณาจักรถังทั้งหมดเรียบร้อย จากนั้นจึงมองไปยังทิศทางของเมืองฉางอัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

“ดูจากเวลา เหล่าบรรพชนควรจะกลับมาในเร็วๆนี้” พวกเขาต่างอยู่นอกเขตแดนของอาณาจักรถัง ห่างไกลร่วมแสนล้ําจากเมืองฉางอัน เป็นเรื่องปกติที่ไม่สามารถมองเห็นการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในเมืองฉางอันได้

แน่นอน ในสายตาของผู้นํานิกาย พวกเขาไม่จําเป็นต้องรู้ก็ได้ เพราะครึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเซียนเทพปฐพี่ทั้งเจ็ดคนปิดล้อมสังหารซูฉินเอาไว้ ชะตากรรมของตํานานยุทธเมืองฉางอันย่อมถึงวาระแล้ว ไม่มีความเป็นไปได้อื่น

เมื่อทุกคนเฝ้ารออย่างอดทน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เข้าสู่ระบบ ‘ฝ่ามือยูไล’ [Sign in Buddha’s palm]